Skip to main content

หากินถิ่นมาเลเซีย (4)

คอลัมน์/ชุมชน


 


โชคชะตาที่เราจะสามารถเชื่อมั่นได้ ต้องมาจากจิตที่เป็นกุศลเท่านั้น


 


พ่อเคยเรียกฉันว่า "แม่นกกระยาง" ไม่ใช่เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูของฉันหรอกนะ แต่เป็นคำประชดประชันในการใช้ชีวิตของฉันมากกว่า ที่เร่ร่อนรอนแรมทำงานหาเงินเหมือนนกกระยางย้ายถิ่น ยามฤดูแล้งยิ่งต้องตระเวนหาแหล่งน้ำที่หลงเหลือ ฉันฟังแล้วนิ่งอึ้งเถียงไม่ออก ก่อนแบกกระเป๋าออกจากบ้าน เร่ร่อนต่อไปตามชะตา


 


เมื่อพ่อจากไปนิรันดร์ คำนั้นกลับสะท้อนย้อนขึ้นมาจากข้างใน มาค้างคาอยู่ตรงคอหอย เหมือนเครื่องบีบอัดบดคั้นให้น้ำตาหลั่งล้นออกมา ฉันจึงเชื่อว่า หนทางชีวิตที่เคยคิดว่าถูกต้องแล้ว กลับผิดไปอย่างถนัด ที่ผิดหาใช่วิถีชีวิตที่เป็นยิบซีอย่างนั้นไม่ แต่ผิดเพราะความหลงเชื่อว่าฉันสามารถลิขิตชีวิตตนเองได้อย่างหมดจด และยังหลงใหลได้ปลื้มไปถึงความเชื่อมั่นว่าหนทางนั้นคือหนทางแห่งการปลดเปลื้องทุกข์ให้แก่สังคม


 


วันวาน ที่สายตาของพ่อเฝ้ามองตามนกกระยางแบบฉันอย่างเวทนา เพราะฉันไม่ได้ดิ้นรนไปหาแหล่งน้ำที่สมบูรณ์ แต่ฉันกลับกระเสือกกระสนไปสู่ที่ๆ แห้งแล้งยิ่งกว่า ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองว่า ฉันสามารถปลดทุกข์ให้เขาได้ แน่ล่ะ...หลายครั้งที่ดูคล้ายจะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็แค่ชั่วครู่ชั่วยาม ฉันเสียอีกที่กลับจ่อมจมอยู่กับความทุกข์ภายในใจอย่างไม่รู้ตัว เพราะฉันคาดหวังไว้มากมายว่าสังคมต้องดีกว่านี้


 


วันนี้ ฉันกลับเป็นนักมวยคาดเชือก คู่ต่อสู้ที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าท่าทีไร้ความปราณีอย่างสิ้นเชิง แค่ฉันยืนอยู่บนเวทีให้ครบยกโดยไม่โดนน็อคก็นับว่าเก่งแล้ว


 


..........


 


"แล้วคนนี้เป็นใคร" เขาชี้นิ้วมาที่ฉัน พร้อมกับสายตาเรียวหรี่ที่จ้องมองมาเหมือนนักล่าสะกดเหยื่อ ทั้งที่ฉันก้มหน้าก้มตากับอาหารตรงหน้าอย่างตั้งใจจะหลบเลี่ยงการสนทนา ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้ฉันประทับใจได้เลย ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็น


 


เมืองใหม่ในผืนดินชุ่มน้ำป่าโกงกาง เห็นได้ชัดว่าพวกเขาค้ากำไรด้วยการตัดไม้โกงกางออก แล้วถมทะเลยื่นออกไปอีก ช่างเป็นวิธีคิดที่สากลจริงๆ หากต้องการร่ำรวยต้องกอบโกยจากธรรมชาติทุกวิถีทาง


 


เหตุนี้กระมัง เมื่อเราเจอหน้ากันฉันจึงหลบสายตาเขา เพราะตัดสินแล้วว่าเขาไม่ใช่คนดีพอที่จะร่วมทำธุรกิจด้วย  บนโต๊ะเจรจาที่ใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ฉันยิ่งต้องเงียบ จนกว่าเพื่อนชาวจีนมาเลย์จะแปลให้ฟังจึงจะเข้าใจ


 


เรากำลังนั่งกินข้าวเที่ยงในภัตตาคารที่เสนอเมนูอาหารทะเลเลิศรสระดับห้าดาว ในบริเวณโรงแรมใหญ่ของเมืองใหม่นี้ เรามาสำรวจหาลู่ทางทำธุรกิจกับหนุ่มใหญ่ชาวสิงคโปร์คนนี้ คนร่างเล็กแต่ธุรกิจไม่เล็ก เพราะเมืองที่บุกเบิกในป่าโกงกางห่างไกลชุมชนชาวมาเลย์แห่งนี้ มีมูลค่านับพันล้าน มีทุกอย่างที่หรูหราไว้รองรับนักท่องเที่ยวจากสิงคโปร์ เพราะที่นี่คือเมืองยะโฮร์ หรือโจโฮร์ (Johor) สุดแดนมาลายู ประตูเชื่อมสิงคโปร์ ที่พร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านเข้ามาทางรถยนต์หรือรถไฟ


 


เมืองยะโฮร์ มีความน่าสนใจเพราะมีความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ มีทั้งพื้นที่ปลูกพืชไร่ ประเภทพืชผักผลไม้หลายชนิด ฉันพบกับกล้วยที่คล้ายกล้วยหอมลูกใหญ่ๆ เนื้อนุ่มหยาบ รสชาติหวานอมเปรี้ยว ได้ชิมเงาะมาเลย์รสชาติคล้ายลิ้นจี่ผสมสับปะรด แต่หน้าตาเหมือนลูกระเบิด ที่ชื่อว่า "ฟูราซำ" จากตลาดสดแบบชาวบ้านข้างถนน และได้กินอาหารทะเลสดอร่อย เพราะมีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ตลอดรายทาง ไปจนจรดเมืองมะละกา


 


สองข้างทางถนนสายย่อยที่วิ่งผ่านหมู่บ้านชาวมาเลย์ บ้านสไตล์มาลายูดูแล้วน่ารัก หลังเล็กๆ สะอาดสะอ้าน รอบบ้านมักจะมีต้นไม้ให้ผล ประเภทมะม่วง มะพร้าว เงาะ ทุเรียน และบางช่วงก็เป็นหมู่บ้านชาวนา


 


เมืองนี้เองที่ฉันหลงรัก ไม่ใช่มะละกา ที่ว่าเก่าแก่หลากหลายวัฒนธรรม และถูกอนุรักษ์ไว้เพื่อการท่องเที่ยวอย่างสมบูรณ์แบบ แต่ที่นี่มีความเป็นไปอย่างธรรมชาติ ชวนมองชวนค้นหาในวิถีของมาลายูอย่างแท้จริง ที่เสี่ยงกับการเสียความเป็นธรรมชาติ เมื่อมาเจอโครงการเมืองใหม่ชายทะเล ที่รัฐบาลยอมให้เช่าที่ดินระยะยาว ทำธุรกิจบันเทิงทุกรูปแบบ ที่มีแม้กระทั่งคาราโอเกะ ที่แบ่งเป็นห้องเล็กๆ จำนวนหลายสิบห้อง


 


ฉันถูกผู้ชายคนนั้นใช้อำนาจของความเป็นผู้นำบวกกับความเป็นนักธุรกิจหน้าเลือด (ใบหน้าเขาแดง เพราะดื่มเหล้า ขณะเจรจางานกับเรา) บังคับให้ฉันเดินตามเขาไปในทุกๆ ที่ ที่เขาอยากจะอวดผลงานการสร้างเมือง เมื่อมาเจอห้องคาราโอเกะ ฉันแอบถามหนุ่มนักเทคนิค ที่นั่งเฝ้าเครื่องอยู่ตรงห้องโถงว่า ธุรกิจแบบนี้ในเมืองมุสลิม เขาอนุญาตให้ขายและดื่มเหล้าได้ด้วยหรือ  เขาคนนั้นคงคาดไม่ถึงว่าจะถูกถามเรื่องนี้ จึงตอบแบบไม่มั่นใจนักว่า "เราไม่ขายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ให้กับคนมุสลิมครับ"


 


ตอนลากลับ เขาเริ่มมีท่าทีผ่อนคลายมากขึ้น เล่าว่าตนเองชอบไปพักผ่อนที่เมืองไทย โดยเฉพาะที่พัทยา และบอกว่าจะไปเมืองไทยในเร็วๆ นี้ ยังไงถ้าไปแล้วขอให้ฉันช่วยเป็นไกด์พาเที่ยวหน่อยได้ไหม ฉันยิ้มเย็น รับคำว่าได้เลย ก่อนจะหยอดต่อไปว่า "ยินดีมาก แต่ต้องเป็นทัวร์วัดเท่านั้นนะ"


 


เขาหัวเราะ ก่อนจะยื่นมือมาเพื่อสัมผัสเป็นการกล่าวลา ฉันพนมมือขึ้นไหว้ลา...เขาจึงยิ่งหัวเราะ  ขณะที่นั่งรถกลับมาเคแอล ฉันถามเพื่อนผู้เป็นนักลงทุนตัวจริงว่า คิดจะร่วมโครงการกับคนๆ นี้หรือเปล่า เพื่อนตอบว่า "ฉันไม่ชอบทำธุรกิจกับคนที่ใช้เหล้าเป็นเครื่องเจรจา"


 


ฉันซาบซึ้งในหัวใจเพื่อน แม้เราจะได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่ฉันเชื่อมั่นเสมอว่า คิดดี ทำดี ย่อมได้ดี


 


......


 


เรากลับมาเมืองไทยยังไม่ทันถึงหนึ่งเดือน น้ำท่วมมาเลเซียอย่างหนัก โดยเฉพาะสามรัฐทางใต้ ภาพถ่ายที่ฉันเห็นทางอินเตอร์เน็ต เมืองใหม่แห่งนั้นจมอยู่ใต้น้ำ


นกกระยางแขวนปีก หรือนักมวยคาดเชือกอย่างฉัน ผ่านเวทีอันตรายมาได้อย่างหวุดหวิด