Skip to main content

สวัสดี-สวัสดีความชั่ว

ความชั่ว


 


เป็นสิ่งน่ากลัวและทำได้ยากยิ่ง โดยเฉพาะความชั่วที่สังคมมนุษย์เราถือกันว่าเป็นความผิดที่มนุษย์จะต้องไม่กระทำ ดังนั้นสังคมมนุษย์จึงมีข้อห้ามและบทบัญญัติในการลงโทษคนที่ทำความชั่วหรือความผิดเอาไว้ทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งเป็นการลงโทษที่เห็นเป็นรูปธรรมที่คนทุกคนสามารถมองเห็นเป็นจริง ตั้งแต่เปรียบเทียบปรับเป็นเงิน ยึดทรัพย์ จับตัวเอาไปขังคุกกักกันอิสรภาพ มากน้อยตามแต่กรณีหนักเบาของความผิด จนถึงขั้นที่ร้ายแรงที่สุด นั่นคือประหารชีวิต ส่วนในทางศีลธรรมก็จะถูกประณามหยามเหยียด ถูกตั้งข้อรังเกียจเดียดฉันท์ ไม่ได้รับการยอมรับและถูกกีดกันมิให้เข้าไปเป็นสมาชิกของสังคม


 


นอกจากการถูกลงโทษทั้งทางกฎหมายและศีลธรรมจากสังคมแล้ว ยังเชื่อกันว่า คนที่ทำความชั่วนั้นยังมีบาปกรรมที่จะต้องได้รับการลงโทษจากสิ่งที่ไม่มีตัวตน เช่น ผีสางนางไม้ เทวดาอารักษ์ เจ้ากรรมนายเวร อินทร์พรหม พระเจ้า ฯลฯ อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็นตัว ไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยเหตุผลว่ามีจริงหรือไม่มี แต่ความเชื่อนี้ก็เป็นความเชื่อที่น่ากลัวมิใช่น้อย เพราะมองไม่เห็นตัวตน คาดหมายไม่ได้ว่าจะมาในรูปแบบไหน วันเวลาใด


 


ว่ากันว่าคนที่ทำความชั่วแล้ว


 


กฎหมายและศีลธรรมที่อยู่ในมือของมนุษย์ด้วยกัน ไม่สามารถจะเอื้อมมือไปแตะต้องได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยสาเหตุใด ๆ แต่กับสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหล่านี้ เขาจะไม่มีวันหนีพ้นจากเงื้อมมือของมันไปได้ และเมื่อถึงเวลา เขาจะต้องได้รับโทษจากสิ่งที่ไม่มีตัวตนเหล่านี้ค่อนข้างหนัก เป็นการชดเชยการลงโทษจากสังคมมนุษย์ที่ไม่อาจจะแตะต้องเขาได้


ถ้าหากว่าสวรรค์มีจริง และนี้คือกฎของสวรรค์ นั่นก็แสดงว่า สวรรค์มีดวงตาที่รู้ว่า อำนาจความเป็นธรรมที่อยู่ในเงื้อมมือมนุษย์ที่เต็มไปด้วยอคตินั้น ไม่สามารถที่จะให้ความเป็นธรรมกับมนุษย์ด้วยกันได้ถ้วนทั่ว สวรรค์จึงต้องยื่นมือเข้ามาทำหน้าที่ที่บกพร่องของมนุษย์มิให้ตกหล่นอีกชั้นหนึ่ง


 


แต่ก็อีกนั่นแหละ


 


ถึงแม้จะสำนึกรู้กันถึงขนาดนี้แล้ว คนเราก็ยังทำความชั่วกันต่าง ๆ นานา เป็นว่าเล่น เพราะอะไรหรือ คำตอบแบบสรุปรวบยอดที่เห็นกันได้ชัดมาทุกยุคทุกสมัย นั่นคือ-มันมีผลประโยชน์ที่คนอยากได้ และหวังว่าตัวเองจะได้จากการทำความชั่วนั้น ๆ


 


แน่นอน- ผลประโยชน์ที่ว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ที่เป็นวัตถุธรรมหรือนามธรรม ย่อมจะมีมากกว่าผลประโยชน์ที่ได้รับจากการทำความดี หรือทำสิ่งที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรมมากมายหลายเท่า เพราะถ้าการทำความชั่วได้รับผลประโยชน์น้อย หรือได้เท่ากับการทำความดี ผมรับรองว่าโลกนี้ทั้งโลกจะมีแต่คนทำความดี-ไม่มีคนทำความชั่วแม้แต่คนเดียว เพราะการทำความดีนั้น นอกจากจะไม่มีทั้งมนุษย์และสวรรค์คอยจับผิดและลงโทษเหมือนการทำความชั่วแล้ว ทั้งมนุษย์และสวรรค์ยังคอยยกย่องสรรเสริญคนที่ทำความดีอีกต่างหาก


 


ใช่หรือมิใช่-เป็นเพราะผลประโยชน์ที่คนมองเห็นว่าจะได้มาก ๆ จากการทำความชั่วนี่แหละคือสิ่งเย้ายวนที่จูงใจให้คนทำความชั่ว ยิ่งเป็นผลประโยชน์ที่คิดมูลค่าออกมาเป็น เงิน เงิน เงิน ซึ่งมีอำนาจซื้อความสุข ความสะดวกสบายทางโลกได้สารพัด (โดยเฉพาะในสังคมปัจจุบัน) เป็นจำนวนตัวเลขมากเท่าไหร่  ความกลัวที่จะทำความชั่ว ซึ่งเป็นสิ่งน่ากลัวและทำได้อย่างยากยิ่งของคนคนหนึ่ง ก็ยิ่งลดน้อยถอยลงเท่านั้น


 


ยิ่งมากเป็นจำนวนมหาศาล ยิ่งย่อมทำให้คนเกิดความโลภถึงขั้นหน้ามืดตามัว หมดความกลัว ลืมตัวลืมตาย ลืมบาปบุญคุณโทษ สามารถลงมือฆ่ากันได้-แม้กระทั่งพี่น้องที่คลานออกมาจากท้องแม่เดียวกัน ดังเช่นกรณีการลงมือฆ่ากันอย่างเลือดเย็นเพื่อแย่งชิงมรดกกัน ระหว่างพี่น้องร่วมสายเลือดตระกูลเดียวกัน ที่เกิดขึ้นมาทุกยุคทุกสมัย ตั้งแต่สังคมชั้นล่างสุดไปจนถึงสังคมของคนชั้นสูง


 


หรือที่เห็นกันตำตาอยู่ทุกวันนี้


 


เช่นกรณีผู้ค้ายาเสพติด ถึงแม้จะมีคนถูกจับเข้าคุกกันคนละหลายสิบปี บางคนถูกประหารชีวิต บางคนถูกทำวิสามัญ หรือฆ่ากันเองเพราะหักหลังกัน เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์และจอทีวีแทบไม่เว้นแต่ละวัน แต่ก็ยังมีคนสมัครใจเสี่ยงกับยาเสพติด ราวกันคุกตารางและความตายเป็นของเล่น เพราะเงินจากยาเสพติด มันหอมหวานและเย้ายวนใจคนเป็นอย่างยิ่ง จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่เรามักจะได้ยินคนเขาพูดกันว่า  "เงินคือรากเหง้าของความชั่วร้าย"


 


แต่ถ้ามองจากมุมมองทางพุทธศาสนา ผมกลับพบว่าไม่ใช่เงินหรอกที่เป็นรากเหง้าของความชั่วร้าย เพราะเงินเป็นเพียงแค่วัตถุที่ไม่มีชีวิตจิตใจที่คนสมมติกันขึ้นมาให้มีอำนาจในการซื้อขาย และไม่เคยรับรู้ว่าคนจะนำมันไปใช้ในทางที่ถูกหรือผิด ความโลภความอยากได้อยากมี ความโลภไม่รู้จักหยุดจักพอของมนุษย์ต่างหากคือรากเหง้าของความชั่วร้าย


           


ใช่หรือมิใช่


 


ความชั่วเป็นสิ่งที่น่ากลัวและทำได้ยากยิ่ง ยิ่งเป็นความชั่วที่ทำไปแล้วมองไม่เห็นผลประโยชน์ใดๆ เป็นสิ่งตอบแทน ผมมั่นใจปกติคนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ ที่สำนึกรู้ ผิด ถูก ชั่ว ดี บาป บุญ คุณ โทษ อย่าว่าแต่ทำเลยครับ  เพียงแค่คิดและนึกถึงผลที่จะติดตามมาก็นึกกลัวจนขนหัวลุก


 


แต่ถ้ามีผลประโยชน์อันหอมหวานเข้ามา ถึงขั้นทำให้แม้แต่คนที่เข้มแข็งที่สุดในทางจริยธรรมยังหวั่นไหว ก็ตัวใครตัวมันนั่นแหละครับ ที่จะต้องรับผิดชอบชะตากรรมของตัวเอง ถ้าหากคุณได้เลือกและตัดสินใจ...


 


เพราะระหว่างเงินกับมนุษย์นั้น สังคมอเมริกันซึ่งเป็นต้นแบบของสังคมบริโภควัตถุ ที่ผ่านขบวนการพิสูจน์คนด้วยเงินมามากกว่าใคร ๆ ในโลกนี้ได้กล่าวเอาไว้ว่า


"คนเราทุกคนล้วนแต่มีราคาเป็นของตัวเอง ถ้าเราสามารถให้เงินเขาด้วยจำนวนที่เขาพึงพอใจ เราก็สามารถซื้อเขาได้"


 


นี่คือรางวัลของการทำชั่ว ซึ่งจำเป็นจะต้องมีราคาแพงอยู่เสมอ ตามสถานะของคนแต่ละคน  คนจึงจะยอมทำความชั่ว


 


ครั้งหนึ่ง เมื่อผมมีโอกาสได้นั่งดื่มกับดอกเตอร์สาขาทางเคมีและชีววิทยาผู้เปรื่องปราดท่านหนึ่ง ในร้านคาราโอเกะที่มืดและลึกลับแห่งหนึ่งในละแวกชานเมือง ที่ท่านแอบไปนั่งหาความสำราญ แล้วบังเอิญโชคร้ายไปจ๊ะเอ๋เอากับผมที่รู้จักท่านเป็นอย่างดี ท่านจึงจำเป็นต้องเรียกผมไปนั่งโต๊ะและขอเลี้ยงผมอย่างไม่อั้น เพื่อความปลอดภัยในสถานภาพทางสังคมที่เต็มไปด้วยเกียรติยศและหน้าตาของท่าน หลังจากดื่มและพูดคุยกันสารพัด ผมจึงเรียนถามท่านแบบก่อกวนด้วยหลักการ วิภาษวิธีของโสกราตีสผสมกับคาร์ลมาร์กซ์ว่า


"อาจารย์ครับอาจารย์คิดว่าอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่คนเราต้องการมากที่สุด"


 


ท่านตอบผมโดยไม่ต้องหยุดคิดและลังเลใจว่า


"อิสระและเสรีภาพในการใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น"


"แล้วสิ่งที่อาจารย์อยากทำมากที่สุด แต่ยังไม่ได้ทำ อาจารย์อยากทำอะไรครับ"


"ความชั่วโว้ย! ผมอยากทำความชั่วอะไรสักอย่างจนใจจะขาด แต่ผมก็ทำไม่ได้ เพราะคนอย่างผมเดินไปทางไหนก็มีแต่คนรู้จักและยกมือไหว้กันทั้งเมือง ให้ตายสิ...เพียงแค่คุณเสือกมาเจอผมในสถานที่แบบนี้ ผมก็รู้สึกแย่แล้ว ไอ้ห่า! ความชั่วนี่...ทำได้ยากชิบหายเลยว่ะ"


 


เห็นไหม ความชั่วนี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวและทำได้ยากจริง ๆ  เพียงแค่หลบๆ ซ่อนๆ แอบเข้าไปเที่ยวในสถานที่อโคจร เพื่อเสพอบายมุข...ซึ่งเป็นความชั่วขั้นพื้นฐานระดับอนุบาลเด็กเล็ก คนบางคนบางสถานภาพเขาก็รู้สึกแย่แล้ว เมื่อไปเจอคนที่รู้จักกันเข้า


 


ไม่จำเป็นจริง ๆ อย่าไปยุ่งกับไอ้ตัวร้ายนี่เลยครับ โดยเฉพาะคนที่มีจิตใจละเอียดอ่อนและมีจิตสำนึกทางศีลธรรมสูง แถมยังยึดมั่นในสำนึกที่ดีงามนี้อย่างเคร่งครัด ห้ามไปยุ่งกับมันอย่างเด็ดขาด เพราะคนประเภทนี้ถ้าหากเกิดพลั้งเผลอไปทำอะไรสักอย่างที่เป็นความชั่วที่ค่อนข้างหนักหนาสาหัส ไม่ว่าด้วยเหตุผลหรือความจำเป็นใด ๆ  คนดีที่แสนดี...แต่ชีวิตต้องผิดพลาดเหล่านี้ พวกเขามักจะรู้สึกผิดอย่างรุนแรงในภายหลัง โดยไม่ต้องรอกฎหมายศีลธรรมจากสังคมและบาปกรรมใด ๆ จากสรวงสวรรค์มาจับผิดและลงโทษ คนพวกนี้มักจะด่วนลงโทษตัวเองจนเป็นบ้าเป็นหลัง หรือไม่ก็ลงมือฆ่าตัวตายกันแทบทุกราย


 


สวัสดี-สวัสดีความชั่ว


ไม่จำเป็นไม่ต้องมาเคาะประตูบ้านข้าหรอก


ข้ารู้จักเจ้าดีแล้ว


ความชั่วเอย...


ข้าไม่กลัวโฉมหน้าที่น่าขยะแขยงของเจ้าหรอก


แต่ข้ากลัวรางวัลราคาแพงของเจ้าเหลือเกิน


รีบไปให้พ้น ๆ จากที่นี่เสียทีเถิด


ขอความกรุณาอย่าได้มาลองของข้าเลย


ข้ากำลังพยายามจะทำความดี


ข้าขออ้อนวอน.


           


14 เมษายน 2550


กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่