Skip to main content

ท่องราตรีที่กรุงเทพ One night <only> in Bangkok <1>

คอลัมน์/ชุมชน


 


"เธอนั้นเป็นคนกลางวัน ฉันนั้นเป็นคนกลางคืน"  เพลงของพี่แอมที่หลายคนบอกว่าโดนกับชีวิตจริงอย่างจัง 


 


ชีวิตบนความเหมือนที่แตกต่าง ด้วยหน้าที่การงานทำให้คนกลุ่มหนึ่งต้องเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงเริงรมย์ ยามค่ำคืน ที่หาได้มากมายทั่วกรุงและเมืองท่องเที่ยวแทบทุกที่ของไทย


 


สัปดาห์นี้ชาน่าขอพาท่านไปเที่ยวท่องล่องเป็นผีเสื้อราตรีที่กรุงเทพนะคะ  สะท้อนให้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของคนกลางคืน และเกย์วิถี อีกด้านที่หลายคนบอกว่า ไปบ่อย  บ้างบอกว่าไม่เคยรู้มียังงี้ด้วยลือ   จะอย่างไรก็แล้วแต่ ลองปูเสื่อนั่งอ่านงานเม้าท์แตก เล่ากระจายกันได้เจ้าค่ะ


 


"ชาน่า  ไปเที่ยวกันเถอะ ชั้นอุตส่าห์บินมาจากอเมริกา มาเที่ยวบ้านยูนะ" เสียงของ Stefan หัวหน้าและเพื่อนร่วมงานชักชวนไปเป็นผีเสื้อราตรีหรือแมงเม่าก็ไม่รู้  ...


"ได้เล้ย ชาน่าก็อยากจะไป เปิดหู เปิดตาเหมือนกัน พักนี้ไม่ค่อยได้ท่องราตรีนัก หลังจากที่ไปกบดานอยู่บ้านบนดอย บ่อมีแสงสี"   ชาน่าตอบรับอย่างพลันโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด  เปลืองเวลาในการโป๊ะแป้งสามนิ้วความหนา ตีคิ้วโค้งจันทร์ครึ่งเสี้ยวด้วยดินสอ พอๆ กับโค้งร้อยศพ


 


เราเริ่มต้นด้วยการทานอาหารเย็น มื้อแรกที่พบเจอ หลังจากนั้นก็เดินเล่นไปตามถนนสายโลกีย์มีนามว่า  "สีลม" หรือ "พัฒน์พงษ์"  


 


วันนั้นเป็นวันจันทร์ ซึ่งจะไม่มีการขายของตามถนนคนเดิน หรือฟุตบาท (ชาน่าก็เพิ่งรู้ปีนี้หละ)


"เฮ้ ชาน่า ไปเที่ยวไหนต่อดี"


ชาน่าจึงพาไป ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่มีชื่อแปลว่า โทรศัพท์  ร้านนี้อยู่สีลมซอยสี่ ซึ่งเต็มไปด้วยสมาชิกประชาชีชนชาวเกย์ ทั้งแอ๊บ แบบเปิดเผย และเก๊กชง รวมทั้งชี ชะนีทั้งหลาย ชายจริงก็มี แต่น้อยเหลือเกินจนกลมกลืนเป็นชาวรักร่วมเพศครองซอย


 


ร้านนี้ มีจุดเด่นที่แต่ละโต๊ะนั้นมีโทรศัพท์ ซึ่งสามารถยกหู ต่อคู่สายไปโต๊ะเป้าหมายได้สบายนักแล ใครกิ๊กใคร ปิ้งใคร โทรกระจายไม่เสียค่าบัตรเติมเงินค่ะ  ขอให้จำเบอร์โต๊ะ เป้าหมายได้ก็ถึงปลายทางคู่สาย  ส่วนมากเกย์ที่มาที่นี่ ต้องพูดภาษาต่างด้าว เอ้ย ..ภาษาอังกฤษ เพื่อเป็นการสนทนาคู่ขาใหม่คืนนี้ได้บ้าง


 


"ด้านเท่านั้นแก  อดใจไม่ไหวต้องโทร แค่อยากรู้จักเผื่อได้" คำพูดของสุหม่า และเจสสิก้า ที่บอกชาน่าถึงความหนาของใบหน้า ใจกล้า หน้าทนเข้าไว้


 


นั่งเม้าท์กระจุยกระจาย  มองโต๊ะนั้น โต๊ะนี้ ช่วงผีเห็นผี และตามด้วยผีนินทาผีก็มีอย่างไม่ขาดสาย บางรายมานั่งเพื่อหาคู่นอนคืนนี้


 



 


จากนั้น Stefan จึงชวนไปที่บาร์แห่งหนึ่งหลังพัฒน์พงษ์ ดงโลกีย์ ซึ่งที่นี่จะมีบาร์บอย หรือสถานเริงรมย์ของชาวสีม่วงปนอยู่กับน้องนี (ชะนี  ชีทั้งหลายแหล่)


 


"ผ๊มรับรอง เพราะผมเคยไปมาแล้ว เมื่อปีก่อนที่มาเมืองไทย แล้วจะพาไปรู้จักหนุ่มน้อยคอยให้บริการ(ทางเพศ) ที่ผมเคยออฟไปปีที่แล้วด้วย"  เสียงของเพื่อนชาวต่างชาติแนะนำร้านที่เคยค้า ม้าเคยขี่


 


ในระหว่างทางเดินนั้น มีคนเชียร์หน้าร้าน ร้องตะโกน ชักชวน


"you you ! show girl very nice  come in  come in !"


"Oh No ! I am gay I like a man"  เพื่อนบอกด้วยความหงุดหงิดจากการตื้อของคนเชียร์แขกหน้าร้าน พร้อมใบ  โบรชัวร์โฆษณาชวนเข้าบาร์


 


ชาน่าเดินกับเพื่อนสองคน เหมือนกับว่าชาน่าเป็นเด็ก ของStefan ซะงั้นหละ แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์คิด


 



ภาพนางโชว์ จาก สหมิว พันทิบ


 


เราถึงร้านบอยบาร์ หรือที่เรียกว่า บาร์ของชายขายตัว ด้วยแสงสีนีออนสาดสะท้อนจนลายตา เพื่อกระตุ้นความกล้าในการเข้าไปสำเริงรื่น ผ่อนคลาย


 


Stefan สั่ง จินโทนิค ส่วนชาน่า น้ำนางเอกเสมอค่ะ บางคนจะเรียกว่าน้ำสิ้นคิด เพราะชาน่า แอลกอฮอล์ฟรี คือ "บอยไม่ดื่มเค่อะ" 


"ตกลงน้องน้ำส้มแก้วนึงค่ะ"


โชว์จะเริ่มที่เวลา สี่ทุ่มครึ่งรอบนึง อีกรอบเที่ยงคืนครึ่ง


 


ในระหว่างนั้นจะมีน้องๆ เสิร์ฟเซ็กส์เดินโชว์ตัว ด้วยกอกอนอ รัดติ๊วซ๊า... หรือเรียกว่า จี สตริง ใบหนาดปิดนิ๊ด นิดที่เจ้าโลก ส่วนข้างหลัง เปิดง่ามโชว์ก้นอันอวบอั๋น ซึ่งบางร้านจะใส่กอกอนอ หรือกางเกงขาสั้นแล้วแต่คอนเซปต์ของแต่ละร้านที่ไม่เหมือนกัน


 


บาร์ชายขายตัว ต้อนรับน้องนี เพื่อนสาวชะนีด้วย แต่อันเนื่องมาจากเป็นบาร์ของเกย์โด๊ยตรง ถ้าน้องนี จะร่วมทางเดินแบ่งกันดู เข้าไปได้จะต้องเสียค่าดื่มแพงกว่าสองเท่า


"เด็กที่นี่จะต้องบริการได้ทั้งหญิงและชายครับคุณชาน่า"  เสียงของกัปตันและผู้จัดการแนะนำชาน่า


"ราคาเท่าไหร่คะ จ่ายยังไง ค่าออฟเด็ก" ชาน่าใคร่รู้เชียว คือบอกผู้จัดการก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องการข้อมูลค่ะ (หาได้เพื่อซื้อบริการเอง อิอิ...)


 


"ราคา จ่ายให้ทางร้าน สี่ร้อยบาท ส่วนค่าตัวเด็กแล้วแต่ตกลงกับเด็กเอง พัน สองพัน หรือบ้านพร้อมที่ดิน สุดแล้วแต่"  กว่าจะไปทำกามกิจกันก็คงต้องตกลง เยส โน โอเคกันก่อนหละค่ะ  แม่บุญทุ่ม หรือ คุณหญิงเปยิกา (pay = จ่าย)  ชื่อไทยที่ชาวกอเรียกกันคือ เปยิกา นะคะ (ใกล้เคียงกับชื่อของใครเอ่ย)


 


สี่ทุ่มครึ่งได้เวลาโชว์ นางโชว์แสดงโดยกอแปลงเพศหรือกะเทย ผมยาวมีนมอารมณ์เกินหญิง ได้เริ่มบทบาทหน้าที่ของพวกเค้าในค่ำคืนนี้ ที่กรุงเทพ


 


ชุดแรก เธอมาในเพลง เจ โล  Waiting for tonight  เหมือนกับจะเอาใจใครที่รอใครสักคนมาเติมเต็มค่ำคืนอันหนาวเหน็บ อารมณ์เหงา เป็นการลิปซิงค์ ถั่วงา ถั่วงา (ลองทำปากพูด คำว่าถั่ว และงา ๆๆๆ  เหมือนกำลังร้องเพลงได้ดีซะงั้นหละค่ะ) แดนเซอร์ ขนชุดเลื่อมเพชร กระไดยิง จากประตูน้ำ ระยิบระยับ ชะแว๊บ ชะว๊าบ ดูแล้วเคลิ้ม นึกว่า เจนนิเฟอร์ โลแป๊สสสส มาโด๊ยตรง ที่ไหนได้ดูหน้าเหลี่ยมหามุมไม่เจอ


 


ชุดสอง โชว์ตลก นำเพลง รุ่นแม่ผ่องศรี หารู้ไม่ว่าเพลงอะไร จำได้แต่ว่า


"คุณแม่ข๋าปูน้อยหนีบมือ"   นางโชว์แต่งหน้ายังกะยายผีปอบ น่ารักน่าชัง ทาฟันสีดำรอบหน้า เหลือสองซี่ รอบข้างยังกะศพยายฟื้นคืนชีพ อะจื๋ยยยยย...  เธอแสดงดีเนียนเชียวครับ


 


โชว์สาม สี่ ห้า ไม่พ้นลิปซิงค์ที่เลือกเพลงอัมตะ อย่าง Whitney Houston ,Mariah Cary  หรือเข้าใจว่า ยัยวิทย์นี่ ฮูตัน และป้าม้าลาย แครี่ (ถือ) พวงมาลัย  เป็นต้น


 


พอนางกอโชว์หมดจึงเป็นหน้าที่ของน้องชายโส (เภณี)  แสดงหนัง มีทั้งบู้ล้างผลาญ หรือตำนานรักดอกเหมย  และอินเดีย ไทย จีน โอ้โห ศูนย์รวมนานาชาติเผ่าพันธุ์ค่ะ


 


มีการแสดงแบบอีโรติค  ยั่วยวน มาในมาดนักมวย  นายทหารปล้นข่มขืนกัน 


 


ที่เห็นคืนนั้นเป็นการแย่งชิง ตัวประกันเกย์  หลังจากนั้นนำมาข่มขืน ฟาด เสี้ยนหวาย ร้องครวญคราง  เป็นชาวเวียตนามกับทหารไทยเห็นแล้วได้ใจนัก  ผลงานกำกับการสร้าง ยิ่งกว่า พจน์  อานนท์  ยกนิ้วให้ค่ะ


 


นอกจากบรรยากาศ แสงสี เสียง แบบอีโรติคแล้ว จากนั้นก็ฮาร์ดคอร์ ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ แบบว่า ถึงใจกันทีเดียว ทำเอาท่านผู้ชม หัวโปกไร้นม อารมณ์เกินหญิง และ น้องชะนี ชีคันเล่น ๆ  สดทุกสถานการณ์ หนังสดเลือดฝาด


 



 


คืนนั้นที่ชาน่าเห็นมีน้องชะนี ไปกันหลายคนเหมือนกัน บ้างดูแล้ว ขำธรรมดา บ้างขำน้ำตาเล็ด  บ้างเหมือนกับระบบสัมผัสอยากลองขอจับ คลำ ทำกันได้บ่อยั่น


 


โชว์ที่เพื่อนของชาน่าชอบมากคือการ โชว์เล่นกับไฟ อันร้อนรุ่ม


นายโชว์ ใส่กอกอนอ แสนเซ็กซี่ เล่นเป่าไฟ จุดไฟ ทั้งดูดและดม อมไฟในเวลาเดียวกัน  เป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว สำหรับคนที่มีไฟเท่านั้นค่ะ


 


Stefan ฝากเด็กเสิร์ฟไปให้ทิป ร้อยบาท หลังจากการแสดงเสร็จไปตั้งนาน น้องคนนั้นก็ตามกลับมาขอบคุณ  น้ำใจดีเลิศค่ะคุณน้องข๋า เพื่อนชาน่าชื่นชมถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนน่านำมาเป็นตัวอย่างค่ะ


 


เพื่อนดื่มจินโทนิค สี่แก้ว และชาน่าน้ำส้ม ราคารวม 960 บาทค่ะ น้ำส้วมร้อยหกสิบบาทขาดตัว


แต่ก็คุ้มค่าทุกนาทีที่ได้ดูโชว์ นานร่วมชั่วโมง  ถึงใจได้รส แบบดื่มด่ำกำซ่า ณ ราตรีมุมหนึ่งของบาร์บอย


 


จากนั้นเราไปต่อสีลมซอย 2 นามว่าดีเจ สเตชั่น เต้นกันมันกระจาย  แม้วันจันทร์คนจะไม่หนาแน่นมากนัก แต่ก็ลำบากในการเดินเต้นเปิดฟลอร์ 


 


บ้างเปลื้องเสื้อ ท้อปเลส โชว์หุ่นก้ามปู เต้นปูนาขาเก ทั้งเฮ ทั้งร้อง เล่น เต้น รำ เพลงไหน ๆ ร้องตามได้โหม๊ดดดด...  (เพราะลูกค้าบางคนมาบ่อย แสนรู้นัก)  เพลงแนวอันเดอร์กราวน์ สากล แบบเกย์โกอินเตอร์  จนบางทีเผลอไป นึกว่าตัวเองอยู่เมืองนอก ลูกค้าฝรั่งกับไทยไม่แพ้กัน


 


ราคาค่าตั๋ว วันธรรมดา หนึ่งร้อย วันศุกร์ เสาร์ หรือก่อนวันหยุดพิเศษ สองร้อย ซึ่งแลกดื่มได้ หนึ่งดริ้ง  ปกติก็จะดื่มกันเป็นแก้ว ดริ้งละร้อยราคาปกติทั่วไป


 


บาร์นี้ เก้าสิบเก้า จุดเก้าเป็นเกย์ กะเทย แอ๊บแมน ชงเก๊ก ที่เหลือคือชะนีบุญหลง


เสียงเพลงกระหื่ม จนลืมบ้านเลขที่ เต้นกันจนถึงตีสอง


บ้างเป็นเด็กขายน้ำ(อสุจิ)  มาหาจับแขกดอย คอยแหลก...ใครสักคน 


แต่ละคนโกอินเตอร์ทั้งน้านนนน   ไทย จีน ฮ่องกง ฝอ (ฝรั่ง) ตะวันออกกลาง เหนือ ใต้ ออก ตก อีสานหลากเผ่าพันธ์ มายัดเป็นปลากระป๋องในห้องโถงที่ใหญ่ หากแต่ดูแคบไปถนัดตา เพราะยิ่งดึกมากคนก็ยิ่งหลั่งไหลมาจากสารทิศ


 


แดนซ์อารีน่า แห่งนี้ปิดตีสอง


 


หลังตีสองพวกเค้าจะไปต่อกันที่ไหน


ติดตามได้  "คืนหนึ่งที่กรุงเต๊บ"  ช่วงหน้าตอนต่อไป  รับรองค่ะ ว่าคุณจะ คิดไม่ถึงว่า ...นี่หละคือจุดเริ่มต้นของคำว่า


"ดื่มเหล้า ดูดบุหรี่ ขาย He (เขาผู้ชาย)  อัพยา เล่นไพ่ มั่วเพศ"


เป็นยังไง พลาดบ่อได้เด้อเจ้า...เร็วๆ นี้ค่ะ