Skip to main content

ในห้วงคำนึง : ขบถโรมานซ์

1. " มาเพื่อบอกรัก "


  "...นักเขียนหนุ่มฯ "


 


ï"บ้านรจิตร",โกสุมสามัคคี, ๒๗ กุมภ์ ๕๐


     บ้านดอนฯ : ใจกลางเมืองศูนย์กลางอำนาจรัฐฯ สมมุติ


 


เย็นย่ำสายลมโชยพลิ้ว


 


ฟัง... ฟังสิ... แว่วเพลงกวีแกร่งพริ้ม มาจากทะเลอันดามัน, ดินแดนแห่งด้ามขวานด่านใต้...


 


2. " รอยเท้าชั่วคืนจะกลืนเท้า


ฝนหนักคนหนาวจะก้าวข้าม


กี่ราตรี กี่นาที กี่โมงยาม


กี่กองฟืน ลุกลาม ประกายไฟฯ


            ฝัน – ฉันจะฝ่าในฝน


            คน – จะต้องสร้างยุคใหม่


            ฝน – ฉันจะฝ่าข้ามไป


            ใจ – จะต้องเหนือกาลเวลาฯ "


 


"ดิเรก นนทชิต" เพื่อนรักของ "นักเขียนหนุ่มตลอดกาล" อ่านบทกวีในงานฯ อย่างเต็มอารมณ์...ฉันนั่งน้ำตาซึม และแล้วเพลง "คนเลว" ที่ฉันเรียกว่าเพลง "Bad boy" ก็ร้องบรรเลงขึ้นด้วยลีลาจังหวะคล้าย "เรกเก้" ผสานกลิ่นอายแห่งมหาชเลอันดามัน , เนื้อหาลีลา ขบถ แกร่งเข้ม ให้พลังและสะสาแก่, หัวใจ โดยวงดนตรี "สะพาน" กลุ่มเพื่อนรักนักดนตรีแห่งนักเขียนหนุ่มฯ


 


3.  ï"หลับตาเถิดหลับฝัน    ให้ฝันนั้นลอยไป


ลอยไปในกองฝัน ขอฝันถึงความดี


แค่นี้และแค่นั้น   ชีวิตฉันทุกวัน  แค่ฝันที่มี


หมุนไปเถิดโลกเอ๋ย           หมุนเลยหมุนผ่านไป


ทิ้งไปเถอะคนนี้                คนดีเป็นไม่ได้


ฝันใฝ่เอาแค่นี้ แค่นี้แหละคนดี ที่ฉันเป็น


อย่าหวังจากฉันเลย  ความดี


ตัวฉันก็เท่านี้        เท่าที่มี ความเลว


ชีวิตอันห่าเหว       สังคมแห่งคนเลว


ที่ฉันเป็น


หลับฝันถึงความดี


หลับฝันถึงความดี  " ï


 


...ใช่...ใช่ ถ้าเป็นคนดีของระบบว่านอนสอนง่ายให้รับใช้ความคิดศักดินาอมาตยาธิปไตย + ทุนนิยมสามานย์สุดโต่งแล้ว เหล่า...Bad boys – Bad girl , Bad men – Bad women ทั้งหลายจึงขอเป็น "คนเลว" ดีกว่า


 


สังคมที่งดงาม สังคมสมานฉันท์ ฯลฯ จักมิมีวันเป็นจริงได้ ตราบยังมีการกดขี่ ขูดรีด เอารัดเอาเปรียบ ในรูปแบบพลิกแพลง สามานย์ ต่างๆ นาๆ


 


งานอบอุ่นมาก เพื่อนกวี นักคิด นักเขียน ศิลปิน ประชาชน ฯลฯ ไปร่วมด้วยจิตวิญญาณ , รำลึกถึงนักเขียนหนุ่มผู้ใจงามที่กลับคืนสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่เมื่อ ๑๓ กพ. ๔๙ อย่างสุขสงบงาม !


 


วงดนตรีคาราวาน...น้าหงา..สุรชัย จันทิมาธร น้าหว่อง...มงคล อุทก มาเล่นสองวัน, วง "คนด่านเกวียน" น้าสีเผือก อิศรา อนัตทัศน์,วงมาลีฮวนน่า,ใต้สวรรค์,ไทลากูน,ด้ามขวาน,สันกาลา,บาโรย,อัสลี มาลา, Job 2 do,สุดสะแนน,สุวิชานนท์ รัตนภิมล,ชิ สุวิชาน,รังสรรค์ ราศี-ดิบ ,หนังตะลุง,ลิเกป่า,ธัช ธาดา และเพื่อนกวี ฯลฯ เริงรำร่ายกันเต็มที่


 


น้าแอ๊ด คาราบาว ติดงานแต่อัดภาพ เสียง คำพูด และบทเพลง เขียนถึง "นักเขียนหนุ่มฯ" มาฉายภาพบนจอใหญ่สองข้างของเวที  ยอมรับว่า... "น้าแอ๊ด...ยืนยง โอภากุล" แต่งได้ พริ้งเพราะ เนื้อหา ท่วงทำนองกินใจเหลือเกิน...ฉันน้ำตาซึม(อีกแล้ว)...


 



 


งานนี้มีชื่อว่า "การแสดงดนตรี ศิลปะ-วัฒนธรรมจาก 4. "หุบเขาฝนโปรยไพร"  ณ นครศรีธรรมราช เพื่อหารายได้เข้า "กองทุนกนกพงศ์ สงสมพันธุ์" สำหรับรังสรรค์งานศิลปวรรณกรรม


 


 " เราและผู้รักกนกฯ ร่วมกันจัดด้วยความงดงามบริสุทธิ์ใส ไร้ผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น"


นายหัว "เจน สงสมพันธุ์" พี่ชายของ "นักเขียนหนุ่ม" กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ประกายตาเปล่งใส เล่าขาน บอกแด่ผู้ร่วมงานฯ


 



 


ฉันรู้จัก "นักเขียนหนุ่มฯ " เจ้าของรางวัลซีไรต์ฯ ตั้งแต่เขายังนุ่งกางเกงขาสั้นรุ่นเดียวกับกวีหนุ่มฯ "ประกาย ปรัชญา" ประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๔ เป็นต้นมา


 


 "กนกพงศ์ฯ" เป็นคนงดงาม ใจงาม จริงจังในการเขียนหนังสือ...จริงใจในมิตรภาพแด่ผองเพื่อน...มีอารมณ์ขันลึก หน้าตาย พร้อมรอยยิ้มตามหลัง ฯลฯ


 


มิเกินเลยที่จะบอกว่า เขาคือนักเขียนที่มีอนาคตยาวไกล และยิ่งใหญ่เฉกกัน


ก่อนคืนสู่อ้อมอกแผ่นดินแม่ ฉันมีโอกาสได้ไปเยือน "หุบเขาฝนโปรยไพร" บ้านของเขาและ "อุรุดา โควินท์" เพื่อนร่วมชีวิต  เขาพาเราเดินป่าเขาหลวง ฉันประทับใจในความรู้เรื่องดงป่า และพลังแห่งการดุ่มเดินขึ้นเขาลงห้วย


 


เรื่องฝีมือทำอาหารนั้นหรือ? สมกับคำร่ำลือ ใครได้ลองชิมลิ้มรสเป็นได้ซูดซีดปาก โดยเฉพาะ คั่วกลิ้งเนื้อ และไก่บ้าน ฯลฯ


 


งานฌาปนกิจเรือนร่างของเขา ฉันไม่ได้ไปร่วม มางานนี้ฉันจึงไม่รีรอที่จะเป็น "นักร้องตาม" ตามเพื่อนๆ น้องๆ ไปด้วย


 


คืนก่อนเดินทาง (๒๑ กพ. ๕๐) ฉันนอนไม่ค่อยหลับเพราะตื่นเต้น เราและผองเพื่อนทางเหนือจะได้ไปโอบกอดทักทายเขาอีกคราหนึ่ง เราจะได้พบกับเขาด้วยธาตุแห่งดิน น้ำ ลม ไฟ และพลังปราณอันเป็นหนึ่งเดียวเนื้อเดียวกับโลก เอกภพ จักรวาล...เป็นเนื้อนาบุญดินเดียวกัน


 



 


มีคนแต่งเพลงให้ "กนกพงศ์" หลายเพลง ล้วนงดงามกินใจมาก ฯลฯ


 "ผมกำลังแต่งเพลงให้เขา แต่ยังไม่เสร็จ" น้าหงาคาราวาน บอกกล่าวบนเวที


 "กนกพงศ์ เป็นคนดี มีน้ำใจ เป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ มีอนาคตยาวไกล เราเสียดายเขา"


ไม่ว่าจะเป็น...น้าหงา,น้าหว่อง,น้าสีเผือก และ ฯลฯ ต่างเปล่งคำพูดผ่านไมค์ด้วยดลใจ รำลึก รัก เสียดาย อาลัยเขา


 "มิเป็นไรดอก น้องเอ๋ย...เธอจักยังคงยงยืนอยู่กับเราเป็นนิรันดร์"


...ฉันพริ้มเปลือกตาลง, หน่วยตาฉ่ำรื้นประทับใจ,ปลื้มปรีดี ที่ทุกคนมอบหัวใจให้ "นักเขียนหนุ่มตลอดกาล" คนนี้


 


ฉันยกจอกไม้ไผ่ผจงจิบ ณ มุมหนึ่งของเวทีอันกว้างใหญ่ไพศาล


ฉันรักและคารวะเขา...คงจำกันได้ สมัยนายกรัฐมนตรีเป็นคนภาคใต้ มีการปล่อยให้หมาไล่กัดพี่น้องสมัชชาคนจนที่จำต้องเดินทางมาปักหลังทวงหนี้สินจากอำนาจรัฐฯ สมมุติ ที่ก่อกรรมทำเข็ญให้กับพี่น้องปากมูน, ราษีไศล ฯลฯ ต้องไร้รากเหง้าวิถีชีวิต หมดทางทำมาหากิน ฯลฯ


 


...พลันข่าวสู่สาธารณะ "กนกพงศ์" รับอาสาเป็นคนกลางผสานเชิญชวนพี่น้อง กวี ทั่วประเทศส่งบทกวีมารวมเล่มตีพิมพ์ภายใต้ชื่อ "สิ้นด้าย สิ้นบายศรี ประชาชี ประชุมเพลิง" (พี่เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีมหาประชาชนอีกคนหนึ่งในยุคนี้ ได้ตั้งชื่อและร่วมแจมเต็มที่) ออกวางจำหน่าย มอบรายได้ทั้งหมดให้พี่น้องสมัชชาคนจน โดยมี  "สำนักพิมพ์นาคร" เป็นผู้เอื้อจัดพิมพ์ งานเปิดตัวมอบรายได้จัดที่ "สานแสงอรุณ" กรุงเทพฯ เพื่อเป็นกำลังใจให้แก่พี่น้องสมัชชาคนจนที่ต่อสู้เพื่อรากเหง้าวิถีชีวิต – "เศรษฐกิจพอเพียง "(คำๆ นี้ฟังแล้วน่าหัวร่อ งอหงาย ที่ดินไปอยู่ที่หนาย? ไปอยู่กับอุ้งมือ – อุ้งตีนคราย ? ... 5. Ha – Ha )


นี้คือวัตรปฏิบัติของนักเขียนหนุ่มฯ ... "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์" ผู้ยืนหยัดสร้างสรรค์งานที่งดงาม หลากหลายลีลา ฯลฯ


           


6. " Imagine all the world will be as one…you may say I’m dreamer.But I’m not the only one I hope some day You ‘ll join us…and the world will be as one "


พระจันทร์สีเงินเกือบเต็มดวง ทอแสงยามเย็น สายลมพัดโชยพลิ้ว เสียงเพลง Imagine พริ้มกังวานมากับสายลม...


"กนกพงศ์น้องรัก ความใฝ่ฝันของเราและผองเพื่อนมนุษยชาติ จักเป็นจริงไหมหนอ? "


ฉันรำพึงรำพันในขณะดวงเดือนทอแสงนวลเย็น แจ่มจ้า บนทุ่งฟ้า


 


"ไม่มีความทุกข์ยาก หากสังคมเป็นธรรม" สหายน้องสาว..."มด..วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์" หญิงแกร่งใจงามเคยกล่าวไว้ชัดเจนตรงจุดใน "ปาฐกถา โกมล คีมทอง "


ฉันก้าวขึ้นสู่เวที เมื่อ "คำ พอวา" กวีน้องชายจูงแขนฉันออกจากวงรังสรรค์สันทนาการแลกเปลี่ยนอันหลากหลายรสชาติลีลา...พี่น้องวงดนตรี "สุดสะแนน" บรรเลงดนตรีร่วมอ่านบทกวีด้วย...


" The World is our country. All mankind are our brother . And to do good  is our religion."


"โลกนี้คือประเทศของเรา พี่น้องทุกคนในโลกนี้คือญาติพี่น้องของเรา และการรังสรรค์สิ่งที่ดีงามคือศาสนาของเรา"


 


...ฉันเปิดฉากอ่านบทกวี version แรกด้วยบทกวีของกวีต่างประเทศ นานมาแล้วตั้งแต่ฉันยังนุ่งกางเกงขาสั้นเรียนชั้นมัธยม ฉันชอบบทกวีนี้ มีปรัชญา ความหมาย ทรงคุณค่านัก...


" เหนื่อยนักพักผ่อนไม่ร้อนรีบ


พริ้มตาหลับลงสักงีบก็ย่อมได้


คนพเนจรร่อนเร่เดินทางไกล


จุดหมายไซร้ใจเธอคือปลายทาง "


ฯลฯ ... ฯลฯ ... ฯลฯ


 


อ่านบทกวี "คนเดินทาง" ที่ฉันรจนานานแล้วเช่นกันเป็น version ที่สอง...ใช่แล้ว !


จุดหมายปลายทางอยู่ที่ดวงใจมนุษยชาติ ต้องการดั้นด้นเดินทางไปถึงให้ได้ !


 


และแล้ว...เพลงกวีจากดินแดนล้านนาอิสระก็ได้มาผสานเริงรำร้องโอบกอดพี่น้อง


ดินแดนด้ามขวานด่านใต้อิสระ !


 


ï "กนกพงศ์...น้องชายยังคงยืนอยู่


เคียงคู่โลกา กล้าก้าว


สถิต ณ ดิน น้ำ ลม ไฟ พร่างพราว


วับวาวหลอมรักโลกเอกภพจักรวาล


 


...โอบกอด ดวงตาวัน เดือนดาว


เมฆขาว เรียงรุ้ง ขับขาน


สายลม แสงแดด สายธาร


ชเล "หุบเขา ฝนโปรยไพร"


 


...ผีเสื้อ ดอกไม้ แมลงปอ


เริงรำ ล้อ ดม ดอม ฉ่ำไสว


กระซิบบอกว่าโลกชีวิตนี้ยังงดงามวิไล


หัวใจจิตวิญญาณเธอคงมั่นยืนยง


 


...หัวใจเธอดำรงอยู่กับพวกเราเป็นนิรันดร์


...หัวใจเธอยังคงยงยืนอยู่กับมวลมหาประชาชนผู้ท้นทุกข์


...หัวใจเธอยังคงเดินทางสู่จุดหมายปลายทางแห่งใจเธอ !


 


...ฉันอ่านบทกวี version สุดท้ายด้วยดวงใจจิตวิญญาณสุขหฤหรรษ์ แกมเศร้า


ลึก!  ï


 


********************************************************


 


1.    คำวลีของ "ถนอม ไชยวงษ์แก้ว" คราเป็น บ.ก. หนังสือ "มาเพื่อบอกรัก...อันดามัน" คราวนักเขียนล้านนาฯ เดินทางไปร่วมสัมผัสให้กำลังใจ เขียนสารคดีให้พี่น้องภาคใต้กรณี "สึนามิ"


2.    จากหนังสือรวมกวี "ป่าน้ำค้าง" เล่มแรกของ "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"


3.    บทเพลง "คนเลว" จากการประพันธ์ของ "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"


4.    ชื่อหนังสือความเรียงของ "กนกพงศ์ สงสมพันธุ์"


5.    คำหัวเราะในงานเขียนของ " ‘รงค์ วงษ์สวรรค์ "


6.    บทเพลง " Imagine " ของ " John Lennon "