Skip to main content

จันทร์ส่องหล้าฯ (ความรักในกระจกเงา)

คอลัมน์/ชุมชน


บ่ายเยือนจันทร์ส่องหล้า ลางแสง
ร้อนผ่อนรอนเรี่ยวแรง เรี่ยพื้น
บ่ายหวังหวั่นเคลือบแคลง จางแจ่ม จันทร์นา
ร้อนผ่อนคลายผุดฟื้น ฟากฟ้าฝันฝัง ฯ


คิดคลั่งไคล้คั่งค้าง เคลื่อนแคลง
เปรยปรับปรนปรุงแปลง ป่าวป้อง
กรรมเหลี่ยมใดวางแฝง ผลัดพึ่ง
ประหนึ่งเอียงอกร้อง ยึดเร้นซ้ายขวา ฯ

อยากสาหัสหยิบเปื้อน แย้มเหิร
ติดบ่วงฟุ้งเหลิงเพลิน บ่ายพลั้ง
แท่นใจดื่มยอเยิน รู้ไม่ ละอายเพียง
พลางเลี่ยงพรางฉ้อทั้ง แทรกเกี้ยวเหลือบทุน ฯ

สุญญากาศสุดท้าย ทายหู ดูนา
ให้รสลิ้มปรุงชู ค่าช้ำ
ให้โอสถ - อดสู สรรดื่ม ดื้อดัง
ใจทาสทานถลำล้ำ ถ่วงพ้นทางใด ฯ

ใกล้ค่ำเช้าช่อชั้น วางหยิม
อายตื่นสัมผัสพิมพ์ แท่นเนื้อ
หอมสายหยุดดังสิม - พลีดอก เลื้อยมา
หอมดึกลี้อายเอื้อ อกให้เอียงริน ฯ

ฟ้าดินเคลื่อนค่ำสิ้น สื่อสาย ใยแล
จันทร์ส่องหล้าอาจฉาย อยู่ย้ำ
เหมือนยามดื่มย่อยสลาย ลมปาก
จำกล่าวหนักกลืนกล้ำ ดั่งแก้วแจ่มสรรค์ ฯ

แม้นจันทร์เดือนดื่นร้าง ลางละออง
จางเจื่อนจริงใจจอง จ่อเจื้อย
ยามรู้เอ่ยผดุงผอง ผูกแผ่
ฤๅ แค่ปรือตาเลื้อย เลื่อนโล้เทียวทาง ฯ

เหม่อลางถิ่นเชี่ยวพื้น พอกหนา
แท่นสิทธิ์เกลี้ยงอุปมา ซ่อนย้อน
วาดจางถูก – ผิด สา - รพัดทิศ
เวียนมิตรปากท้องป้อน ปล่อยปลื้มอาจเห็น ฯ

รู้สึกเร้นสิทธิอ้าง อิงสาร
แนบต่างแทะตำนาน เหลื่อมล้ำ
ใจไหวที่บางบาน นี้กล่าว สยามนา
ร้อยกลั่นกรองโศลกย้ำ สุดท้ายฉายเสียง ฯ

เสียงลือเสียงเล่าสิ้น นอนเสีย สั่งลา
เสียงแว่วสุดอิ่มเพลีย อกอ้า
สองเขือหมู่หยิมเลีย ลืมตื่น ฝันโดย
สองพี่คิดเองจ้า จะทิ้งเหลือบลือ ฯลฯ .

                                      แด่ความไม่เท่าเทียมและเที่ยงแท้.. 
                                      ณรงค์ยุทธ โคตรคำ