Skip to main content

ในความหมายของสงกรานต์

คอลัมน์/ชุมชน


 


ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ไปเที่ยวที่ไหนกันบ้างครับ?


ผมเองไม่ได้ไปไหน เพราะต้องเป็นเจ้าภาพต้อนรับเพื่อนที่มาเที่ยวบ้าน คนหนึ่งมาจากอุดรธานี คนหนึ่งมาจากสุพรรณบุรี อีกสองคนมาจากกรุงเทพฯ


 


เพื่อนกลุ่มนี้คือกลุ่มที่สนิทที่สุด คบกันมาตั้งแต่สมัยเรียน หัวหกก้นขวิดมาด้วยกันตลอดสิบกว่าปี เพราะแต่ละคนก็ใช้ชีวิตกันแบบไม่อยู่ในกรอบสักเท่าไร ชีวิตหักเหขึ้นๆ ลงๆ กันคนละหลายปี กว่าจะตั้งหลักกันได้  สันนิษฐานว่า ช่วงเรียนเราไม่ค่อยจะเรียนกันก็เลยต้องใช้เวลาตั้งหลักตอนทำงานนานหน่อย (ฮา)


 


แม้ว่า ชีวิตพวกเราจะลุ่มๆ ดอนๆ ไม่ค่อยจะดีเด่นดังแบบคนอื่นๆ แต่เพื่อนผมกลุ่มนี้ ทุกคนจะมีลักษณะพิเศษเหมือนกันอย่างหนึ่ง คือเป็นพวก มองโลกในแง่ดีแบบสุดๆ มีลูกบ้า กับมุขสดกันคนละหลายกระบุง บางทีนั่งคุยกันเฉยๆ ไม่ต้องมีของมึนเมาใดๆ เราก็หัวเราะกันจนน้ำตาเล็ดน้ำตาร่วง ชวนให้ชาวบ้านเข้าใจผิดว่าเมากันหรือเปล่า มากันคราวนี้ ผมเลยได้หัวเราะจนเมื่อยหน้าไปเลย


 


เพื่อนผมในกลุ่มนี้ มีอยู่คนหนึ่ง เคยมาทำงานที่ลำปางอยู่หลายปี อีกคนเคยมาเที่ยวเมื่อสองปีที่แล้ว นอกนั้นเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก


 


งานสงกรานต์ หรือที่ทางเหนือเรียกกันว่า "ปีใหม่เมือง" นี้ เท่าที่ได้คุย ที่แต่ละคนอยากมาเที่ยวกันก็ด้วยหลายเหตุผล อย่างหนึ่งคือผมอยู่ที่ลำพูน ยังช่วยดูแลเพื่อนๆ ได้ อีกอย่างคือทุกคนอยากจะมาเล่นน้ำ ในแบบที่ สนุก ไม่มั่ว ไม่รุนแรง ซึ่งอย่างหลังนี่ เมื่อได้ลองไปเล่นกันแล้วทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ชอบมาก"


 


ไม่แน่ใจว่าการเล่นสาดน้ำ ในแต่ละภาค แต่ละจังหวัด จะมีความแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่ผมทราบ จังหวัดทางภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะเล่นน้ำกันจริงๆ ไม่ใช่เล่นแป้ง เล่นสี หรือเลยเถิดไปถึงลวนลาม ซึ่งอาจชักนำความรุนแรงตามมา


 


ประเภทสาดน้ำไป เปิดเครื่องเสียงไป ดื่มไป ดิ้นไป นี่คงเห็นกันได้ทั่วไป แต่หลายแห่งบรรยากาศแบบนี้ค่อนข้างน่ากลัว เพราะเล่นปิดถนน รีดไถเงิน ไม่ก็ลวนลามเพศตรงข้าม (ลวนลามเพศเดียวกันก็มี) แต่ทางภาคเหนือ เท่าที่ทราบ ไม่ค่อยจะมีเหตุการณ์รุนแรงสนุกกันจนเลยเถิดแบบนั้น จะมีก็แต่ทั้งเล่นน้ำ ดื่ม ดิ้น จนหมดเรี่ยวแรงกันก็เท่านั้น


 



 


คงเป็นเพราะผมอยู่กับงานปีใหม่เมืองของทางเหนือจนชินแล้วกระมัง จึงรู้สึกเฉยๆ แต่เพื่อนผมบางคนเคยไปเล่นสาดน้ำในหลายๆ ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้เล่าประสบการณ์ (ค่อนข้างโหด) ของงานสงกรานต์ในบางท้องที่ให้ฟัง มีตั้งแต่สาดน้ำแข็งลงมาจากตึกชั้นดาดฟ้า, ลวนลามสตรีถึงขั้นอุ้มลงจากรถ,ตักน้ำในคลองน้ำครำขึ้นมาสาดคนเดินถนน ฯลฯ ฟังเพื่อนเล่า ก็นึกขึ้นได้ว่าผมเองก็มี "ภาพสยอง" ของงานสงกรานต์ปีหนึ่งบนถนนราชดำเนิน


 


ปีนั้นผมนั่งรถเมล์ผ่านถนนราชดำเนินซึ่งเต็มพรืดไปด้วยผู้คนนับหมื่น ซึ่งหลายคนมีสภาพไม่ค่อยจะเหมือนคนแล้วเพราะทั้งเมา ทั้งเต้น ทั้งหัวหูขาวโพลนด้วยแป้ง คนส่วนใหญ่ถือกระป๋องใส่แป้งเหลวไล่ป้ายหน้าคนเดินผ่านไปผ่านมา สองข้างถนนเต็มไปด้วยภาพการวิ่งไล่ "ป้ายแป้ง", ผู้ชายลวนลามผู้หญิง และ ผู้ชายลวนลามผู้ชาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบหายไปไหนหมด หรือกลัวจะโดนป้ายแป้งก็ไม่ทราบ?


 


ภาพที่เห็นมันทำให้ผมคิดถึงหนังฝรั่ง ประมาณฝูงซอมบี้บุกเมือง บรรยากาศมันช่างป่าเถื่อนราวกับเป็น "เมษาอนารยชน" อะไรทำนองนั้น และหลังจากนั้น ผมก็ไม่คิดอยากจะออกไปไหนในช่วงสงกรานต์อีกเลย


 


จนกระทั่งย้ายมาอยู่ทางเหนือ จึงได้เห็นว่า สงกรานต์แต่ละที่มันต่างกันมากมายขนาดไหน แม้หลายคนจะมองว่า เด็กๆ วัยรุ่น "ละอ่อน" ทั้งหลาย ไม่ค่อยจะสนใจเข้าวัดทำบุญในช่วงปีใหม่เมืองกันแล้ว แต่ผมก็ยังเห็นว่า วัดแถวบ้านที่ผมอยู่ก็ยังมีคนหนุ่มคนสาวจำนวนไม่น้อยที่ไปเข้าวัดพร้อมกับพ่อแม่ญาติผู้ใหญ่ ทั้งไปรดน้ำดำหัวพ่ออุ๊ยแม่อุ๊ย ตามประเพณี จนสายหรือบ่าย อากาศเริ่มร้อน หนุ่มๆ สาวๆ เขาถึงจะยกถังน้ำออกมาเล่นสาดน้ำกันหน้าบ้าน


 


ที่ตั้งใจแต่จะเล่นสาดน้ำก็คงมีไม่น้อย แต่อย่างน้อยที่สุด เขาก็ยังเล่นน้ำกันเรียบร้อยกว่าหลายๆ พื้นที่ในประเทศไทย ไม่มีเล่นสี เล่นแป้ง เล่นอะไรพิเรนท์ๆ หรือเลยเถิดไปกว่าการสาดน้ำ แค่เล่น "น้ำเย็น" (น้ำแช่น้ำแข็งมือ) ก็สะดุ้งโหยงปากคอสั่นกันแล้ว ไอ้เรื่องทะเลาะวิวาท ก็อาจจะมีบ้าง แต่เทียบกับหลายๆ ที่แล้ว ยังน้อยกว่ามาก


 


ผมคิดว่านี่เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้หลายคนอยากมาเที่ยวภาคเหนือในช่วงสงกรานต์ พอได้เที่ยวสักครั้งก็ติดใจ ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาอีก


 


จะว่าไปแล้ว ก็คงต้องยกความดีส่วนหนึ่งให้กับฝ่ายปกครองเขา ที่ประชาสัมพันธ์เรื่องการเล่นน้ำอย่างสุภาพอย่างต่อเนื่อง ทั้งเคร่งครัดกับผู้ละเมิด ทำให้ภาพของงานสงกรานต์ "ประเพณีปีใหม่เมือง" ทุกปี กลายเป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย ชาวเทศ


 



 


ถึงแม้ว่า หลายสิ่งหลายอย่างในประเพณีสงกรานต์จะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่ภาพของความดี ความงามตามวัฒนธรรมดั้งเดิมก็ยังมีให้เห็นอยู่ สิ่งสำคัญในกิจกรรมวันสงกรานต์หรือ ปีใหม่แบบเดิมของไทย คือทำให้มองเห็นการเปลี่ยนผ่านจากปีเก่าล่วงเข้าสู่ปีใหม่ การละทิ้งสิ่งไม่ดีไม่งามเก่าๆ ไป และรับเอาความดีความงามสิริมงคลสำหรับปีใหม่


 


สิ่งนี้เอง คือเป้าหมายของงานสงกรานต์ คือการร่วมสร้างบุญกุศล คือการทำใจให้สงบ คือการเติมพลังให้ชีวิต คือการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อโน้มนำจิตใจให้ใฝ่ดี และหากเรายังช่วยกันรักษาไว้ได้ สงกรานต์ ก็จะไม่ใช่แค่วันหยุดยาวที่เราไปเล่นสาดน้ำ เมามาย สนุกสนานจนลืมโลก ก่อนจะแบกสังขารไปตรากตรำสู้งานหนักกันต่อ


 


สงกรานต์ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลนัก แต่วันที่ 15 ก็ยังได้มีโอกาสไปดูขบวนแห่ของแต่ละตำบลที่อำเภอป่าซาง ปีนี้คนเยอะมากจริงๆ รถติดกันทุกถนนทุกซอย กระนั้นบรรยากาศก็สนุกสนาน ไม่มีการกระทบกระทั่งให้เห็น อากาศไม่ร้อน ครึ้มฟ้าครึ้มฝนเสียด้วยซ้ำ น้ำเย็นที่เล่นสาดกันเลยยิ่งเย็นเข้าไปใหญ่ เพื่อนผมแต่ละคน ก็ติดใจจนบอกว่า ถ้าปีหน้ามาได้ก็จะมาอีก


 


หลังจากเล่นสาดน้ำกันจนชุ่มฉ่ำ เราเข้าวัดไปไหว้พระกัน  ผมพนมมือตั้งจิตอธิษฐานขอให้ประเทศชาติเรา "เย็น" เสียที ความร้อนที่ระอุมานานหลายปี มันควรจะจบลงได้แล้ว