Skip to main content

ชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

คอลัมน์/ชุมชน



หลายต่อหลายสำนักทางเลือกในบ้านเมืองเรา เมื่อพูดถึงการแสวงหาของชีวิตก็มักมีประเด็นหนึ่งที่พูดกันเสมอ นั่นคือ ความไม่สมบูรณ์แบบของชีวิต


ว่ากันว่า ไม่ว่าเราจะอุทิศชีวิตให้กับการแสวงหา การเรียนรู้เพียงใด เราก็จะไม่สามารถเข้าถึงความสมบูรณ์แบบได้ เพราะมันไม่มีอยู่จริง แม้ผู้คนทั่วไป ยิ่งถ้าว่าเฉพาะนักแสวงหาในกระแสทางเลือกด้วยแล้ว เหมือนกับทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง


เช่นนั้นเอง...หลายครั้งเมื่อเรามองย้อนกลับไปมองตัวเอง ในวัยที่เริ่มก้าวออกมาเผชิญหน้ากับโลกอย่างเต็มตัว ในกระบวนการแสวงหาของเรานั้นเราก็มักตั้งเป้าหมายที่สูงที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุดในความคิดในวาระนั้น แล้วเราก็เพียรพยายามตามหามัน พบบางวาระ หล่นหายในบางวาระ ในทางโลก หลายคนก็พบความสมบูรณ์แบบในระดับต่างๆ บางคนพบงานที่ชอบ และถนัด บางคนประสบผลสำเร็จในทางฐานะ ว่ากันไป เช่นนั้นแล้วความสมบูรณ์แบบของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และเช่นนั้นเองที่ทำให้ดูเหมือนว่า แท้จริงแล้วที่เหล่าเจ้าสำนักพูดกันเรื่องความสมบูรณ์แบบที่ไม่มีจริงนั้น ความจริงอีกด้านหนึ่งความสมบูรณ์แบบก็อาจจะมีอยู่จริง แต่อาจจะโดยพื้นฐาน และโดยรายละเอียดที่ต่างออกไป


เพื่อนที่ดีคนหนึ่งเคยบอกว่า ชีวิตของเรามีส่วนที่ขาดหาย และเราก็แสวงหาส่วนนั้นมาเติมเต็มให้กับชีวิต หา หา และก็หา หาเท่าไหร่ยังมีส่วนที่ขาดไปอยู่เสมอ จนวันหนึ่งเมื่อมีความรัก และแต่งงาน เขาก็พบว่า ส่วนที่หายไปนั้นมันมีอยู่ในภรรยาของเขา พร้อมกับที่เขาพบว่า เขาก็มีส่วนที่ภรรยาของเขาขาดหาย เมื่อคนสองคนมาอยู่รวมกัน มันจึงเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ นี่เขาว่ามาอย่างนั้น...


แต่ถ้าคิดต่อไปอีก สืบค้นลงไปลึกอีกนิด เราอาจจะต้องตั้งคำถามกับภาวะนั้นใหม่อีกทีว่า หากนั่นคือความสมบูรณ์พร้อมทางจิตวิญญาณ เช่นนั้นแล้ว ภาวะนั้นจะดำรงอยู่ได้นานเพียงใด เมื่อชีวิตเคลื่อนไปในกาลเวลา ความสมบูรณ์ในภาวะนั้นมันจะดำรงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์สมัยหรือ สามี ภรรยาอยู่กันไปนานๆ ความไม่สมบูรณ์แบบในประเด็นอื่นจะผุดโผล่ขึ้นมาหรือไม่ ถ้าว่าไปตามหลักการก็คือ ภาวะนั้นดำรงอยู่ไม่เป็นนิรันดร์ เมื่อสิ่งใดใดล้วนต้องเปลี่ยนแปลง เช่นนั้นแล้ว ความสมบูรณ์แบบ หรือความจริงก็ต้องเปลี่ยนไป


เช่นนั้นเองที่ผู้คนทั้งหลาย เหล่าเจ้าสำนักทั้งหลาย นักปราชญ์ และนักแสวงหาทั้งหลายต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง เพราะคนที่ค้นพบความสมบูรณ์แบบในบางขณะ (หากว่านั่นไม่ได้หลอกตัวเอง) เพียงเวลาไม่นานมันก็สลายหายไปในกาลเวลาและยุคสมัย เช่นนั้นแล้วอาจมีคำถามใหม่ๆ โผล่เข้ามาว่า แล้วเราแสวงหาอะไรในชีวิต เป้าหมายที่ตั้งไว้สูงสุดก็อาจจะไม่มีวันค้นพบ ความจริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่ เข้าใจว่า เมื่อมองเลยพ้นวิถีแห่งโลกียะ เราต่างมีคำตอบอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย แต่ในการแสวงหาของเหล่ามนุษย์ปุถุชนนั้น เราจะเหน็ดเหนื่อยต่อการแสวงหาไปอีกนานเพียงใด เพื่อจะได้พบคำตอบว่า สิ่งที่เราแสวงหานั้นอาจจะไม่มีอยู่จริง


อีกความจริง....ความสมบูรณ์แบบมีอยู่ และดำรงอยู่เป็นนิรันดร์ แม้ในโลกของปุถุชนนั่นเอง นั่นก็คือ ต่อเมื่อเราทำความเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้งและจริงแท้ในภาวะนั้นๆ เข้าใจความไม่สมบูรณ์ และดำรงอยู่ในภาวะทั้งหลายด้วยความเข้าใจ นั่นอาจเป็นความสมบูรณ์แบบที่แท้


ชีวิตที่สมบูรณ์แบบจึงอาจหมายความถึง การดำรงอยู่อย่างเข้าใจในความไม่สมบูรณ์แบบนั่นเอง.....