Skip to main content

คอนเสิร์ตมันสนุกตรงไหนอ่ะ?

คอลัมน์/ชุมชน


 


เมื่อสุดสัปดาห์ของสักอาทิตย์-สองอาทิตย์ก่อน ผมไปนั่งดูฟรีคอนเสิร์ต Melody of Life ที่บริเวณทั้งในและหน้าห้าง CentralWorldPlazaซึ่งมีวงดีๆ มาให้เราดูเยอะทีเดียว รวมถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างสงบทีเดียว (จะมีที่แย่ก็คือบรรดานักผลิตควันทั้งหลายที่มักจะมาปล่อยควันกันกลางฝูงชนที่ดูคอนเสิร์ตอยู่นั่นแหละ...พี่จะดูดจะเป่ายังไงผมไม่ว่าหรอกนะพี่ แต่อย่างให้คนที่ไม่ชอบควันของพี่เขาต้องมาทนดมเล้ย...)


 


ผมเองค่อนข้างสนุกสนานกับงานแบบนี้ ผิดกับหญิงสาวร่างล่ำสันข้างตัวผม ที่คุณเธอดูจะสงสัยว่าการมาดูคอนเสิร์ตมันสนุกตรงไหน (จริงๆ แล้วผมก็เคยรู้สึกแบบนี้ตอนที่ผมยืนรอคุณเธอเดินเลือกตุ้มหูกับกิ๊บติดผมเหมือนกันนะ :-P)


 


"ฟังเพลงจากคอนเสิร์ตมันเพราะกว่าการนั่งฟังซีดีที่บ้านตรงไหนอ่ะ" เธอถามผม


 


ผมจะมาตอบเธอในบทความชิ้นนี้นะแหละครับ...


 


@#@#@#@#@


 



 



 


สำหรับตัวผมแล้ว การไปดูคอนเสิร์ตไม่ได้เป็นเพียงแค่การไปนั่ง/ยืน/นอนฟังดนตรีเท่านั้น (ในกรณีหลังนั้นใช้กับการชมดนตรีในสวนที่สวนลุมฯ ครับ) หากแต่ผมกลับรู้สึกว่าผมกำลังไปรับประสบการณ์พิเศษบางประการด้วย


 


ประสบการณ์ที่ว่านั้น เริ่มจากภาพบนเวที ที่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าจะหวังความคมชัดใสปิ๊งแบบที่ได้นอนฟังจากวิทยุหรือเครื่องเล่นซีดีเห็นทีจะไม่ไหว แต่คอนเสิร์ตสามารถทดแทนด้วยเสน่ห์บางประการ


 


ถ้าจะให้อธิบายเจ้า "เสน่ห์" ที่ว่าให้เป็นลายลักษณ์อักษรคงจะลำบาก เอาเป็นว่ามันเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเรียบเรียงเพลงให้ต่างจากที่เราได้ยินในซีดี (ทั้งการเรียบเรียงแบบตั้งใจ และการเรียบเรียงให้ต่างแบบไม่ตั้งใจที่เรียกกันว่า "เล่นผิด/เล่นเพี้ยน" นะแหละ:-P), การเรียงเพลงในคอนเสิร์ต (ถ้าคุณเคยดูคอนเสิร์ตของ Modern Dog บ่อยๆ คงจำชุด "คอมโบนรก" ที่มีติ๋ม-บุษบา-เวตาล เป็นเพลงปิดท้ายคอนเสิร์ตได้) เรื่อยไปจนถึงบรรดา "ของเล่น" ประกอบการแสดงทั้งหลายแหล่ (ข้อสุดท้ายนี้ขออุทิศให้กับ Paradox ครับ)


 


ความรู้สึกที่ว่าไม่ได้เกิดจากภาพที่เห็นบนเวทีเท่านั้น แต่มันเกิดจากสิ่งที่อยู่รอบตัวของเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นเสียงกรีดร้อง (เอ่อ... มันควรจะเป็นเสียงกรี๊ดมากกว่านะ กรีดร้องมันดูเป็นคดีฆาตกรรมมากกว่าจะเป็นคอนเสิร์ตอ่ะ) และเสียงร้องเพลงตามของผู้ชม ปฏิกิริยาอื่นๆ ตามแต่แนวดนตรี (ที่มีตั้งแต่ปรบมือ, โบกมือ, โยกหัว, กระโดด จนไปถึงขั้น "เซิร์ฟ" และ "แท็ค" กัน...ถ้าคุณไปดูคอนเสิร์ตเมทัลนะ) ไปจนถึงอุณหภูมิและสภาพอากาศกันเลย (ผมยังจำบรรยากาศ "ร้อนอิ๊บอ๋าย" ของงาน Fat Festival ครั้งแรกที่โรงงานยาสูบเก่า และคอนเสิร์ตกลางแจ้งหลายๆ ครั้งที่สายฝนเข้ามาเป็นผู้ชมกับเขาด้วย จนทำให้ผู้ชมที่เป็นคนธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ต้องหลบฝนกันจ้าละหวั่น)


 


เสน่ห์แบบนี้จึงเป็นเสน่ห์ที่เครื่องเสียงระดับสุดยอด หรือเครื่องเล่นเอ็มพีสามเครื่องไหนๆ ก็ให้ไม่ได้ และด้วยเสน่ห์แบบนี้แหละ ที่ทำให้หลายๆ ครั้งที่ผมไปดูคอนเสิร์ตแล้วเจอวงที่เล่นสดเจ๋งๆ แล้วทำเอาผมต้องไปควานหาอัลบั้มของพวกเขามาฟังให้ได้


 




 


ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ก็คิดไปถึงแวดวงดนตรีปัจจุบันที่กำลังบ่นกันถึงปัญหาเทปผี-ซีดีเถื่อน และกำลังหาทางแก้ปัญหาอย่างเร่งรีบ...เร่งรีบจนลืมไปว่าศัตรูของพวกเขาคือพวกพ่อค้าเอ็มพี 3 ไม่ใช่ผู้ฟังรายย่อย จึงทำให้เขาใช้วิธีป้องกันโดยติดตั้งโปรแกรมป้องกันการแปลงไฟล์ไว้ในแผ่นซีดี ทำให้ผู้ฟังที่ต้องการแปลงไฟล์เพลงให้เอาไปฟังในเครื่องเล่นเอ็มพี 3 หรือถ้าหรูหน่อยก็เป็น "ไอ้ป๊อด" (IPod) จนทำให้คนฟังเพลงหลายๆ คนต้องไปอุดหนุนแผ่นเอ็มพี 3 หรือไม่ก็หาโหลดเพื่อความสะดวกในการฟังซะงั้น เฮ้อ...


 


การแสดงสดนี่แหละ ที่อาจจะเป็นอาวุธสำคัญในสงครามละเมิดลิขสิทธิ์ก็ได้...


 


@#@#@#@#@


 


แม้ว่าสาวเจ้าข้างๆ ตัวผมจะดูเซ็งๆ เวลาที่ผมสนุกกับคอนเสิร์ต (ด้วยรูปร่างของเธอ การอธิบายอาการหงุดหงิดของหล่อนด้วยคำว่า "ฟาดงวงฟาดงา" จึงเป็นสิ่งที่เห็นภาพได้ชัด :-P) แต่จริงๆ ผมกับเธอก็มีความทรงจำดีๆ เกี่ยวกับคอนเสิร์ตเหมือนกัน


 


ที่พูดแบบนี้ก็เพราะว่า...ผมขอคบกับคุณเธอหลังจากที่เราดูคอนเสิร์ตของวง Friday ด้วยกันนะครับ


 


แหม...พูดแล้วเราก็ได้แต่อายม้วนต้วนไปตามระเบียบ


 


 



ของฝากจากเด็กใหม่ฯ


 


วันนี้ค้นเพลงใน Folder เพลงในคอมพิวเตอร์ เจอเพลงสนุกๆ เข้าเพลงหนึ่งครับ


 


เพลงนี้คาดว่าจะเป็นเพลงจากภาพยนตร์ "หนุมานพบ 5 ไอ้มดแดง" (ที่ผมบอกว่า "คาดว่า" ก็เพราะผมได้เพลงนี้มาโดยไม่รู้ที่มาที่ไปของมันเลย) ซึ่งเจ้าของเสียงร้องน่าจะเป็นคุณมีศักดิ์ นาครัตน์ (สะกดชื่อ-นามสกุลผิดไปก็ขออภัยด้วย)


 


ได้อารมณ์ดีแท้ครับ