Skip to main content

ไปเมืองเชียงใหม่ในฐานะเป็นลูกหลาน

คอลัมน์/ชุมชน

เริ่มแรกที่ผมเตรียมเดินทางสู่ประเทศไทย เมื่อวันที่ 31 เดือนมิถุนา พ..2549 ครานั้น เพื่อนๆ หลายคนบอกผมว่า "ระวังหน่อย เดี๋ยวไปเจอไอ้พวกโจรปล้นเข้ามันอันตราย เพราะในประเทศไทยฆ่ากันทุกวันไม่ใช่หรือ"


ผมยี้ม แล้วกลับตอบไปว่า "คงไม่ละมั้ง ทว่ามีแต่คนปล้นกันไม่เว้นอย่างนั้นเขาคงตายกันหมดทั้งบ้าน" ผมและเพื่อนๆ สนทนากันเสียนานกว่าจะลงเอยอะไรบางอย่างในตอนท้าย เผื่อให้ผมได้เรียนรู้ก่อนที่จะเดินทางสู่เมืองเชียงใหม่ตามกำนดการที่คาดไว้


ก่อนที่จะเดินทาง ผมต้องใช้เวลาอ่านประวัติศาสตร์ความรู้เกี่ยวกับเมืองเชียงใหม่ว่ามีอะไรบ้างที่ผมควรเรียนรู้เมื่อเวลาไปถึง และในที่สุด ผมก็อ่านเจอประวัติของพระเจ้าไชยเสถวังโส หรื พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเจ้า ว่า ดั้งเดิมพระองค์เคยเป็นพระเจ้าครองแผ่นดินเมืองเชียงใหม่ดั่งที่ผมเคยเขียนลงในประชาไทมาก่อนแล้ว. ผมยิ้มให้กับตัวเอง เอ่...เราคนลาวล้วนเป็นลูกหลานของท่าน...ครานี้ล่ะเราจะได้ไปเห็นเชียงใหม่ให้เต็มตาในฐานะเป็นลูกหลานของพระองค์



แรกๆ ที่เห็นเมืองเชียงใหม่ ทำให้ผมแปลกใจมากไม่น้อย เพราะได้ฟังบ่อยๆ ว่าคนไทยชอบฆ่ากันไม่เว้นแต่ละวัน แต่ที่เชียงใหม่เป็นเวลา 3 เดือนที่ดำรงอยู่ที่นั่น ผมไม่เห็นมีการฆ่าฟันกันเลย แถมคนที่เชียงใหม่มีไมตรีที่ดีมากสำหรับผม


คำพูด "เจ้า ๆ" ก็เหมือนภาษาลาว ในภาษาลาวคำว่า "เจ้า" เป็นคำลงท้าย ในภาษาคนเชียงใหม่ก็เหมือนกัน ที่พูดกันในที่นี้ มีคนไทยและลาวเป็นจำนวนมากไม่รู้เรื่องราวเหล่านี้เลย ผมก็เลยนึกว่า เอ่...ทำไมเราไม่ทำความเข้าใจกันล่ะ โดยผ่านเรื่องราวต่างๆ พอให้รู้ที่มาที่ไป แต่การนำเสนอในที่นี้ไม่ไช่ว่าหาเรื่องราวให้คนเจ็บปวดหัวใจ แต่ให้รู้แล้วมีความเข้าใจกันมากขึ้น มีความรักใคร่ปรองดองมากขื้น


ที่เชียงใหม่ มีหลายที่ที่เราสามารถไปเที่ยวไม่ว่าจะเพื่อเรียนรู้หรือเพื่อความสนุก เช่น ดอยสุเทพเป็นสถานที่สักระบูชาและที่อิ่นๆ การเรียนรู้จากกันและกันนั้น นอกจากการเรียนรู้ทางประวัติศาตร์แล้วยังไม่พอ ต้องเรียนรู้จากการกระทำของคนในที่นั้นด้วย



สามเดือนที่เชียงใหม่ของผม เป็นสามเดือนแห่งการเรียนรู้เสียมากกว่า ความกลัว ในเรื่องนี้หากเป็นคนเชียงใหม่ได้เรียนรู้หรือเปล่าล่ะ หรือไม่มีเวลาให้กับการเรียนรู้ในสิ่งนี้ นี้เป็นคำถามที่มักปรากฎในสมองของผมบ่อยมาก


สามเดือนที่เชียงใหม่ ผมไม่เคยเห็นปรากฎว่ามีขโมย Motorcycle ที่จอดนอกบ้านทั้งวัน ไม่เคยเห็นหรือได้ยินว่าหาย พอกลับมาก็เห็นอยู่ที่เดิม ผมมีโอกาสได้ถามคนขับแท็กซี่เกียวกับเรื่องนี้ เขาก็บอกผมว่า "ที่นี่ตำรวจเก่งมาก ทว่าขโมยไปแล้วไม่นานก็โดนตำรวจจับได้และถูกทำโทษจริงๆ เพราะฉะนั้น การขโมยจึงไม่เกิดบ่อยนัก หรือเกือบว่าไม่มี"



แรกๆ คำตอบเหล่านี้ ผมก็ไม่อยากเชื่อน่ะ แต่ว่าผ่านกาลเวลาสามเดือนที่เชียง ใหม่ของผม ทำให้ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไรบ้าง ในจุดนี้ก่อเกิดคำถามขึ้นกับผมว่า ทำไมคนไทยและลาวไม่เรียนรู้สิ่งที่ดีจากกันและกันบ้างล่ะ? เพราะผมคิดว่า การเรียนรู้จากกันและกันนั้นไม่ไช่แสดงออกว่า ใครเก่งกว่าใคร ใครด้อยกว่าใคร แต่เป็นการแลกเปลี่ยนทัศนะมากกว่า


ทำไมล่ะ ดวงเดือนที่เปล่งแสงเรืองรอง เราๆ ไม่ว่าคนลาวหรือคนไทย ใครๆ ก็พูดว่าสวยงามกันทั้งนั้น


พอถึงคราฟ้าครึ้ม ฟ้าคะนองบังบด หัวใจต่างก็รู้สึกเหมือนกัน คนเมืองเชียงใหม่กินข้าวเหนียวเหมือนคนลาว แต่ไม่ว่ากัน ใครจะกินข้าวเหนียว ข้าวจ้าว แต่หัวใจที่รักใคร่ปรองดองกันนั้นสำคัญยิ่งนัก ทำได้มั้ยล่ะ? ทำไมเราๆ จะทำกันไม่ได้เรื่องแค่นี้


ครั้งต่อไปผมจะบอกให้ฟังว่า หัวใจผมหล่นอยู่ที่ใด สาวๆ เชียงใหม่จะหาเจอมั้ยเนี่ย ผมฝันไว้ว่าวันใดวันหนิ่ง สาวๆ เชียงใหม่คงเจอหัวใจของผมที่หล่นหายไม่ยอมกลับกับตัวตน ปล่อยให้อ้างว้างเหมือนคนใกล้สิ้นใจ


หรือ สาวๆ เชียงใหม่จะยอมปล่อยให้ลูกหลานของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเจ้าด้วยกันนั้นสิ้นใจตายอย่างไม่ไยดีเลยเหรอ.