ไม่ได้นัดหมายความเศร้าและโชคร้ายให้มาด้วยกัน
คอลัมน์/ชุมชน
รถทัวร์คันใหญ่หมายเลขทะเบียน ช
ได้นั่งรถคันใหญ่ คนบนรถหลายคนไม่ได้ออกเดินทางไปไหนไกลเกินประตูโรงพยาบาลนานมากแล้ว หลายคนจึงมีสีหน้าตื่นเต้น เสียงพูดคุยดังลั่นรถ บางคนถึงกับนั่งไม่ลง เดินไปเดินมาอยู่บนรถ นัดหมายเวลาออกรถ 05.00 น.ที่ประตูหน้าโรงพยาบาล
06.00
น.แล้วรถยังไม่ออกจากประตู มีบางคนลืมตื่นหรือเปล่า รถยังจอดรออยู่ หลายคนที่ชะเง้อมองว่าใครหนอ ปล่อยให้เราทั้งคันรถรอแล้วรอเล่า แล้วก็มีใบหน้าคุ้นตา วิ่งกระหืดกระหอบมา โอะโอ๋ หมอสูติกรรมคนสวยของเรานั่นเอง เสียงบอกขอโทษที่ทำให้รอและยิ้มหวานอย่างรู้สึกผิดทำให้ทุกคนอมยิ้มรถออกแล้วหลายคนถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้อ
.. ไปจริงๆเสียทีลุ้นมาตั้งนาน สำรวจหน้าตาว่ามีใครบ้างเป็นผู้ร่วมทาง มีหมอสูติ-นรีเวชกรรม 4 คน เป็นหมอผู้ชาย 3 คนผู้หญิง 1 คนทุกคนล้วนทำงานมานานเกิน 10 ปี ส่วนพยาบาลวิชาชีพนั้นทั้งอายุอ่อนและแก่ของแผนกสูติกรรม บางคนทำงานมาเกิน 25 ปีรวม 26 คน น้องสีเหลือง 5 คนถึงพิษณุโลกเกือบเที่ยง แวะไหว้พระพุทธชินราช ซื้อของเล็กน้อย แล้วไปต่อโรงพยาบาลพุทธชินราช ถึงโรงพยาบาล มีการต้อนรับและพาเยี่ยมชมดูงาน รับประทานอาหารเที่ยงด้วยกันที่โรงพยาบาล ภาคบ่ายดูงานต่อตามแผนกของตัวเอง กว่าจะเข้าที่พักที่วังน้ำเย็นรีสอร์ทเป็นเวลาเย็นย่ำแล้ว หลายคนดูเหนื่อยอ่อนรวมทั้งคนขับรถด้วย หลายคนภาวนาให้ได้เข้าที่พักและนอนเร็วๆ
เถิดเพราะเริ่มสังเกตเห็นว่าคนขับรถคงล้า รถเริ่มวิ่งอย่างมีอารมณ์ด้วยว่า มันเป๋ไปเป๋มาหลายครั้ง แต่เราก็ถึงที่พักอย่างปลอดภัยตกค่ำเมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด พวกเรากินข้าวเย็นร่วมกัน คนที่ไม่เคยได้พูดกันเลยมานั่งคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง วงข้าวคืนนั้นใช้เวลานานกว่าปกติ กว่าทุกคนจะแยกย้ายกลับที่นอนก็ล่วงเลยไปถึงเที่ยงคืน แต่ที่น่ารักที่สุดก็คือหมอทั้ง
4 คนและพี่แก่ๆ 2-3 คนที่ปักหลักนั่งคุยกันจนเกือบเช้าด้วยบรรยากาศที่แสนอบอุ่น ค่ำคืนแบบนี้ของคนทำงานร่วมกันหาได้ยาก ข้อดีที่สุดของการมาดูงานร่วมกัน น่าจะเป็นการได้นั่งลงคุยกันนานๆ ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างอบอุ่น ถึงอย่างไรมันคงส่งผลให้งานออกมาดีอย่างไม่ต้องสงสัย08.00
น.หลังรับประทานข้าวเช้าแล้วพวกเรากำลังมุ่งไปโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ กำหนดการต้องถึงนครสวรรค์เวลา 10 โมงเช้า แดดร้อนขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าแปลกใจยังดีที่มีวิวข้างทางให้ดูเพลินๆ กว่าจะรู้ตัวก็เที่ยงวัน ยังไม่ถึงโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์เลย คนขับรถจำทางผิดขับหลงไปทางเก่า ทีมต้อนรับของสวรรค์ประชารักษ์รอจนเหนื่อยอ่อนกว่าพวกเราจะไปถึงก็บ่ายโมงกว่าแล้วออกจากโรงพยาบาลบ่ายสาม
จุดหมายเป็นสันเขื่อนภูมิพล หลายคนบนรถเริ่มบ่นโทษคนขับรถว่าทำไมขับผิดทางไปได้ไกลขนาดนั้น เสียระบบไปหมด กว่าจะถึงเขื่อนคงเริ่มมืดไม่น่าสนุกเลย คนขับคงไม่พอใจ ขับรถออกข้างทางประชดเสียเลย มีบางตอนถึงกับเป๋เกือบจะตกลงไปในคูข้างทาง ยังดีที่เขาขับกลับเข้ามาในทางได้เหมือนเดิม ไม่งั้นใครหลายคนคงไปนอนเรียงรายที่โรงพยาบาล หลายคนอกสั่นขวัญหาย เงียบกันไปหมดทั้งคันรถ หลังรถวิ่งบนทางปกติสักพัก ได้ยินหมออาวุโสชายพูดแกมหัวเราะว่าเกือบได้ไปดูงานแบบลึกซึ้งที่โรงพยาบาลตากแล้วบางคนเริ่มสวดมนต์แล้ว น้องข้างๆ
ฉันบอกว่า หนูเพิ่งสร้างบ้านนะ เป็นหนี้แบงค์ตั้งสองล้าน ผ่อนได้ไม่ถึงปี หนี้เหลืออีกบานเชียว หนูตายไม่ได้นะพี่ หนูกลัวจัง พี่ที่นั่งติดกัน บอกว่า ถ้ารถเสียหลักจริงๆ คิดดูว่าโรงพยาบาลจะเสียหายขนาดไหนหนอ หมอ 4 พยาบาล 26 น้องสีเหลือง 5 บาดเจ็บล้มตายแบบนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยแต่เราก็ถึงเขื่อนจนได้แบบน่าตกใจ ข้าวเย็นมื้อนั้นกร่อยน่าดู ทุกคนค่อยๆ
กิน คุยกันแบบกระซิบกระซาบว่าพวกเราทั้งหลาย ยังโชคดีที่ผ่านมาได้ อีกไม่นานก็ถึงบ้านแล้วถึงอย่างไร บรรยากาศเมื่อคืนก็ยังคุ้มค่าเสี่ยงอยู่เรากลับถึงประตูโรงพยาบาลตอนเกือบห้าทุ่มแล้ว หลายคนหลับพับไปแบบลืมตาย ในขณะที่คนขับเห็นความเงียบกริบบนรถแล้วตั้งใจขับรถมากขึ้น รถวิ่งนุ่มนวลขึ้น ทุกคนลงจากรถด้วยความโล่งอก
รุ่งเช้าเรื่องที่เราคุยกันไม่พ้น คนขับรถและความน่ากลัวของคน มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมคือ หลังที่พวกเราไปผจญภัยร่วมกันมาแล้ว ทุกคนรู้สึกดีต่อกัน และยิ้มให้กันมากขึ้น
หัวหน้าหมอสูติกรรมที่ไปด้วยบอกว่าปีหน้าต้องเลือกคนขับรถหน่อยแล้ว โชคดีจังที่เรา พกแต่ความสนุกใส่กระเป๋าไป ไม่ได้พกความเศร้าและโชคร้ายไปด้วยกัน ไม่งั้นคงแย่ละนะ โรงพยาบาลจะหาใครมาทำงานแทนพวกเราล่ะ ที่พูดนี่ก็จะบอกว่าเราจะได้ไปด้วยกันทุกปีนะ
จบคำพูดแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดี ฉันฟังแล้วได้แต่อมยิ้ม