Skip to main content

เปิดชีวิตปิดทีวี

คอลัมน์/ชุมชน


 


ดวงตาค่อยๆ เปิดขึ้นทีละนิด - ปริตาตื่นมาตอนเช้า อาบน้ำ แปรงฟัน จัดการกิจธุระต่างๆ เสร็จสรรพเพื่อเตรียมตัวอยู่เฉยๆ พร้อมๆ กับแสงแดดอ่อนๆ ที่ซ่อนตัวเข้ามาในห้องแคบสี่เหลี่ยมทำให้พัดลมที่ส่ายหัวไปมาไม่สามารถทำให้ร่างกายอันบอบบางเย็นขึ้นมาได้ เหงื่อไหลไคลย้อยผุดออกมาเม็ดโตๆ


 


ชีวิตน้อยๆ คนหนึ่ง คือเขา ชายหนุ่มผมยาวรุงรัง ในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น เขาสำรวจแขนขาหน้าตาของตนทั้งที่นั่งอยู่บนเตียง ไม่นานจากนั้นเขาก็พาตัวเดินมุ่งสู่ระเบียบชานห้องที่อยู่เบื้องข้าง สูดอากาศใหญ่ๆ หนึ่งฟอด เพื่อทำให้ปอดชุ่มช่ำ "อากาศยามเช้าช่างสดใสกระไรนี่"  เขาสบถกับตัวเองดังๆ


 


จากนั้นก็พาตัวเองเข้ามาในห้องน้อยนั่งบนเตียง ครุ่นคิดอยู่นานว่าจะทำอย่างไรดีในวันหยุดนี้ เพลงไม่มีให้ฟัง ทีวีก็ไม่มีให้ดู จะมีก็เพียงแต่กระดาษ สีน้ำ และโปสการ์ดเปล่าจำนวนหนึ่ง เขามองมันด้วยคำถามที่บังเกิดในใจ ไม่นานเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสามครั้ง เขาไม่รับ


 


เขานั่งอยู่ตรงจุดเดิม เหลียวมองเห็นกระติกน้ำร้อนจึงเดินมุ่งหน้าต่อเต้าเสียบของเครื่องทำน้ำร้อนกับเต้ารับพ่วงที่วางอยู่ที่ตั้งเดิม เขาเปิดกระติกและใส่น้ำลงไปก่อนจะปิดกระติกและรอให้น้ำในกระติกทำงานอย่างสงบ เสียงของมันดังคำรามเหมือนเครื่องบินบนฟ้า ไอความร้อนที่เพิ่มขึ้นข้างในกระติกทำให้น้ำเย็นกลายเป็นน้ำร้อนขึ้นมาในไม่กี่เพลา เขามองหน้าตัวเองที่กระจก ค่อยๆ สังเกตดวงตาบางคล้ำที่เกิดขึ้น เขาถามตัวเองด้วยคำถามเดิมๆ ที่ผุดขึ้นในใจอยู่ตลอดคืน เขายืนมองตาคล้ำ เขาคลำดูเหงื่อที่ไหลชุ่มทั่วร่างกาย ใบหน้าของเขาไม่มีรอยยิ้ม มีเพียงเครื่องหมายคำถามใหญ่ๆ ว่า จะทำยังไงในวันหยุดที่ไม่ได้ดูทีวี


 


เขาจำได้ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาเป็นวันสุดท้ายที่เขาตั้งใจจะดูทีวี ก่อนที่จะปิดมันอย่างถาวร เพื่ออะไร? เขาถามตัวเองเสมอว่า ทำไมต้องไม่ดูทีวี?  ชีวิตแต่ละวันที่ตื่นมาแต่เช้ามีเสียงพิธีกรข่าวให้ได้ฟัง ตอนเย็นก่อนหน้ามีละครน้ำเน่าให้ดูเพื่อลืมความเศร้า เหงา โดดเดี่ยวของโลกที่เขาอาศัยอยู่ โลกในละครช่วยสร้างความสุข เสียงหัวเราะให้กับเขาอย่างยิ่ง และยิ่งได้ดูรายการโปรดแล้วยิ่งทำให้เขามีชีวิตชีวามากขึ้น น่าคิด, อยู่ๆ วันหนึ่งเขาตัดสินใจหยุดทำกิจวัตรที่เคยทำทุกวัน มันช่างเหงาว้าเหว่ 


 


เขารู้ตัวดีว่าทีวีเป็นเพื่อนที่แสนดีของเขา เขามักพูดกับทีวีอยู่เสมอ โลกที่เขาอยู่ในความจริงไม่มีใครพูดหรือคุยกับเขามากกว่าประโยคเดียว ทีวีเป็นเหมือนเพื่อนที่ทำให้เขามีคนได้พูดจา ได้พูดคุย ยิ่งวันไหนมีดาราคนโปรดออกสู่สายตาเมื่อไหร่ เขาจะต้องแทนตัวเองเป็นผู้สื่อข่าว เพื่อถามไถ่ทุกข์สุขของดาราผู้นั้น ครู่หนึ่ง เขาคิดอยู่นานหลายนาที พลางค่อยๆ รินน้ำที่เริ่มอุ่นในแก้วใบเล็กใส่ปาก ก่อนที่จะกลืนน้ำลงไป


 


เขามองเห็นโอกาสที่จะเกิดขึ้นภายหน้า เขาเริ่มเห็นเวลาข้างหน้าที่จะเกิดขึ้น เขาค่อยๆ เดินไปที่โต๊ะทำงานที่วางหนังสือไว้หลายเล่ม แต่ละเล่มเป็นเล่มที่เขาอ่านยังไม่จบ เขาเปิดมันอ่านทีละเล่ม อ่านไปมาก็ปวดตา เขาเริ่มพึมพำกับตัวเอง มองหน้าตัวเองอีกครั้ง พยายามพูดออกมาให้ได้ยินเสียง แต่ก็ไร้เสียงเหมือนที่ผ่านมา


 


ชายหนุ่มไม่คิดไม่ฝันว่าตัวเองจะต้องเกิดมาพูดจาไม่ได้ ภาษามือเป็นภาษาที่เขาใช้ในการสื่อสารอยู่เสมอ ทีวีทำหน้าที่ให้เขาได้พูด ได้คุย ทว่า วันนี้เขากลับว้าเหว่ที่ไร้เพื่อนคุย เขากลับมานั่งเงียบๆ อยู่ในบ้าน  มองไปที่ชั้นวางเอกสาร แล้วตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบกระดาษและปากกา เขามองมัน ก่อนจะค่อยๆ แต่งเติมถ้อยคำต่างๆ ออกมาตามที่สมองส่วนต่างๆ ของตัวเองคิดผุดออกมาได้


 


เขาเริ่มคิดว่าเขาชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ เขามองและอ่านลายปากกาครั้งแรกของตัวเองก่อนจะหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดังๆ สนั่นห้อง เขาอ่านลายมือของตัวเองเงียบๆ ในใจอีกครั้ง


 


"เปิดชีวิตปิดทีวีฮ่าฮ่าฮ่า"


 


00000000


 


ทีวีมีหลายสี


ดูดีดีมีสีเดียว


สีเหลืองฟ้าดำเขียว


รวมหนึ่งเดียวในทีวี


วันนี้เป็นวันหยุด


ผมจึงมุดอยู่คนเดียว


ไม่เปิดทีวีเชียว


เพราะว่าเดี๋ยวจะปวดตา


หมอบอกวุ่นตาเสีย


เพราะมัวเคลียแต่หน้าจอ


ให้งดนั่งหน้าจ้อ


เพราะว่าตาจะเสื่อมเร็ว


เวลาที่ว่างว่าง


ลองนั่งคิดกับตัวเอง


กีต้าร์มาบรรเลง


ลองร้องเพลงก็น่าทำ


หรือหยิบโปสการ์ดเขียน


ส่งหมุนเวียนให้เพื่อนเก่า


หนังสือบนชั้นเล่า


เราหนอเราน่าอ่านจัง


อยากรู้เหตุบ้านเมือง


เรื่องของเรื่องทันกระแส


ก็กันดีกว่าแก้


ลองไม่ตามดูประไร


เหตุการณ์บ้านหมุนไป


ทำให้ใจเราว้าวุ่น


มีแต่เรื่องชุลมุน


โลกคงหมุนไปอีกนาน


เวลาสักเพียงนิด


ลองนึกคิดหยุดฟุ้งซ่าน


ลดละกิจการงาน


พักกบาลดูสิเออ


ทีวีเปิดขึ้นมา


ก็ปวดตาอยู่บ่อยบ่อย


รายการก็พร่อยพร่อย


ดูบ่อยบ่อยก็ปวด ‘หมอง


แต่ดี, เวลาเศร้า


ยามเครียดเหงาได้เมียงหมอง


ทีวีก็เปิด’หมอง


ให้ชวนมองเรื่องเบาเบา


ประโยชน์ก็มากมี


ดูทีวีให้เท่าทัน


ข้อเสียสารพัน


หากไม่ทันแง่เหลี่ยมลาย


ลองเถิดลองนั่งคิด


ลองเปิดจิตให้สบาย


นั่งคิดนั่งมองกาย


ลองสัมผัสใจตัวตน


หยุดคิดหยุดขยับ


เพื่อลองปรับกระบวนใหม่


ชีวิตจะสดใส


หากเราได้ทบทวนตน


 


 


****


ภาพประกอบจาก : www.wechange555.com