Skip to main content

Love actually : นิยามรักร้อยแปด

คอลัมน์/ชุมชน





























































ฉันชอบดูหนังรักโรแมนติคที่สุดเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่ทุกครั้งที่ไปร้านเช่าวีดีโอ ฉันจะไปหาหนังรักมาดูก่อนเป็นอันดับแรก และฉันก็รู้สึกว่าหัวใจมันจะพองโตทุกครั้งที่ได้ดู และก็ไม่รู้เป็นอะไรอีกแหละน่า ที่ทุกครั้งฉันดูหนังรัก ฉันจะต้องร้องไห้ทุกทีไป อาจจะเป็นเพราะฉันซาบซึ้งกับคำว่ารักมากไปหน่อย หรือว่าฉันเป็นคนบ่อน้ำตาตื้นก็ไม่รู้เหมือนกัน

 

ฉันเห็นหนังเรื่องนี้ครั้งแรก เป็นโปสเตอร์ที่สยาม ครั้งที่ไปเดินเล่นกับเพื่อน ๆ และก็ได้รู้มาว่านี่เป็นหนังรักที่คนกำลังพูดถึงมากที่สุดในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ เพื่อน ๆ คนที่ไปดูมาแล้วต่างก็รับประกันเป็นอย่างดีว่านี่เป็นหนังรักที่คนกำลังมีความรัก หรือไม่มีความรักไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ตอนนั้นฉันมีความคิดว่าจะต้องไปดูหนังเรื่องนี้ที่โรงหนังให้ได้ แต่พอถามเพื่อน ๆ แล้วก็ได้ความปรากฏว่าทุกคนไปดูมาแล้ว (กับแฟน) ฉันก็เลยอด ไม่มีเพื่อนไปดูด้วยเช่นเคย

 

ฉันก็ได้แต่รอจนลืมไปว่าหนังเรื่องนี้ฉันตั้งตารอที่จะดูให้ได้ จนกระทั่งฉันได้ฟังเพลง ๆ หนึ่งที่ร้องโดยนักร้องคนโปรดของฉัน Kelly Clarkson

 

Love can be a many splendored thing
Can't deny the joy it brings
A dozen roses, diamond rings
Dreams for sale and fairy tales
the trouble with love is

 

เพลงนี้เป็นเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ ซึ่งเป็นอีกแรงจูงใจหนึ่งที่ทำให้ฉันจำได้และไม่ลืมที่จะกลับไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะเพลงที่แสนไพเราะ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในการดูหนังของฉัน

 

หนังเรื่องนี้รวมเอาดาราชื่อดังไว้มากมาย และเป็นดาราระดับแถวหน้าของอังกฤษซะด้วยสิ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ฉันเชื่อมั่นว่าหนังเรื่องนี้จะดีหรอกนะ แต่เพราะด้วยชื่อของทีมงานที่มาทำหนังเรื่องนี้สิ ล้วนแต่ระดับฝีมือพระกาฬทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้กำกับหนังเนื่องนี้ ริชาร์ด เคอร์ติส นี่เป็นหนังเรื่องแรกของเขา เชื่อไหม ? แต่เป็นเรื่องแรกที่เขากำกับนะ เพราะเขาคือมือเขียนบทที่ทำให้ฉันหลงรักมาแล้วในทุก ๆ เรื่องที่เป็นผลงานของเขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Four Weddings and a Funeral, Notting Hill, Bridget Jones's Diary คงไม่มีใครจะปฏิเสธว่าหนังที่เขาเขียนบทนั้น ทุกเรื่องกลายเป็นหนังรักคลาสสิกไปซะแล้ว (อย่างน้อยฉันคนหนึ่งล่ะที่คิดว่ามันเป็น)

 














Love actually เริ่มต้นหนังด้วยบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาสอีฟ ซึ่งก็แน่ล่ะ นี่คือเทศกาลแห่งความสุข และความรัก เมื่อคิดถึงคำว่าคริสต์มาสอีฟทีไร ฉันก็จะคิดถึงเวลาค่ำคืน แสงไฟประดับเมืองที่เดินไปทางไหนก็เจอ และที่สำคัญลมหนาวกับมืออุ่น ๆ ของคนรักที่เดินจูงมือกันไปดูความสวยงามของแสงไฟยามค่ำคืน ฉันคิดว่านี่เป็นเทศกาลที่หลาย ๆ คนก็คงคิดแบบเดียวกันกับฉัน ฉันจึงไม่แปลกใจเลยที่หลาย ๆ คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้จะซาบซึ้งกับความรัก ก็เพราะเรามีจินตนาการกับช่วงเวลาแห่งความโรแมนติคเหมือนกับที่ตัวละครในหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกัน

 

ในเวลาเช่นนั้น คนที่มีรัก ก็คงอยากที่จะจูงมือคนรักไปเดินโต้ลมหนาวด้วยกัน ถึงแม้ว่าอากาศข้างนอกจะหนาว แต่มือที่ซุกไว้ในอ้อมกอดของใครคนหนึ่งคนอุ่นน่าดู และสำหรับคนที่ไม่มีความรัก ก็คงจะเป็นเช่นกันกับการมองหา และเฝ้ารอใครสักคนที่จะมาทำให้คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษกว่าคืนไหน ๆ ที่ผ่านมาในชีวิต

 

ในคืนวันคริสต์มาสอีฟ คงเป็นคืนที่ใครก็ถามหา " ความรัก " ว่าอยู่ที่ไหน และ Love actually ก็ได้ให้คำตอบแก่เราเช่นกันว่า ความรักอยู่ทุก ๆ ที่รอบตัวเรา ความรักปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งกับคนที่มีศรัทธาในความรัก

 
























"Love is all around"

 

เพลง ๆ นี้คงจะเป็นเพลงที่เปิดดังกระหึ่มที่สุดในคืนวันคริสต์มาสปีนั้น และปีต่อ ๆ มา Love actually ชื่อของหนังเรื่องนี้ก็ได้มาจากเพลง ๆ นี้เช่นเดียวกัน ในเวอร์ชั่นของ wet wet wet ที่ยังเป็นเพลงรักของใคร ๆ อยู่ในทุกวันนี้ และฉันก็รักเพลงนี้มากเช่นเดียวกัน

 

ความรักใน Love actually คือความรักที่ไม่มีนิยาม ความรักที่ไม่มีแค่ความรู้สึกสุขสมหวังแต่เพียงอย่างเดียว รักใน Love actually ยังมีทั้งเศร้า ตื่นเต้น รักที่ต้องปิดบัง รักที่ต้องอดทน รักที่ยังเฝ้ารอ และรักที่คาดไม่ถึง แล้วความรักของคุณเป็นอย่างไร ?

 

ฉันคิดว่าหลาย ๆ คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ คงชอบรักในแบบของ มาร์คเหมือนกับฉัน ชายหนุ่มที่แอบหลงรักผู้หญิงคนหนึ่งอย่างหมดใจ แต่ความรักของเขานั้นไม่อาจที่จะพูดออกไปได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่กล้า แต่เธอผู้นั้นเป็นแฟนที่เพิ่งจะกลายมาเป็นภรรยาของเพื่อนรักของเขาต่างหาก

 

แต่คุณเชื่อไหมว่าในคืนคริสต์มาส ทุก ๆ อย่างย่อมเป็นไปได้?

 

ฉากนี้คงเป็นฉากที่ประทับใจใครหลาย ๆ คนฉันก็เช่นเดียวกัน ที่ความประทับใจนั้นมากจนเอ่อล้นออกมาจากตาเชียวแหละ

 

มาร์คตัดสินใจถือแผ่นป้ายที่เขาเตรียมไว้ไปหาผู้หญิงคนนั้นที่บ้านในคืนวันคริสต์มาส เขาเคาะประตู แล้วเปิดเพลง silent night เหมือนกับเด็ก ๆ หรือคนอื่น ๆ ที่มาร้องเพลงอวยพรวันคริสต์มาส เธอเปิดประตูออกมาหาเขาด้วยความประหลาดใจ มาร์คไม่พูดอะไร แต่เขาใช้แผ่นป้ายที่เขาเตรียมมาพูดแทนสิ่งที่หัวใจของเขาอยากจะบอก
"To me you are PERFECT"
" สำหรับผมแล้วคุณสมบูรณ์แบบ "

 

นี่อาจจะเป็นคำสารภาพรักที่โรแมนติคที่สุดในโลกอีกคำเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าจะมีใครคิดเหมือนฉันหรือเปล่า เพียงเพราะว่ามันเป็นความรักที่ปราศจากเงื่อนไขใด ๆ มาร์คต้องการเพียงแค่สารภาพความในใจที่เขามีต่อเธอ ความรักที่ต้องเก็บงำความรู้สึก และในคืนนี้ คืนแห่งความสุข คงเป็นการสมควรแล้วที่เขาจะได้บอกเธอ ถึงแม้ว่ามันอาจะเป็นวิธีที่แปลกกว่าใคร ๆ แต่ภายใต้ความไม่มีเงื่อนไขใด ๆในความรักของเขานั้น เพียงหนึ่งรอยจูบจากเธอ

 

แค่นั้นก็พอ ไม่ใช่หรือ ?
ENOUGH ?