สาระจากการ chat ที่ไม่ได้ทำมาเป็นชาติ
คอลัมน์/ชุมชน
บังเอิญเราเจอกันใน MSN
Gang says:
hi
ดีดี says:
หวัดดีพี่ ได้ดูเปเปอร์ผมมั่งยัง
Gang says:
กำลังดูอยู่ เดี๋ยวจะ feed back นะ เพราะค่อนข้างยาก คือไม่ค่อยคุ้นเรื่องภาษาอ่ะ
Gang says:
เขียนไรมาฟะ ยาวววโครต
ดีดี says:
ผมว่าต้องปรับเยอะเพราะตอนเขียนรีบ แต่พยายามใส่ไอเดีย ที่คิดว่าเจ๋งๆลงไปอ่ะ สำคัญนะพี่ ผมว่า ไอ้ Patriarchy (สังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่) เนี่ยมันเป็นโคตรเหง้าศักราชของความอยุติธรรมในสังคมเลยนะ
ดีดี says:
มันเป็นต้นตอของความรุนแรงระดับบุคคลถึงระดับโลก
Gang says:
แน่นอน และซับซ้อนด้วย
ดีดี says:
ผมยก case ความขัดแย้งในภาคใต้ให้เห็นว่ามันมีผลมาจากไอ้ตัวนี้อ่ะ
ดีดี says:
แต่ตอนเรียนมันส์มาก
Gang says:
ตอนไหนที่มันส์
ดีดี says:
เถียงครับ เพราะที่นี้เน้นเถียงเป็นหลัก
ดีดี says:
ครูกับนักเรียนเหมือนเพื่อนมาก
ดีดี says:
คือเราต้องอ่านทุกวันแล้วในคลาสจะไม่ค่อยเลคเชอร์เท่าไหร่แต่จะแลกเปลี่ยนความเห็น
Gang says:
อืม ก็คงต้องเป็นแบบนั้น
ดีดี says:
ตอนเช้าเค้าจะให้เรานั่งสะท้อนเป็นคู่ว่าอ่านแล้วได้อะไร แล้วมันน่าตื่นเต้นมากเพราะว่าแต่ละคนอ่านเรื่องเดียวกันแต่พอเล่านี่คนละเรื่องกันเลย เสร็จปุ๊บก็จะมีคำถามให้ห้าข้อ ข้อละยาวๆ แบ่งกลุ่มละสี่ ในการช่วยวิเคราะห์ตอบ
ดีดี says:
แล้วเสร็จปุ๊บก็จะแลกเปลี่ยนในกลุ่มใหญ่ แล้วก็มีการแบ่งกลุ่มย่อยให้ตั้งคำถามท้าทายสมมุติฐานของผู้เขียน ทุกกระบวนการเถียงกันแหลก
Gang says:
แล้วคิดว่าจะทำวิทยานิพนธ์ เรื่องอะไร
ดีดี says:
กำลังคิดอยู่ผมอยากเน้นเรื่องจิตวิญญาณอ่ะ
Gang says:
ประมาณว่าจิตวิญญานแบบรายการเขย่าขวัญวันพุธอ่ะเหรอ
Gang says:
อุอุ ล้อเล่น
ดีดี says:
ทำไงให้คุณค่าที่ดีงามของศาสนาเช่น ความเมตตาให้อภัย เอามาใช้ได้จริงในความขัดแย้ง เพราะเป็นปัญหาของนักสันติที่เก่งทฤษฏี แต่หลายครั้งไม่สามารถเอามาใช้ในระดับตัวเองได้ แล้วจะยกเคสมาลองดูว่าจะใช้ได้จริงมั้ย และแบบไหน
Gang says:
คิดว่าจะมาทำที่เมืองไทยรึป่าว
ดีดี says:
ยังไม่รุ้อ่ะ อยากไปแถวลาตินเมกา เพราะตอนทำปริญญาเอกเค้าให้เขียนเป็นภาษาสเปนด้วย
Gang says:
เคสนี้ต้องแก้ที่ระดับวิธีคิดเลยนะ
ดีดี says:
ใช่ แต่ว่าเราคุยกันมากว่าการศึกษามันไม่ใช่ทางออกทางเดียวที่ทันท่วงที มันต้องอาศัยปัจจัยอื่นๆอีกมากในการแก้ปัญหาเพราะเราจะมานั่งรอแก้ที่การศึกษาไม่ได้
Gang says:
แล้วอะไรคือทางออกอีกอ่ะ
ดีดี says:
ก็ยังไม่รุ้หรอก แต่เราคุยกันมาก เราปฏิเสธความรุนแรง เพราะความรุนแรงมันไม่มีผล
Gang says:
ใช่ ความรุนแรงในทุกมิติ
ดีดี says:
แต่ทำอย่างไรให้เกิดระบบที่สามารถควบคุมคนไม่ดีในการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองให้ได้ เป็นระบบที่เน้นการมีส่วนร่วมที่ประชาชนเป็นคนควบคุมรัฐให้ตอบสนองความต้องการของตน
ดีดี says:
อย่างในยุโรปเนี่ย เป็นระบบเชิงนี้ แต่ก็ยังไม่เพอเฟค
Gang says:
มีนักคิดหัวก้าวหน้าของเมืองไทยหลายคนหาทางออกด้วยวิธีนี้ แต่มันยังไม่ไปกระเทือนระบบเท่าไหร่
ดีดี says:
ต้องใช้เวลามาก อย่างยุโรปที่เค้าทำได้เพราะเค้าผ่านประสบการณ์การสูญเสียที่รุนแรงกว่าเรามาก แทบทุกครัวเรือนทุกชีวิตได้รับผลกระทบจากสงครามทั้งหมด
Gang says:
ประสบการณ์เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ปัจจัยอีกอันก็ที่ระบบวิธีคิดบางอย่าง ที่แกว่าเป็นรากเหง้านั่นแหละ
ดีดี says:
มันไม่ใช่การต่อสู้ของกลุ่มปัญญาชนในเมืองเหมือนเรา แต่มันเป็นการต่อสู้ที่ตระหนักถึงการที่ผู้นำไม่กี่คนเอาชีวิตคนทั้งทวีปไปทำให้ไม่ยินยอมต่อการให้อำนาจเชิงเอาเปรียบอีกต่อไปและเรียกร้องให้ยุติสงครามเน้นการพัฒนาแนวคิดและสังคมให้เป็นสังคมแห่งความรู้ ทำให้เกิด สัญญาร่วมระหว่างผู้ปกครองและผู้ให้สิทธิในการปกครอ' ดังนั้น เค้าจึงไม่เน้นมากในการทำสงครามและหันมาเน้นการพัฒนาตอนนี้เราแทบมองไมเห็นโอกาสที่ยุโรปจะมารบกัน
ดีดี says:
คุณสมบัติที่จะเข้ามาเป็นอียู(สหภาพยุโรป)ได้ต้องไม่มีความขัดแย้งอันรุนแรง ไม่มีการเลือกปฏิบัติทำให้หลายประเทศพยายามเติมเต็มข้อเรียกร้องเหล่านี้ และในอียูมีกฎหมายที่เหนือกว่าประเทศซึ่งประชาชนสามารถเรียกร้องผ่านช่องนี้ได้นี่แหละคือหนทางที่ประชาชนเป็นคนคุมรัฐของตน ดังนั้นไอ้ระบบต่างๆมันไม่ใช่ของขวัญแต่เป็นการต่อสู้ของประชาชน ถึงแม้มันไม่เพอเฟคแต่มันได้ถูกเขียนเป็นธรรมนูญ และเรายังต้องทำงานเชิงความคิดต่อในการพัฒนาระบบนี้ให้เติมเต็มเจตนารมณ์ของวีรชนที่ได้วางรากฐานเอาไว้
Gang says:
ภูมิภาคของเรายังอีกไกลมาก ส่วนใหญ่คิดในเรื่องปากท้อง และการอยู่ให้รอดก่อน และก็ยังมีความรุนแรงในระดับ ต่างๆ คุกรุ่นอยู่ทุกหย่อมหญ้า แม้ว่าจะไม่ออกมาในรูปแบบของสงคราม ทีนี้ เราจะทำยังไงกันดีให้มันสั่นสะเทือนเรื่องสังคมอุดมปัญญา ในระดับภูมิภาคของเรา
ดีดี says:
เช่นในยุโรปมีแรงงานอพยพมาจากอัฟริกาและยุโรปตะวันออกซึ่งได้รับการดูถูกเอาเปรียบและไม่ได้สวัสดิการใดๆ เท่านั้นไม่พอรัฐบาลของประเทศเหล่านี้เช่นสถานทูตก็ไม่ได้ดูดำดูดี ทั้งๆที่ถ้าไม่มีแรงงานอพยพเศรษฐกิจยุโรปจะล่มสลายเพราะชนชั้นแรงงานไม่ใช่คนในประเทศอีกต่อไป
ทำให้เกิดปัญหามากมายโดยคนอพยพเหล่านี้เช่น การฆ่าชิงทรัพย์ การรวมกันเป็นแก็งค์ เป็นต้น
ทีนี่คนเหล่านี้ที่อพยพมาไม่ใช่คนที่ไร้การศึกษาแต่เป็นแรงงานที่เป็นปัญญาชน เป็นหมอ จึงได้ตระหนักว่าจำเป็นมากที่จะต้องดูแลคนของเค้าในประเทศที่เค้าอยู่ ตรงนี้แหละเป็นตัวเปลี่ยนความเข้าใจว่ารัฐชาติไม่ใช่เป็นสังคมที่เหมือนกันหมดทางชาติพันธ์ศาสนาและวัฒนธรรมอีกต่อไป
Gang says:
อืม เป็นก้อนความเชื่ออันใหม่ที่ต้องเอามาคุยต่อเลยนะ
ดีดี says:
มันทำให้ตรงกับความเป็นจริงมากขึ้นที่รัฐชาติอันเกิดขึ้นเมื่อสองร้อยปีกว่าๆเป็นสังคมเทียมสร้างโดยมนุษย์อยู่ได้โดยอัตลักษณ์ตามจินตนาการของชนชั้นปกครองให้ประชาชนยอมรับแบบบีบบังคับ รัฐชาติในความเป็นจริงต้องเป็นที่ที่ให้ความเสมอภาคและรัฐต้องดูแลทุกชีวิตที่เข้ามาอาศัยอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเข้ามาช้าหรือเร็วหรือเป็นคนชาติอะไร ดังนั้น กลุ่มคนเหล่านี้จึงผลักดันให้เกิดพรรคการเมืองของตนในประเทศต่างๆในยุโรป ดังนั้นสเปนไม่ใช่ประเทศที่คนสเปนจะกำหนดนโยบายของตนต่อไปแต่เป็นคนโรมาเนีย เป็นคนมอรอคโคที่สร้างคุณูปการต่างๆให้กับคนสเปนทั้งประเทศ
Gang says:
เพราะความเชื่ออันนี้พี่ว่าจะทำให้คลี่คลาย ความเป็นตัวกู ของกูลงไปได้มาก
ดีดี says:
ใช่ แล้วการที่คนมีสวัสดิภาพ ได้รับการยอมรับ มีความมั่นมีการตอบสนองต่อความต้องการพื้นฐานและศักดิศรีแห่งความเป็นมนุษย์เค้าจะสามารถเป็นสมาชิกที่ดีและเป็นประโยชน์อย่างมากในการสร้างสรรค์ประเทศ
ความมั่นคงของประเทศขึ้นอยู่กับความมั่นคงของมนุษย์ทุกชีวิต แต่ปัญหาคือเราถูกสอนให้กลัวสิ่งที่ต่างๆ มองคนอื่นๆที่มาจากอัตลักษณ์อื่นเป็นศัตรูเป็นคนอื่น แต่แท้จริงอัตลักษณ์นั้นถูกสร้งขึ้นโดยมนุษย์โดยมีนัยเพื่อการควบคุมและรักษาอำนาจให้คนไม่กล้าตั้งคำถามและคิดว่าเป็นจริง เปลี่ยนแปลงและท้าทายไม่ได้
แล้วเนี่ยมันมาจากไอ้ Patriarchy ที่เริ่มแบ่งคนให้คุณค่าแตกต่างกันโดยเริ่มจากเพศและพัฒนามาเป็นความแตกต่างอื่นๆ แล้วก็สร้างมาตรฐานให้สังคมว่าต้องเติมเต็มให้ได้ถ้าเติมเต็มไม่ได้ก็จะถูกตราหน้าถูกลงโทษโดยสังคม
ดีดี says:
อันนี้แหละคือ homophobia ตัวจริง
ดีดี says:
ถ้าแปลตามภาษาแปลว่าการกลัวมนุษย์ด้วยกันเอง
ดีดี says:
เช่น เรื่องเกย์หรือเลสเบี้ยนเนี่ยนะ จริงๆมันเป็นเรื่องธรรมชาติและมีมานานแต่คนไปตั้งคุณค่าว่ามันผิด คนทั่วไปเลยมองว่าแปลก ถ้าผู้ชายคนหนึ่งไปนั่งใกล้ผู้หญิงจะไม่นึกว่าตัวเองจะถูกผู้หญิงข่มขืน แต่ถ้านั่งใกล้กับผู้ชายด้วยกันแล้วไปรู้ว่าเค้าเป็นเกย์ไอ้ความคิดแปลกๆแบบนี้มันจะเกิดขึ้นทันที ถามว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร
ดีดี says:
จริงหรือที่กลัวโดนข่มขืน หรือกลัวว่าถ้าเข้าไปคุยไปยุ่งเกี่ยวแล้วอาจถูกสังคมมองว่าเป็นไปด้วย อันนี้เป็นความกลัว เหมือนกับการใช้ความรุนแรงต่างๆเช่นในภาวะสงครามเรามีการข่มขืนหมู่ให้เห็นมาก ถามว่าคนที่ข่มขืนทั้งหมดเนี่ยอยากรุมโทรมผู้หญิงที่เป็นเหยื่อมั้ย
ดีดี says:
คำตอบคือไม่ แต่เค้าต้องทำเพราะเค้ามองว่ามันเป็นการแสดงอำนาจเหนือให้อีกฝ่าย จริงๆมันมีไดเลมม่า คือ ผู้หญิง ตามสถานภาพต้องได้รับการดูแลจากผู้ชายแต่พอมาเป็นความขัดแย้งระหว่างกลุ่มเราสร้างระบบการลดคุณค่าการเป็นมนุษย์ให้อีกฝ่ายเพื่อที่เราจะได้ขึ้นในการฆ่าเพราะเมื่อเค้าไม่ใช่มนุษย์จิตเมตตาเราจะลดลง
Gang says:
เป็นสิ่งที่มีการอุปโลกน์ ขึ้นทั้งสิ้น เพราะถ้าไม่รู้เท่าทันนะก็จะพลอยฟ้าพลอยฝน ติดไปกับความคิดความเชื่อเหล่านั้นได้โดยง่าย
ดีดี says:
ทหารเหล่านั้นจึงกล้าก้าวข้ามความเป็นชายตามหน้าที่แล้วข่มขืนเพื่อถ่ายทอดความเจ็บปวดและการดูหมิ่นผ่านผู้หญิงไปยังเผ่าพันธุ์และกลุ่มของเธอ แล้วบางคนไม่อยากข่มขืนแต่ต้องข่มขืนเพราะถูกสอนถูกคาดหวังให้เติมเต็มความเป็นชาย โดยเฉพาะชายชาติทหาร
ดีดี says:
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้ที่เป็นคนกระทำ ความเป็นชายนั้นก็ทรมานผู้ชายอยู่มาก ดังนั้นหญิงและชายเป็นเหยื่อพอๆกันในระบบ Patriarchy และเป็นตัวยันในระบบนี้ให้อยู่ต่อ โดยเฉพาะการเน้นย้ำว่าชายต้องมีอำนาจและเน้นย้ำว่าหญิงนั้นไร้อำนาจและสิทธิตามที่เธอพึงมี แต่มันฝังลึกไง มันถูกสอนว่าธรรมดาไม่ผิด เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ท้าทายไม่ได้
Gang says:
ลึกมาก แล้วคุยกันป่าวว่าจะทำไงกับอะไรได้บ้าง
ดีดี says:
การทำงานเชิงความคิดจริงแต่ระบบต่างๆที่เข้ามาควบคุมโดยเน้นการให้ประชาชนตระหนักเองแล้วค่อยเปลี่ยนแปลงควบคู่ไปกับการลดพฤติกรรมเชิงลบเหล่านี้เนี่ยต้องเร่งทำ
ดีดี says:
การทำงานเชิงความคิดสำคัญจริง การรณรงค์การให้ความรู้สำคัญ และคิดว่าทำไงให้ระบบโดยเฉพาะรัฐนั้นอ่อนแอเนี่ยจำเป็น
Gang says:
หมายความว่า.....
ดีดี says:
เพราะถ้ารัฐเข้มแข็งคนจะไม่พึ่งตัวเองพึ่งรัฐ คือปัดความรับผิดชอบคิดว่ารัฐเป็นตัวที่ต้องตอบสนองทุกอย่าง
ดีดี says:
แต่ถ้ารัฐอ่อนแอประชาชนก็จะสามารถดูแลตัวเองพยายามแก้ไขปัญหาที่เจอจะค่อยๆตระหนักและมันจะเป็นการเมืองจากล่างขึ้นบนจริง
ดีดี says:
อย่างในยุโรปอ่ะ ที่เป็นงี้ได้เพราะรัฐอ่อนแอ คนไม่ยอม คนจะเรียนรู้เอง
Gang says:
ทฤษฎีนี้ใช้กับเมืองไทยได้ป่าวอ่ะ ไม่แน่ใจ เพราะกับรัฐไทย ไม่รู้ว่าอ่อนแอ หรือแข็งแรง
ดีดี says:
แข็งแรงดิ
ดีดี says:
ผมว่านะต้องรอให้คนมันถึงขีดสุดก่อนน่ะ
Gang says:
คิดว่าแข็งแรงใช่ป๊ะ
ดีดี says:
มันจะลุกมาเอง
ดีดี says:
แข็งเพราะใช้อำนาจคุมไง
ดีดี says:
รัฐทหาร ทักษินเองก็แข็ง แข็งคนละแบบ
ดีดี says:
คือใช้ระบบควบคุมคนผ่านนโยบาย ลดทอนศักยภาพ
Gang says:
ใช่และทุกคนดูเหมือนจะศิโรราบกับอำนาจนั้นโดยไม่มีข้อกังขาใดๆ
ดีดี says:
จะให้อ่อนนี้ต้องรอให้รัฐอ่อนเข้ามาหรือให้คนทำให้อ่อน
ดีดี says:
เพราะถูกสอนถูกปลง แต่ประชาชนเนี่ยอยู่รอดมาได้ตลอดเข้มแข็งมีศักยภาพทำไงจะดึงตรงนี้มาได้
Gang says:
มันก็ย้อนกับมาความคิดความเชื่อเหมือนกับที่คุยตอนแรก
ดีดี says:
เราคุยกันเยอะแล้วพยายามเริ่มจากตัวเรานะ
ดีดี says:
ในคลาสผมจะห้ามเรียกอาจารย์ว่า prof
Gang says:
เหรอ เรียกว่าอะไรอ่ะ
ดีดี says:
ให้เรียกชื่อแล้วปฏิบัติเหมือนเค้าเป็นเพื่อน พอพักเบรคก็มีแดนซ์กัน ตอนเย็นทำอาหารไปเที่ยวเสาร์อาทิตย์ คุยกันทุกเรื่อง เล่นต่อยก่อนบ่อยๆ ทำกิจกรรมด้วยกัน
ดีดี says:
ครูผมมาจากหลายที่แต่เน้นตรงนี้มาก ต้องทลายโครงสร้างภายในโรงเรียนให้ได้ก่อนเพราะครูชอบใช้อำนาจเหนือให้เด็กกลัว เด็กเลยไม่กล้าใช้ศักยภาพของตน
Gang says:
เห็นด้วย
ดีดี says:
ครูผมทุกคนบอกว่าถ้าเค้าจะได้รับการยอมรับและเคารพต้องเป็นเพราะเค้าคือเค้าไม่ใช่เพราะโครงสร้างให้เค้าเพราะมันป็นการส่งเสริมความรุนแรงโดยไม่รู้ตัวบนความปราถนาดี
Gang says:
เค้าคิดได้อย่างงี้ หรือ ว่าพวกเอกเรียกร้อง
ดีดี says:
ป่าวเค้าสอน
Gang says:
อืมดี
ดีดี says:
เค้าสอนงี้ทำให้เรากล้าเถียงกล้าเล่น กล้าที่จะเคารพในศักดิศรีของความเป็นมนุษย์ของกันและกันอย่างแท้จริง
Gang says:
ถ้าพี่ได้เรียน พี่จะทำให้มันมีโครงสร้างแบบนี้
ดีดี says:
จริงๆนะ แล้วเรามีระบบ Evaluate (<