Skip to main content

จังหวะของเพลงแร็พในสงครามกองโจร

คอลัมน์/ชุมชน

เขาเดินมาถึงเคาน์เตอร์ ยิ้มให้ฉันและถามว่า จำผมได้ไหม  


ฉันมองหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง คุณนั่นเอง หล่อเชียว หมอนัดหรือคะ  


 


ใช่แล้วครับ ผมเลยแวะมาเยี่ยมและขอบคุณ เขาถือโอกาสวางถุงผลไม้ลงบนเคาน์เตอร์  ผมจะมาบอกว่า แผลหายแล้วและผมใส่รองเท้าได้แล้วด้วย  เขายกขากางเกงขึ้นให้ฉันเห็นรองเท้าหนังคู่ใหม่  ผมนึกว่าจะไม่มีโอกาสใส่มันอีกแล้ว  ขอบคุณนะครับที่ทำให้มีวันนี้ รอดตายมาได้เพราะมือพวกคุณนั่นเอง


 


เขาเดินกลับไปแล้ว ฉันนึกย้อนไปในวันแรกที่เขามาถึงเตียง  เขาลืมตาขึ้นมาหลังออกจากห้องผ่าตัด เขาดิ้นทุรนทุราย ร้องครวญครางอยู่บนเตียง  ขากางเกงชุดคนไข้เปียกชุ่มไปด้วยเลือด  แผลอยู่ที่เท้าทั้งสองข้าง ผ้ายางยืดที่พันรัดแผลสีแดงฉาน  มีเลือดเป็นก้อนๆ เกาะอยู่ หน้าตาถลอกปอกเปิก มีแผลบริเวณโหนกแก้มและหน้าผาก  ศีรษะมีรอยถูกทุบ มีแผลเย็บยาวปิดก๊อสไว้  ริมฝีปากเจ่อออกมา  แขนขามีรอยขีดข่วนทั้งเล็กและใหญ่


 


เขาไปทำอะไรมา  ฉันถามภรรยาของเขา เธอนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียง  


เขาถูกทำร้าย เธอตอบ โจร 2 คนใช้ไม้ทุบเขาระหว่างทางกลับบ้านหลังเลิกงานตอนเย็น  เพื่อจะเอารถมอเตอร์ไซค์  เมื่อเขาสลบแล้ว  โจรทั้งสองก็ลากเขาขึ้นรถเพื่อจะนำไปทิ้งที่ลับตาคน  อำพรางสายตาด้วยการให้เขานั่งไประหว่างกลาง  แล้วขับไปในป่าลึก รองเท้าที่เขาใส่มาหลุดหายไปตอนไหนก็ไม่รู้  โจรเตลิดพาร่างไร้สติของเขาเข้าป่า หวังให้เขาบาดเจ็บและตายในที่สุด


 


เกือบจะสมใจโจรแล้ว  เพราะขา 2 ข้างของเขาถูกลากไปกับรถจนปลายเท้ากุดหายไปทั้งสองข้าง กระดูกนิ้วเท้าหายไปหมด เนื้อฉีกกะรุ่งกะริ่ง กระนั้นเขาก็ยังไม่ตาย มีชาวบ้านไปพบเขาและนำส่งโรงพยาบาล


 


เขาจะหายไหมคะ เขาจะเดินได้อีกไหม  เธอพูดแล้วเริ่มต้นร้องไห้  รำพึงรำพันต่อว่าจะทำอย่างไรดี ช่วยเขาด้วย


ฉันจับมือเธอไว้แน่น บอกว่าโชคดีที่เขารอดตายมาได้  ฉันเชื่อว่าเขาจะหายได้


 


เช้าวันนั้น ฉันลากรถทำแผลไปอยู่ข้างๆ เตียงเขา แกะชุดทำแผลวางบนถาด เหลือบมองเห็นหน้าที่ซีดเพราะเสียเลือด  ก้มลงไปมองแผลที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือด  เท้าสองข้างมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนฉันเริ่มเวียนหัว  


 


ฉันเดินไปเรียกน้องสีเหลืองสองคนมาช่วยทำแผล  ศึกใหญ่วันนี้คือเขานั่นเอง ฉันเริ่มรู้สึกว่า เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือตัวเอง  รู้สึกเหมือนกำลังจะออกรบ  ฉันบอกภรรยาของเขาให้กอดเขาไว้แน่นๆ  แล้วเสียงโหยหวนของเขาก็ดังขึ้น  ทันทีที่ฉันเริ่มใช้น้ำเกลือรดลงไปบนผ้าก๊อส  เพื่อให้ชุ่มง่ายต่อการแกะ 


 


พอฉันเริ่มแกะแผล  เขาร้องตะโกนบอก ไอ้โจร อย่าให้กูเจอมึงนะ กูจะฆ่ามึง เอาเท้าของกูคืนมา  ตายเสียดีกว่าที่ทนเจ็บอย่างนี้โว้ย  เขาร้องตะโกนซ้ำๆ   ฉันหยุดทำแผลเดินไปหยิบยาแก้ปวดมาฉีดให้เขา  ถึงกระนั้นเขาก็ยังดิ้นทุรนทุราย  ฉันบอกให้เขากัดผ้าขนหนูไว้  แผลฉีกเหวอะหวะจนถึงหน้าแข้ง  กระดูกหายไปหลายส่วน  ฉันเห็นเขาเกร็งกล้ามเนื้อไปทั้งตัวด้วยความเจ็บปวด   หลังทำแผลเสร็จเหงื่อชุ่มเนื้อตัวเขาเหมือนอาบน้ำ    


 


สิ้นสุดลงเสียทีโว้ย ... เขาร้องเสียงหลง


 


เขาผ่านการทำแผลวันละ 2 ครั้ง แต่ละครั้งนานเป็นชั่วโมง   เสียงร้องโหยหวนของเขามาตรงเวลาทุกวัน  เขาร้องด่าทอโจรซ้ำๆ ตลอดเวลา  น้องพยาบาลวัยรุ่นบางคนบอก เหมือนเพลงแร็พในสงคราม


 


เขาบอกฉันทีหลังว่า  เขากลัวเสียงลากรถทำแผลจับหัวใจ   พอเขาได้ยินเสียงล้อรถทุกครั้ง  เหงื่อเขาแตกชุ่ม  ใจเต้นรัว มือไม้สั่นไปหมด


 


เขาถูกทำแผล 2 เดือนเต็ม  ก่อนหน้านั้นฉันได้ยินหมอบอกว่า บางทีถ้าแผลแย่ลงอาจต้องตัดขาทิ้งทั้งสองข้าง  นั่นเป็นเหตุผลที่เวลาทำแผล  พวกเราทุกคนจะบอกให้เขาอดทน นะคุณนะ อดทนอีกนิดเถอะ แผลจะดีขึ้นเรื่อยๆ คุณจะได้ไม่ถูกตัดขา  แล้วเขาก็ลดเสียงตะโกน  เป็นเสียงครวญครางเบาๆ


 


ถึงอย่างไร ผมก็ยังอยากเดินได้อยู่ เขาบอกฉันด้วยเสียงหนักแน่น


 


ผลตอบแทนของการทำแผลอย่างดีของพวกเรา และความอดทนของเขา ทำให้แผลดีวันดีคืน หมอยังออกปากชมว่าแผลดีมากนะ อย่างนี้ได้กลับบ้านเร็วน่ะสิ


 


ถึงอย่างนั้นก็ยังใช้เวลาถึง 2 เดือนกว่าแผลจะหาย เนื้อแผลงอกมาจนเกือบจะเต็มรูปเท้า ไชโย เขาตะโกนเสียงดังขณะนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงก่อนกลับบ้าน ผมจะเดินได้แล้ว


 


ครั้งหลังสุด เขาเดินให้ฉันดูเมื่อมาหาหมอตามนัด  แผลหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงริ้วรอยบอกว่าเคยมีแผล  เขาบอกฉันว่า มันกลายมาเป็นแผลเป็นอยู่ที่ใจแทน


 


กว่าเขาจะหายกลัวเวลาพลบค่ำ เสียงล้อรถ เสียงร้องตกใจ ก็กินเวลานาน  แต่ยังดีนะ เขาบอกฉัน ผมนึกว่า ผมจะตายตั้งแต่ในป่าโน่น  ตำรวจเขาจับโจรได้แล้ว  ผมไม่อยากเห็นหน้ามันเลย  ดีแล้วที่พวกมันติดคุก จะได้ไม่ไปทำร้ายใครๆ เหมือนผมอีก