Skip to main content

ถึงคิวของสนธิ

คอลัมน์/ชุมชน

ผมเคยเขียนบทความลงประชาไทหลายชิ้นเกี่ยวกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล แห่งผู้จัดการ ไม่ว่าจะเป็นขาลงของสนธิ, สนธิเถิดเทิง, สื่อสนธิ, ทางลงของสนธิ, ม็อบไร้เดียงสา เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยกับทัศนะและพฤติกรรมทางการเมืองของคุณสนธิและกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งตอนหลังผมวิเคราะห์ให้ตนเองฟังว่าการม็อบของคุณสนธิคือการทำธุรกิจแบบหนึ่ง ซึ่งพอมองอย่างนี้แล้วผมก็สบายใจขึ้นมาก


 


ผมคงไม่อาจจัดตัวเองได้ว่าเป็นพวกทักษิณ หรือวางตัวเองว่าอยู่ฝ่ายทักษิณเพราะผมไม่เคยข้องแวะในทุกๆ ทางกับคนในฝ่ายของทักษิณ  แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ ผมวางจุดยืนของตัวเองไว้แน่ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลทักษิณ หรือต่อต้านพวกที่ต่อต้านทักษิณหรือผมจะเป็นปฏิปักษ์กับกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์กับทักษิณ เพราะผมเห็นว่ากลุ่มต่อต้านทักษิณ มีอะไรที่ไม่เข้าท่าอยู่มากซึ่งก็จริง เพราะสุดท้ายแล้วม็อบพันธมิตรฯ ก็สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่การยึดอำนาจของ คปค.


 


ผมได้ยินชื่อ "คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย" หรือ ครป. แล้วก็ขำ ผมไม่แน่ใจว่าคณะนี้จะมีสมาชิกกี่ล้านคน แต่ผมเห็นอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเลขาธิการ ครป. อยู่ตลอดกาล ผมคิดว่าคนทำงานในคณะนี้คงเก่งมากเพราะรณรงค์ประชาธิปไตยจนประสบความสำเร็จเกินคาดคือเกิดรัฐประหาร ผมว่าน่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นคณะรณรงค์เพื่อการรัฐประหารหรือ ครร. น่าจะตรงกว่า


 


ผมอารมณ์เสียหลายหนเวลาคุยกับคนที่ความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่ธรรมศาสตร์ที่นิยมชมชอบคุณสนธิ ลิ้มทองกุล และจดจำเอาขี้ปากของคุณสนธิ  มาเป็นข้อมูลเถียงกับผมอยู่เสมอ หรือแม้กระทั่งกับครูบาอาจารย์ที่เกลียดอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ชนิดเข้าไส้ คนเหล่านี้ยังเชื่ออยู่จนถึงทุกวันนี้ว่าถ้าทหารไม่ยึดอำนาจแล้วก็ไม่มีหนทางอื่นสำหรับประเทศไทย  ผมรู้สึกผิดหวังกับจิตสำนึกที่ผิดพลาด (ผมขอใช้คำนี้) ของเพื่อนและอาจารย์ แต่ไม่มีอะไรทำให้จุดยืนผมคลอนแคลน และผมเรียนรู้ที่จะมีความอดกลั้นทางการเมืองมากขึ้นเมื่อคุยกับคนที่มีความคิดต่างกัน


 


ผมเคยเข้าร่วมม็อบพันธมิตรฯ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าในม็อบที่ว่านี้เขาพูดเรื่องอะไรกัน มีคนดังร่วมพูดด้วยหรือไม่ หรือมีประชาชนเข้าร่วมมากน้อยแค่ไหน  สิ่งที่ผมพบในม็อบพันธมิตรฯ คือการพูดจาด้วยความหยาบคายก้าวร้าวของผู้ปราศรัย แต่ก็ไม่ทุกคน การนำเสนอความจริงอย่างครึ่งๆ กลางๆ ซึ่งบางทีก็เลวร้ายเสียยิ่งกว่าการพูดความเท็จล้วนๆ เสียอีก แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่จนต้องส่ายหัวก็คือได้เห็นศิลปิน ท่านหนึ่งขึ้นไปแสดงความโง่ทางการเมืองอย่างไม่อายใครบนเวที และศิลปินท่านนี้ก็เชื่ออย่างงมงายว่าตนเองกำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การล้มทักษิณ คือการได้มาซึ่งประชาธิปไตย การมาถึงของทหารคือการนำประชาธิปไตยกลับคืนมา!


 


ผมเคยเข้าร่วมม็อบพีทีวีด้วยเช่นกัน ปกติผมเป็นคนเส้นลึก แต่คุณณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ พูดได้ตลกจนผมและเพื่อนหัวเราะกันเกรียว เมื่อเขาพูดเรื่อง "ขอโทษ" (ล้อเลียนนายกฯ สุรยุทธ ณ เขายายเที่ยง) และพูดเรื่อง "ร้องไห้" (ล้อเลียนพลเอกสนธิ ณ สมรสซ้อน) ไม่รู้สิ บางคนคงไม่เห็นด้วยที่ผมจะคิดว่า มันเป็นตลกการเมืองที่มีระดับกว่าจำอวดการเมืองของม็อบพันธมิตรมาก


 


ผมคิดว่าคุณวีระ  มุสิกพงศ์ เป็นแมวเก้าชีวิต ชีวิตของเขาคือนิยายการเมืองที่น่าอ่านมากเล่มหนึ่ง  และการต่อสู้กับของคุณวีระ มุสิกพงศ์ กับคมช. ในยกนี้เป็นอะไรที่น่าดูมากสำหรับผม เพราะฉะนั้นจะพลาดไม่ได้เลย


 


ผมไม่แน่ใจว่าม็อบพีทีวีกับม็อบพันธมิตรฯ  ม็อบไหนจะมีสาระมากกว่ากัน แต่ที่ผมแน่ใจมากก็คือม็อบพีทีวี มีความเท็จปะปนอยู่น้อยกว่าอีกม็อบหนึ่งมาก อย่างน้อยม็อบพีทีวียังไม่เอ่ยอ้างว่าตนเองเท่านั้นที่พูดความจริง อย่างน้อยม็อบพีทีวีก็ไม่เอ่ยอ้างว่าพวกเขาเป็นพวกมีคุณธรรม จริยธรรม


 


ผมไม่ชอบฟังเวลาใครสาธยายเรื่องคุณธรรมและจริยธรรม คำ 2 คำนี้พูดลอยๆ หรือพูดพล่อยๆ ไม่ได้ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นปัญหาเวลาพูดเรื่องคุณธรรม จริยธรรมก็คือ คุณได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้วว่าการกระทำแบบไหน มีหรือไม่มีคุณธรรม จริยธรรม คุณได้ตัดสินไปแล้วว่าคนแบบไหน เป็นคนมีหรือไม่มีคุณธรรมหรือจริยธรรม สำหรับผมแล้ว ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร คุณตัดสินคนอื่นเรื่องนี้ไม่ได้


 


ผมเคยดูรายการยามเฝ้าแผ่นดินทาง astv ด้วยเหมือนกัน แม้ว่าบางตอน บางช่วงผมต้องเปลี่ยนช่องด้วยความเหลือทน คืนหนึ่งขณะที่ผมลุกขึ้นเข้าห้องน้ำและกำลังฉี่อยู่นั้น ผมได้ยินเสียงคุณสนธิ แว่วมาผสานกับเสียงฉี่ของผม คุณสนธิบอกว่าถ้าอยากฟังความจริง อยากรู้ความจริง ให้ดูรายการของเขา ให้ฟังจากเขา คุณสนธิบอกว่าเขาเป็นคาดการณ์ถูกอยู่เสมอทั้งที่บางทีเขาอยากให้มันผิด  ผมหัวเราะหึ ๆ


 


ผมได้รับขานรับที่ดีเมื่อเขียนเรื่องคุณสนธิ ลิ้มทองกุล เพราะคุณสนธิ เป็นหัวโจกของขบวนการต่อต้านทักษิณ  ต่อต้านได้ผลจนกระทั่งอดีตนายกฯ ต้องระเหระหนไปในประเทศต่างๆ  พร้อมๆ กับที่ระบอบประชาธิปไตยถูกทำให้อ่อนแรงลงในประเทศไทย


 


มาวันนี้สิ่งที่คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ทำไว้ก็เริ่มผลิดอกออกผล เมื่อศาลพิพากษาจำคุก คุณสนธิ ลิ้มทองกุล2 ปี โดยไม่รอลงอาญา พร้อมปรับเงินอีก 200,000 บาท ในคดีหมิ่นประมาทคุณภูมิธรรม เวชยชัย


 


ผมคิดว่าถึงคิวของคุณสนธิมาถึงแล้วล่ะ แต่เป็นคิวสำหรับขาลง.