Skip to main content

คำตอบเดิมในใจ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

คอลัมน์/ชุมชน

ฉันเห็นเธอเดินมาพร้อมผู้ชายคนหนึ่ง เธอบอกว่าเป็นสามี เธอกำลังจะมีลูกเพราะเธอท้องได้ 2 เดือนแล้ว


 


หลังอาการแพ้ท้อง อาเจียนจนกินอะไรไม่ได้  ร่างกายเธอดูซูบจนต้องมานอนโรงพยาบาล หมอให้น้ำเกลือ  วิตามิน และยาแก้แพ้  อาการเธอเริ่มดีขึ้น  เธอดูสดชื่น อาการคลื่นไส้ลดลง ไม่อาเจียนแล้ว


 


มีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติในห้องพิเศษของเธอ เช่น เธอพกโทรศัพท์มือถือในเวลาเดียวกันถึง 4 เครื่อง  มีเด็กชาย เด็กหญิง ผู้ชาย ผู้หญิงแออัดอยู่ในห้องเธอ วันละ 10-20 คน ทุกคนล้วนหน้าตาดี ข้อสำคัญก็คือ เด็กบางคนใส่ชุดนักเรียนประถม


 


เธอลุกเดินได้ตามปกติ หลังถอดน้ำเกลือออกแล้ว  เธอเดินมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล ต้องการให้ช่วยอะไรไหม  ฉันเอ่ยถาม  เธอยิ้มแล้วบอกว่า อยากจ่ายค่ารักษาและค่าห้อง  แต่จะต้องออกไปธนาคาร ไปถอนเงินเอง 


 


ฉันแนะนำว่าให้สามีเธอไปสิ  เธอจะได้พักผ่อน   เดินทางตอนนี้เธออาจเป็นลมได้


เธอยิ้มกว้าง หน้าตาของเธอดูดีมากขึ้น สวยและอิ่มเอิบ เธอทำท่ากระซิบกระซาบแล้วบอกว่า


เธอไม่ไว้ใจคนที่เป็นสามีเธอหรอก  เงินทุกบาท ทรัพย์สินทุกอย่างเป็นชื่อของเธอคนเดียวเท่านั้น


จริงๆ แล้วเขาไม่ใช่สามี แต่เป็นลูกค้าของเธอมาก่อน ติดใจเธอมากจนยอมมาเป็นสามีในที่สุด


 


ฉันเริ่มงง มองหน้าเธอแล้วนิ่งฟัง  เธอเริ่มต้นเล่าอย่างไม่รอช้า


 


เธอมีบ้าน 4 หลัง รถยนต์ 4 คัน เงินสดอีกเป็นล้าน เธอเริ่มต้นขายบริการตั้งแต่เรียนมัธยม  ลูกค้าของเธอมีมากมายจะให้เอ่ยชื่อให้ฟังไหม  ฉันส่ายหน้า ถึงกระนั้นเธอก็ยังบอกชื่อมาเป็นคนที่มีชื่อเสียง 2-3 คน  หลังเธอเข้าสู่วงการนี้ไม่นาน เธอก็ตั้งตัวเป็นคนจัดคิวให้บริการลูกค้าด้วยตนเอง ตอนแรกก็มีเด็กๆ ในสังกัดเพียงไม่กี่คน  ตอนหลังธุรกิจเฟื่องฟู เธอมีเด็กในบริการมากมาย  พี่ดูในห้องของหนูก็ได้ ตอนนี้พวกกระสือพวกนั้นอยู่เต็มห้องหนูเลย เด็กที่สุด พี่ว่าอายุเท่าไหร่  ฉันเงียบ หูได้ยินเธอว่า 12-13 เองพี่  เรียนประถมอยู่เลย หนูหัก 20%ต่อลูกค้าหนึ่งราย แต่บางคนนะพี่ ขอวันละ 3 รายก็มี บอกว่าจะเอาเงินไปเลี้ยงเพื่อน  เอ้อ หนูละกลุ้ม    


 


เธอดูสดใสหัวเราะคิกคักไม่ได้กลุ้มจริงตามปากว่า 


 


หนูกำลังจะมีลูกนะ ทำอย่างนี้ไม่รู้สึกผิดบ้างหรือ  อย่าลืมว่าลูกกำลังจะเกิดมาในท้องหนู เด็กต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี  รวมทั้งสิ่งดีๆ จากแม่นะ  


 


ฉันอดไม่ได้ที่จะพูด  เลิกเสียเถอะนะ วันนี้ไม่เคยมีคำว่าสายหรอก 


เธอหัวเราะ เอาไว้หนูค่อยคิดอีกทีนะพี่ เธอทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ฉัน ก็เงินทั้งนั้น พี่ไม่อยากได้หรือ ลองคิดดูว่าจะทำงานอะไรที่มีรายได้ดีเท่านี้บ้าง พี่ไม่สนใจบ้างหรือ มาเป็นหุ้นส่วนกันก็ได้   เธอส่งสายตาล้อเลียนให้ฉัน


 


ฉันจ้องหน้าเธอ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุดในชีวิตว่า พี่ไม่ได้สนใจเรื่องเงินหรอก เอาแค่เงินเดือนก็เหลือเฟือแล้ว จะเอาเงินมากมายไปทำอะไรเล่า ก็ข้าวที่กินแค่วันละสามจาน ขอเพียงได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ได้ช่วยเหลือคนอื่นและอยู่บนโลกนี้อย่างภาคภูมิใจ  ว่าได้ทำสิ่งดีที่สุดที่เราเลือกแล้ว แล้วเธอเล่า เธอเลือกชีวิตที่ดีที่สุดของเธอหรือยัง


 


เธอยิ้มเจื่อนๆ หนูแหย่พี่เล่นๆ หรอกนะ จริงจังไปได้ เอาแค่ว่าหนูจะไปธนาคารตอนนี้ได้ไหม หรือว่าหนูจะจ่ายเงินวันกลับทีเดียวได้ไหม  เธอเปลี่ยนเรื่องพูดทันที


 


ได้สิ ไม่เป็นไร ถ้าดีขึ้นอย่างนี้ พรุ่งนี้คงได้กลับบ้าน  ค่อยจ่ายวันกลับเลยก็ได้  ฉันบอกเธอ ว่าแต่ว่าอย่าลืมไปคิดเรื่องที่พี่ฝากไว้ด้วยนะ  เธอมีเรื่องใหญ่ที่ต้องคิดและทำ  คือเรื่องลูกนะ  ฉันยิ้มให้เธออย่างมีความหวัง  อย่างน้อยเธอก็ได้ยินที่ฉันพูด  เธอยิ้มให้ทั้งสีหน้าและแววตา


 


เธอกลับบ้านแล้วในวันรุ่งขึ้น พร้อมเด็กๆ หลากหลายวัยที่อยู่ในห้องเธอ กลับไปด้วยกัน


น้องพยาบาลในตึก บอกฉันว่า โล่งอกไปทีนะพี่ ที่เขากลับไปได้ หนูว่าเขาเอาโรงพยาบาลเป็นซ่องไปแล้วหล่ะ เวลาไปแจกยาหนูไม่กล้ามองหน้าเด็กๆของเขาเลย  กลัวเจอคนรู้จัก หนูกลัวหัวใจวายตายด้วยความกลุ้มใจที่ไม่รู้จะไปบอกพ่อแม่เขาว่าอย่างไรดี เฮ้อ ดูสิ คิดไปไกลได้ขนาดนั้น ขนาดหนูยังไม่มีลูกนะเนี่ย ยังกลุ้มสาหัส พี่ๆที่มีลูกแล้ว ไม่กลุ้มบ้างเรอะ


 


โธ่…  ถามได้  แว่วเสียงพี่อีกคนลอยมาจากห้องจัดยา เพิ่งรู้ว่านรกมีจริงนะ เขายังถามเลย มาเป็นหุ้นส่วนกับเขาไหม


 


โธ่เอ้ย…  เสียงพี่หัวเราะปร่าๆ


 


ฉันนิ่งฟังทุกคนพูด   ในใจนึกถึงเย็นย่ำของคนไข้ที่เพิ่งกลับไป  ป่านนี้บ้านของเธอคงเหมือนอยู่ในบรรยากาศงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกรา จนกว่าใครสักคนในที่นั้นจะค้นเจอสัจธรรมของการมีชีวิตอยู่ แล้วเดินออกจากงานเลี้ยง หายไปในที่สุด