Skip to main content

ในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์ : งานบุญกิ๋นข้าวใหม่ แล คีตการแห่งบ้านดวงดอกไม้


1: เพลงข้าวใหม่ – เพลงฝัน


งานบุญกิ๋นข้าวใหม่ บ้าน "ร้านโขง-สาละวิน" อันมี "อ้อย...กัลยา ใหญ่ประสาน" หรือ "สหายแสงจันทร์" และอดีตสามี...."สหายยอด…พะเลอโด๊ะ...วีระศักดิ์ ยอดระบำ" ร่วมก่อร่างสร้างความงดงามทรงคุณค่าขึ้นมา


...วันนี้ "อ้อย" เปิดร้านใหม่อีกคราหนึ่ง โดยมี "สหายอนุสรณ์" ร่วมเป็นเรี่ยวแรงพลังใจให้ "สหายแสงจันทร์" ได้สานฝันอีกคราหนึ่ง พวกเราดีใจมากที่ได้มาเยี่ยมเยือนและได้กินพืชผัก ข้าวปลาอาหารที่ปลอดสารพิษ...ขอย้ำว่า ร้านนี้ มิใช่ร้านมังสะวิรัติจ๋า ยังมีไวน์ของชาวบ้านขายให้ดื่มด่ำด้วย


...ฉันเดินทางไปกับเพื่อนของ "ป้าอุไร ไชยดวงสิงห์" (พี่สาว) ที่มาจากเมืองศูนย์กลางอำนาจรัฐสมมุติ อันมี "ปี้ศรี","ป้าหนิม" จากเชียงใหม่ มี "ปี้น้อย","ปี้พริ้มเพรา" และ "ปี้อรพันธ์" (โชเฟอร์...เจ้าของรถโบราณคันงาม เป็นผู้กรุณาขับพาไป) ฉันเป็นฝ่ายเชิญชวนเอง เพราะอยากให้พี่ได้มาแอ่ว มาสัมผัสรับรู้เรื่องราวอีกด้านหนึ่งของสังคมชีวิต ณ ปฐพีแห่งนี้ ที่เป็นธรรมชาติชีวิต เป็น "พืชสวนโลก"ที่แท้จริง หลังจากที่พวกพี่ๆ ได้ไปเยือนงาน "พืชลวงโลก" (เพื่อนฉันหลายคนให้สมญานามกันเช่นนั้นจริงๆ) มาแล้ว



ง า น คึกคัก มีชีวิตชีวา ผู้คนหลากหลายทุกผู้วัย ฉันดีใจมากที่ได้พบปะมิตรสหายแห่งกองทัพประชาชนในอดีตอีกครั้งหนึ่ง...แม้ว่า ฉันมิอยากพบเจออดีตสหายบางคนที่ฉันหมดสิ้นแล้วซึ่งศรัทธาในความกะล่อนปลิ้นปล้อนกลับกลอกแห่งพวกเขา ที่ดูช่างแสนจะต่ำต้อยอยู่ภายใต้อุ้งตีนบาทบาทาแห่งระบบอภิมหาบริโภคทุนนิยมโลกาวินาศสุดโต่ง (เอาอีกแล้ว..."สหายรัตน์ หรือสหายแสงดาวฯ ยังคงยึดมั่นถือมั่นอีกหรือ?) ก็คงมีคำถามจากสหายที่มุ่งกระแสหลักแห่งลัทธิทุนนิยมสามานย์...


ทว่าฉันเองก็มิได้ปฏิเสธทุนนิยมแบบสุดโต่ง แต่ ถ้ากอบโกยทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายรากเหง้าวิถีชีวิตของสังคม ของชาวบ้านชาวโลกแล้ว ก็ต้อง "แลก" และ "เปลี่ยน" กันหน่อยยยย...


...ทว่า เมื่อพบปะสังสันท์ ฉัน ก็ทำใจได้ และเมื่อได้อ่านบทสัมภาษณ์ของ "สหายไท...เสกสรรค์ ประเสริฐกุล" ใน "ปาจารยสาร" และ "นิตยสาร ค.คน" แล้วก็ยิ่งปล่อยวาง เย็น นิ่ง ลึก แผ่เมตตา มิได้เคียดแค้น เคืองโกรธ ชิงชังกระไร เป็นไปตามยถากรรมของแต่ละชีวิตไป ฯลฯ


และฉัน ก็มิได้คาดหวังว่า มิตรสหายเขาจะหวนกลับคืนมาสู่จิตวิญญาณขบถ-วิญญาณจิตอิสรา-อุดมการณ์แห่งความงดงามที่เราได้เคยลงมือปฏิบัติการอันเป็นที่จริง ณ ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือดแหลมคมตั้งแต่อดีต จนถึง ปรัตยุบัน ฯลฯ


...ม า กันหลากหลาย ทั้งสหายจากเขต 7 (ดอยผาจิ-พะเยาว์) เขต 8 (ดอยยาผาหม่น-เชียงราย) และ เขตน่าน ฯลฯ...ฉัน จับมือทักทายอดีตสหายบางคนที่ฉันเคยมีความรู้สึกที่ไม่งามต่อเขา...และ ฉัน ก็กางดวงใจ แล วงแขนโอบกอบมิตรสหายที่งดงามคงมั่นมิเคยแปรเปลี่ยนในอุดมการณ์ทั้งหญิง-ชาย


ฉัน กางกร และ อ้อมแขนโอบกอดด้วยจิตรัก คารวะ ปิติยินดีเป็นล้นพ้น เมื่อเราได้ถั่งเทชีวิตเลือดเนื้อ จิตวิญญาณให้กันและกัน สรวมกอด จับมือกันแน่นเป็นสัญญาณบอกว่า เราพร้อมที่จะต่อสู้รังสรรค์ความดีงามบนดาวโลกดวงนี้ต่อไปตราบนิรันดร์ ซึ่งปัจจุบัน มิตรสหายของเราก็ได้เคลื่อนไหวต่อสู้อยู่แล้วในองค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแนวร่วมเกษตรกรภาคเหนือ, สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ,สมัชชาคนจน, และกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ฯลฯ


...โอ้ ชีวิต มีด้านมืด ก็ย่อมมีด้านที่สว่างไสวบรรเจิดจ้า!
...ชีวิตยังมีความหวัง


"จงใฝ่ฝัน แต่ อย่า เพ้อฝัน" (ถ้อยวจีของ "บรรจง บรรเจอดศิลป์" หรือ สายลุงสม...อุดม ศรีสุวรรณ" ผู้รจนาความเรียง "ชีวิตกับความใฝ่ฝัน" อันลือเลื่องทรงคุณค่า นำมาใช้ได้ตราบปัจจุบัน)...ใช่ ใช่ มนุษย์ย่อมมีความฝัน ฝันที่งดงามทั้งเรื่องส่วนตัวหรือส่วนรวม


"ฝันให้ไกล ไปให้ถึง" (ชื่อถ้อยกวีหนึ่งของบทกวีแห่ง "สหายร้อย...วัฒน์ วรรยางกูร")


...เมื่อใด มนุษย์ ขาดเขียมไร้ซึ่ง จินตนาการ ความใฝ่ฝัน โลกย่อมแห้งแล้ง ไร้ชีวิตชีวา ไร้จิตวิญญาณ ไร้พลังหวัง ฯลฯ
ความใฝ่ฝัน...ความฝันคือพลังใจอันมหาศาลนัก
...ความฝันของมนุษยชาติได้เคย "พลิกฟ้า-คว่ำดิน" มาทุกยุคทุกสมัยแล้ว
...อา แม่นแล้ว...ใช่แล้ว..."จงใฝ่ฝัน แต่อย่าเพ้อฝัน"



ง า น บุญข้าวใหม่ดำเนินมาตั้งแต่ ทิวาวัน จวบ ราตรีกาล มี "ส.สุภาพ" อดีตนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาเป็นประธานพิธีเปิดงาน ปัจจุบันเขาคือรักษาการหัวหน้าพรรคธุรกิจการเมืองหนึ่ง ที่มีธนานุภาพมากมายมหาศาลที่ใช้นโยบายประชานิยมหาเสียงกับประชาชน อันมีอดีตสหายแห่งกองทัพแดงเข้าร่วมขบวนร่วมหัวจมท้ายมากที่สุด โดยมิได้มี Comon Sense ต่อชีวิต จิตวิญญาณของแม่พระธรรมชาติที่คอยปกป้องคุ้มครองหัวกบาลตนเอง และมวลมนุษยชาติ แต่กลับ อกตัญญู ทำร้ายแม่ของตัวเองที่ให้กำเนิดโลกชีวิต ให้กำเนิดคุณพ่อคุณแม่ของตัวเอง เมื่อมี ศาสดา หรือ พระเจ้าองค์ใหม่ คือ วัตถุ-เงินตรา มายั่วกิเลสตัณหา.. "ตถตา" แล "แผ่เมตตาธรรม"


"คำ พอวา" น้องชายซึ่งกำลังบรรเลงดนตรีช่วงรายการวัฒนธรรมเอ่ยผ่านไมค์..."ขอเชิญ อ้ายขึ้นมาอ่านบทกวีหน่อยครับ" ฉันปรีดาเต็มใจ ก้าวเท้าขึ้นสู่เวที หลังจากที่ "ภู เชียงดาว" กวี นักเขียน ได้ขึ้นอ่านก่อนหน้านั้น...





เบ้าหลอมแห่งความรัก งดงามนักมั่นหยัดยืน
คือคน แห่งวันคืน ที่เร่าร้อน และ คงทน
คือคนอุดมทรรศน์ ที่ยืนหยัด บ่ จำนน
คือคน แห่ง ปวงคน ที่ย่ำเท้า กร้าวเกรียงไกร
สังคม เมื่อ ท้นทุกข์ ต้องรีบรุก บุกฝ่าไป
เพื่อไทย ได้เป็น ไท มิใช่ทาส ทุกครั้งคราว
คนเอย ไย แปลกแยก? เพียงแหกปาก อยู่ปาวปาว
หนทางที่ย่างก้าว ไยยืดเยื้อ ให้ยาวนาน?
หล่อหลอม ให้พร้อมพรัก และ ร้อยรัก ด้วยจิตวิญญาณ
กลใด วิธีการ เร่งค้นคิด ลงมือทำ !




0 0 0 0 0





 "จรัล มโนเพ็ชร" ราชาเพลงโฟล์คซองคำเมือง
(ภาพจากหนังสือ "จรัล มโนเพ็ชร" ราชาโฟล์คซองคำเมือง... สำนักพิมพ์ "ดอกหญ้ากรุ๊ป")


ณ ช่วงกลางวันบ่ายหนึ่ง "ป้าหมู...อันยา โพธิวัฒน์" น้องสาวและนักเขียนผู้ใจงาม ซึ่งเป็นภริยา และเป็นเพื่อนชีวิตของศิลปินโฟล์คซองผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา..."อ้ายจรัล มโนเพ็ชร"


ป้าหมู พาฉัน กับ "สหายหมอก" ไปกินดื่ม ณ ร้านบ้านโบราณชื่อ "ต้นฝ้าย" ริมฝั่งแม่น้ำกวง...เมื่อแก้มก้นสัมผัสเก้าอี้ไม้ ฉันหันหน้าไปทางบูรพาทิศ แม่น้ำกวง สายเลือดของเมืองหล่ะปูน(ลำพูน) ริน ริน เอื่อย เอื่อยไหล แมกไม้ สายธาร ภูดอยเบื้องหน้างดงาม สวยสง่า เย็น นิ่ง นัก


"ยิ๊นดี หมู ที่พาอ้ายมางดงามที่นี่" ฉัน ยกจอกไม้ไผ่บรรจงแตะสัมผัสแก้วเบียร์ดาวแดงในขวดเขียว เครื่องดื่มของโปรดแห่งเธอ...มิช้านาน "น้อย...อัคนี มูลเมฆ" กวี ศิลปินนักคิด นักเขียน นักแปล และแอ๊คตีวิสท์ กับ "น้องแดง" ภรรยาเพื่อนคู่ชีวิต และ "หนูมายา" ลูกสาวผู้งดงามน่ารักก็ตามมาร่วมแจม


"เหงาละซิท่า อ้ายน้อย" ป้าหมูเอ่ยทักด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ยามสามชีวิตเยื้องย่างขึ้นบนบันไดตรงมาสัมผัสเรา เราทั้งหมดพากันหัวเราะครื้นเครง...สารแห่งความสุขพราวฉ่ำไหลไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย...ฉันเรียกสารแห่งความสุขนี้เล่นๆ ว่า..."สารเอ็นโดทาลิน"



 "จรัล มโนเพ็ชร" กับ "อันยา โพธิวัฒน์" สองสามีภรรยาในงานขึ้นบ้านใหม่ "บ้านดวงดอกไม้"
โดยมี "พ่อสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร" ปลื้มปีติอยู่เคียงข้างลูกทั้งสอง
(เป็นภาพถ่ายจากงานขึ้นบ้านใหม่ "บ้านดวงดอกไม้")




2 : ราตรีงาม


ดึกดื่น คืนนั้น เดือนดาวคงดารดาษบนทุ่งฟ้า...


"วิ กับอ้ายแสงดาวไปนอนพักผ่อนบ้านหมูนะ" เพื่อนสาวผู้งดงามใจงามเอ่ยชวน...โอ้ ลัลล์ลา "บ้านดวงดอกไม้" แห่ง "อันยา โพธิวัฒน์ + จรัล มโนเพ็ชร" ในที่สุด ฉัน ก็ได้กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นแห่งเธออีกคราหนึ่ง ฉัน มิได้มาเยือนคารวะนานแล้ว หลังจาก "อ้ายจรัล" กลับคืนสู่อ้อมอกอันอบอุ่นของแม่พระธรรมชาติ


 
 "บ้านดวงดอกไม้" แห่ง "จรัลฯ" และ "อันยา"ที่อ้ายจรัลฯ ออกแบบและดูแลการก่อสร้างทั้งหมด
(จากนิตยสาร HOME BUYER GUIDE CHIANGMAI" ปีที่ 1 ฉบับ 6 ..48)




3 : เพลงอรุณ


เ สี ย ง ไก่ขันปลุกฉัน ตื่นขึ้นมาคารวะดวงตะวันยามเช้า...หนังสือ กีตาร์ ซึง และอัลบั้มรูปของอ้ายจรัลฯ วางเรียงรายทั่วบริเวณห้องที่ ฉัน โชคดีได้มาพำนักนอน...ฉันเอื้อมเรียวนิ้วไปสัมผัสดีดกีตาร์และซึง ของอ้ายจรัลแผ่วเบา...โอ้ เสียงซึง กีตาร์ ช่างนวลนุ่ม พริ้มพลิ้วหวาน นัก...จากนั้น ฉันก็ออกจากประตูบ้านดวงดอกไม้ มาคารวะดวงตะวันยามเช้า...เพลงพลังลมปราณ รำเริงร่า ในทุกอณูแห่งกายใจฉัน...


ขอบอก...การคารวะรับแสงตะวันอ่อนอุ่นยามอรุณที่มีวิตามินดี ทำให้ร่างกายแข็งแรงในทุกเพศวัย โดยเฉพาะคน "วัยทอง" ที่มักเป็นโรคกระดูกพรุน หากได้รับแสงตะวันก็จักช่วยได้มาก


ก า แ ฟ กรุ่นกลิ่นหอมโชยชื่นนาสิกตรงหน้าฉัน...ฉัน นั่งเขียนหนังสือบนโต๊ะไม้อันกว้างไพศาลของ "อ้ายจรัล" และ "อันยา" ...ดอกไม้อักษราเริงระบำร่ายฟ้อนรินหลั่งไหลเรียงราย เบ่งบานสะพรั่งบนหน้ากระดาษอย่างเริงรมณ์....


"อย่ากลับคืนคำเมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป
ให้เธอหมายมั่นคงแล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครกางกั้น
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง กระจ่างครรลอง ให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบาน ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น คือรางวัลแด่ความฝันนั้นยิ่งใหญ่ ให้เธอ
บนทางเดินที่มีขวากหนาม ถ้าเธอคร้ามถอยไป ฉันคงเก้อ
ฉันยังพร้อมช่วยเธอเสมอ เพียงตัวเธอไม่หนีไปเสียก่อน
จะปลอบดวงใจให้เธอหายร้าวราน จะเป็นสะพานให้เธอเดินไปแน่นอน
จะเป็นสายน้ำเย็นดับกระหายยามโหยอ่อน คอยอวยพรให้เธอสมหวังได้...นิรันดร์"



 "อันยา ... The Wolf ... ป้าหมู" กำลังนั่งเขียนหนังสือ ณ "บ้านดวงดอกไม้"
(จากนิตยสาร HOME BUYER GUIDE CHIANGMAI  ปีที่ 1 ฉบับ 6 ..48)


พลัน โสต ฉัน แว่วยินเสียงเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" มาจากบนบ้านดวงดอกไม้...และแล้วเสียงเพลง...อุ้ยคำ,         หม่ะเมี๊ยะ, ลุงต๋าคำ, ปี้สาวครับ, สาวมอเตอร์ไซค์, ของกิ๋นบ้านเฮา, อ้ายคนจน ฯลฯ ก็ดังพริ้งเพราะก้องกังวานมาพร้อมกับเสียง กีตาร์ ซอซึง...พริ้มพลิ้วบรรเลงหวานฉ่ำชื่นใจนัก...โดยออร์โตเมติกแห่งอารมณ์ในขณะนั้น ฉัน เปล่งเสียงโซปราโน่ ขับร้องแซ่ซ้องผสาน...




---โ อ้ ย า ม เ ช้ า อั น แ สน ง า ม
---ย า ม เ ช้ า อั น แ ส น ง า ม

อรุณรุ่งปลายเหมันตฤดู, 4 มกราคม 2550
"บ้านดวงดอกไม้" ล้านนาอิสระ, ลำพูน