Skip to main content

อินทนนท์

คอลัมน์/ชุมชน

สวัสดีเธอ


 


วันก่อนฉันขับรถไปส่งแม่ที่จอมทอง ก็เลยขับเลยไปถึงดอยอินทนนท์ เพราะอยากไปเก็บภาพให้ได้ไฟล์ใหญ่ ๆ และคิดว่าบรรยากาศหลังงานเลี้ยงแบบนี้ คนคงไม่เยอะ ขับรถขึ้นไปถึงยอดดอย ก็รู้สึกว่ารถยังดีอยู่แฮะ เกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อ ซึ่งไม่ค่อยได้ใช้นั้น ยังทำงานได้อยู่


 


ฉันไม่เคยขึ้นดอยอินทนนท์ในฤดูหนาวสักที ไปแต่ฤดูร้อน ซึ่งตอนกลางคืนก็ยังหนาวจนต้องเอาตัวไปย่างไฟ ฤดูฝนยิ่งไม่ต้องพูด ทั้งหนาวทั้งชื้นและฝน


 


ฤดูปลายหนาวอย่างนี้ โลกข้างล่างแห้งแล้ง ต้นไม้ใบไม้เป็นสีน้ำตาลไปเสียหมด  มีฝ้าอากาศและควันปกคลุมโลกไว้  เป็นช่วงเวลาที่ช่างภาพไม่ชอบที่สุด เพราะเราไม่มีโอกาสได้เห็นฟ้าสีฟ้าเลย ยังไม่นับความรู้สึกทึบและห่อเหี่ยวจากอากาศที่กดทับไว้  มีเพียงดอกไม้ตามฤดูกาลเท่านั้นที่แต้มสีให้กับโลกบ้าง เช่น ทองกวาว หรือเสี้ยวขาว ทำให้โลกไม่แห้งแล้งเกินไปนัก


 


ทางขึ้นดอยอินฯนั้นก็แห้งแล้งเป็นสีน้ำตาลไปหมด มีโค้งหนึ่งที่ทองกวาวต้นใหญ่โผล่ขึ้นมาข้างทาง ฉันจอดรถถ่ายรูปตอนขาลง ได้บรรยากาศโหวงเหวงดีมากเลยเธอ  ช่วงใกล้ถึงดอยอินทนนท์สองข้างทางมีกุหลาบดอยสีขาวแต่งแต้มหน้าผาข้างทางงามมากเลยเธอ


 


เมื่อขึ้นสูงไปเรื่อย ๆ  อากาศเริ่มโปร่งขึ้น ฉันได้เห็นก้อนเมฆจาง ๆ ในรอบสองเดือน ฟ้าดูใสกว่าข้างล่าง อากาศหนาวมาก โชคดีที่ฉันเตรียมเสื้อแจ๊คเก็ตไว้ในรถด้วย ฉันลงไปถ่ายรูปที่อนุสาวรีย์เจ้าอินทวิชานนท์ ซึ่งด้านหลังอนุสาวรีย์มีจุดสำคัญที่ฉันชอบมาก คือ จุดปักหมุด ที่ระบุว่าตรงนี้แหละคือจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย ด้วยความสูง 2565 เมตรจากระดับน้ำทะเล


 


จากตรงนี้เดินลงไปอีกนิด ด้านขวามือที่ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านขายของที่ระลึกนั้น คือ ที่ศึกษาธรรมชาติดอยอ่างกา เป็นอีกที่หนึ่งซึ่งฉันชอบมาก สภาพป่าเป็นป่าดึกดำบรรพ์ มีมอสปกคลุมต้นไม้ทุกต้น มีกุหลาบพันปีต้นใหญ่มากขึ้นอยู่เป็นดง มีข้าวตอกฤาษีคลุมดิน และสะพานไม้ที่ทำลัดเลาะไปในป่าให้เดินชมธรรมชาตินั้น เขาทำได้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม เป็นความสะดวกที่ไม่ขัดแย้งน่ะ


 


ฤดูนี้มอสเหี่ยวแห้งไปเยอะ ฉันเคยมาในช่วงฤดูฝน ได้เห็นความชุ่มชื้น และสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ต้นไม้ฉ่ำ ในอากาศมีละอองน้ำลอยฟุ้ง กลับจากดอยอินฯคราวนั้น ต้องดูแลกล้องจากเชื้อราอีกยาวนาน


 


แม้ว่ามอสจะเหี่ยวไปนิด แต่แดดยามบ่ายที่ต้องใบไม้แรกผลิสีแดงเต็มป่านั้น ก็ให้ความรู้สึกของการเกิดใหม่ ที่มาหลังความเหี่ยวแห้งโรยราจากไปของดอกไม้ใบไม้


 


ปีหนึ่งได้พิจารณาธรรมชาติสักครั้งก็ดีเหมือนกันนะเธอ