Skip to main content

โลกใบเล็กของคุณแม่ชี โลกแห่งธรรมะและธรรมชาติ

คอลัมน์/ชุมชน

ภาวะโลกร้อนปีนี้ปรากฏชัดขึ้น องค์การสหประชาชาติและสถาบันสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้แถลงการณ์เตือนชาวโลกทุกคนว่า สภาพอากาศจะแปรปรวนอย่างสุดขั้ว ร้อนมาก หนาวมาก ฝนมาก น้ำท่วม แห้งแล้ง เกิดพายุ แผ่นดินไหว ฯลฯ


ทางแก้คือมนุษย์ต้องปรับความคิด ปรับพฤติกรรม อยู่อย่างเป็นมิตรกับธรรมชาติ ใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างประหยัดรู้คุณค่า ช่วยกันลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนทุกวิถีทาง ทั้งระดับบุคคล ระดับชาติ และระดับโลก


ต้นไม้ทั้งหลายคือปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้โลกเย็นลง แม้แต่พืชต้นเล็ก ต้นน้อย ต้นจิ๋ว ที่ช่วยปกคลุมแม่ธรณี ก็ช่วยให้ผืนดินเย็นชุ่มชื้น


บ้านในชนบท ชุมชนในชนบท มักอยู่กับธรรมชาติอย่างรู้จัก เข้าใจ เคารพ และกตัญญูต่อธรรมชาติ ได้อาศัยธรรมชาติหล่อเลี้ยงใจ และกาย จึงรักษาธรรมชาติไว้อย่างดี เพื่อประโยชน์ของลูกหลานในอนาคต


สงกรานต์ปีนี้รัฐบาลมีมติให้ชาวไทยได้หยุดยาวถึง ๕ วัน ดิฉันจึงได้ใช้โอกาสขอความเมตตาจากคุณแม่ชีสัมฤทธิ์ ตรีสันเทียะ เข้าปฏิบัติธรรมกับท่านอีกครั้ง ในช่วงวันที่ ๑๒ – ๑๙ เมษายน ต่อจากครั้งก่อนซึ่งปฏิบัติช่วงมาฆบูชา วันที่ ๑ – ๗ มีนาคม ๒๕๕๐


ครั้งนี้คุณแม่ชีสัมฤทธิ์ ได้จัดให้ดิฉันกับลูกสาวปฏิบัติที่บ้านของ "น้องบอล" (ซึ่งเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่ใฝ่ใจปฏิบัติธรรมกับแม่ชีสัมทธิ์ มีจิตศรัทธาให้ใช้บ้านเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมมาหลายปีแล้ว) เพราะในเขตวิปัสสนาสถาน กุฏิมีสามเณรและฆราวาสมาปฏิบัติเต็มแล้ว


บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ หลังบ้านเป็นที่ว่างราว ๑๘๐ ตารางวา คุณแม่ชีสัมฤทธิ์ได้ปลูกต้นสะเดา ขี้เหล็ก กระถิน มะม่วง และกล้วยเอาไว้ เพื่อให้เป็นสวนที่ร่มเย็น โดยไม่ต้องดูแลเอาใจใส่มาก เพราะเป็นพืชท้องถิ่นที่แข็งแรงทนทาน



คุณแม่ชีสัมฤทธิ์ทำแนวกันไฟรอบวิปัสสนาสถานตลอดทุกฤดู เพราะไฟอาจเกิดได้ มิใช่แค่ฤดูร้อนที่อากาศแห้งแล้ง


ปีนี้มีชาวดอยที่ศรัทธาท่านลงมาช่วยดูแลสวน ท่านจึงให้ตัดต้นสะเดา ขี้เหล็ก กระถิน ให้อยู่ระดับเอว เพื่อให้แตกกิ่งแตกยอดใหม่ ต้นกล้วยทั้งหลายที่เป็นกอเก่าก็ตัดทิ้ง



เพียงไม่ถึงเดือน หน่อกล้วยก็เติบโตขึ้นมาแทนต้นแม่ที่ถูกตัดไป หน่ออ่อนของกล้วยมีสีเขียวอ่อนอมชมพู คลี่ใบสีตองอ่อนสดใส ยามลมพัดมาต้นกล้วยดูร่าเริง ท่ามกลางแสงแดดจัดจ้า


ลูกสาวกับดิฉันต่างคนต่างปฏิบัติ ตั้งแต่ตื่นนอนจนถึงเข้านอนได้ทำหน้าที่ คือ เจริญสติตามรู้อาการของกายและจิต ตามรู้สภาวะที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรเปลี่ยน ดับไป ฝึกจิตให้รู้เท่าทันกิเลส เพื่อความละจากกิเลสทั้งปวงอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่บังคับ ไม่ฝืน


เมื่อจิตอยู่กับความสงบ ความเงียบ การสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็รู้สึกได้เด่นชัด เพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน มีญาติมาเยี่ยมยามสงกรานต์ พากันส่งเสียงสนทนา เสียงเพลงจากเครื่องขยายเสียง เสียงทำอาหาร กลิ่นอาหารได้รับสัมผัสชัดเจน บางครั้งจิตรู้สึกหงุดหงิด ขุ่นมัว กับเสียงดังสนั่นที่กระทบหู บางครั้งจิตพอใจ ชื่นใจกับเสียงหัวเราะ เสียงหัดพูดของเด็กน้อย


บางครั้งจิตก็ขบขันกับการความชุลมุนวุ่นวายของเสียงที่กระทบหู จิตคิดฟุ้งซ่านออกไปว่าอยากให้คนไทยได้ฝึกฝนสำรวมกาย วาจา ใจ มีอินทรีย์สังวรศีลที่หมดจด งดงามมากขึ้น



ยามที่เดินจงกรม เมื่อสายตากระทบต้นกล้วยอ่อน ยอดสะเดา ยอดกระถิน ยอดขี้เหล็ก จิตฟุ้งออกไป คิดถึงคนสมัยใหม่ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นความงามของธรรมชาติอย่างนี้ นึกสงสารคนในเมืองที่ไม่สัมผัสธรรมชาติ ไม่ได้กินอาหารที่ธรรมชาติมอบให้ตามฤดูกาลต่าง ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดปี


ยามเช้าเมื่อเดินจงกรม นั่งสมาธิแล้ว บางวันเมื่อเห็นดวงอาทิตย์ทอแสงทางทิศตะวันออก ดิฉันก็กำหนดต้นจิต เปิดประตูเดินออกไปในสวนน้อย ขออนุญาตรุกขเทวา ขอเก็บยอดสะเดา ยอดกระถินมากินกับข้าว เพื่อให้ร่างกายได้รับธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์จากธรรมชาติ


คนยุควัตถุนิยมขาดความสัมพันธ์ในมิติทางจิตวิญญาณกับธรรมชาติ คิดเพียงศักยภาพในการบริโภคของตน จึงมุ่งหาเงิน หาลาภ ยศ สรรเสริญ เป็นเป้าหมายชีวิตระดับบุคคล ในระดับชาติ ก็มุ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจ ความเจริญทางเทคโนโลยีและความสะดวกสบายของชีวิตเป็นหลัก ธรรมชาติและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันถูกมองเพียงปัจจัยการผลิตที่ต้องมีกำไรสูงสุดทางเศรษฐกิจ



การทำลายธรรมชาติและการค้ามนุษย์จึงเกิดขึ้นอย่างมากมายทั่วโลกจนต้องเร่งเยียวยาแก้ไขก่อนที่ธรรมชาติจะปรับตัวคืนสู่สมดุล โดยธรรมชาติจะทำลายมนุษย์ที่คิดผิด อยู่อย่างเป็นทาสกิเลสให้เหลือจำนวนลดน้อยลง เหลือแต่มนุษย์ที่อยู่อย่างมีหลักธรรม มีสติ มีปัญญา มีเมตตากรุณา ที่จะรักษาโลกให้รอดได้


คุณแม่ชีสัมฤทธิ์ท่านรู้จริตของศิษย์แต่ละคน ท่านรู้ว่าดิฉันรักธรรมชาติ รักอาหารพื้นบ้าน ท่านจึงให้กำลังใจว่าวันสุดท้ายก่อนลากรรมฐาน ท่านจะพาไปชมสวนในวิปัสสนาสถาน ซึ่งต้นไม้ต่าง ๆ เจริญงอกงามมากกว่าเดือนที่แล้วที่ดิฉันมาปฏิบัติธรรม



ใบยอ ใบชะพลู มะเขือพวง ใบบัวบก ใบกะเพรา ใบสมุนไพรต่าง ๆ ท่านเมตตาเก็บใส่ห่อใบตองมาให้ดิฉันได้รับประทานทุกวัน เป็นความสุขทางใจอย่างยิ่ง ทำให้ร่างกายได้ขับสารพิษด้วยอาหารธรรมชาติที่บริสุทธิ์เหล่านี้


ดอกพิกุล ไม้ราคาแพง ห่อด้วยใบไม้เป็นกรวยเล็ก ๆ คุณแม่ชีสัมฤทธิ์กรุณานำมาให้ เมื่อสายตาได้มองเห็น จิตรู้สึกปิติยิ่งกว่าได้ช่อดอกที่จัดแต่งอย่างสมัยใหม่ เมื่อจมูกกระทบกลิ่นยามนั่งสมาธิ สูดลมหายใจเข้าตอนท้องพอง กลิ่นหอมของพิกุลชโลมใจให้สดชื่น เบิกบาน ดั่งดอกไม้ที่เหล่าเทพเทวดาประทานมา ทำให้จิตมีพลังที่จะต่อสู้กับกิเลสต่อไป


วันสุดท้ายของการปฏิบัติครั้งนี้ คุณแม่ชีสัมฤทธิ์นัดให้เข้าไปชมสวนและไปนมัสการสนทนาธรรมกับสามเณรที่ปฏิบัติได้สภาวะธรรมเป็นเลิศตอน ๕ โมงเย็น แต่ขณะที่ดิฉันนั่งกินอาหารกลางวัน ได้กลิ่นควันไฟอย่างรุนแรง จึงลุกขึ้นยืนดู มองไปเห็นวิปัสสนาสถานของคุณแม่ชีมีแต่ควันปกคลุมอยู่หนาทึบ


ที่ขอบรั้วเขตหมู่บ้านมีชาย ๓ คนยืนอยู่เห็นเปลวไฟ ดิฉันเจริญสติ ตะโกนถามว่าแจ้งรถดับเพลิงมาหรือยัง ได้รับคำตอบไม่ชัดเจน เห็นเปลวไฟดูน่าตกใจ สักครู่ก็เห็นรถดับเพลิงของอบต.แล่นเข้ามาจึงคลายกังวล หายห่วง แล้วปฏิบัติธรรมต่อ


ก่อน ๕ โมงเย็นฝนตกหนัก ดิฉันจึงกางร่ม เดินเข้าไปกราบคุณแม่ชีตามเวลานัด ท่านบอกว่าไฟไหม้ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาเพราะเจ้าของที่ดินที่ซื้อที่ไว้เป็นคนต่างถิ่นไม่เคยเข้าดูแลเลย แม่ชีต้องทำแนวกันไฟรอบวิบัสนาสถนาตลอดทั้งปี เพื่อป้องกันไฟให้วิบัสนาสถาน


ต้นไม้ริมรั้วถูกความร้อนจากเปลวไฟลวกไปหลายต้น ทั้งต้นไทร กอไผ่ ต้นมะกอกป่า มะม่วง น่าจะต้องมีมาตรการทางกฎหมายควบคุมให้ผู้ที่ครอบครองที่ดิน ต้องดูแลรับผิดชอบที่ดินของตน ไม่ให้รกร้างจนเกิดปัญหาไฟไหม้เดือดร้อนผู้อื่น ดังที่เห็นกันอยู่ทั่วไป



สวนเล็กๆของคุณแม่ชีร่มครึ้ม อากาศเย็นสบายต่างกับข้างนอก ดังกับอยู่ดนละโลก มะม่วงทุกต้นกำลังออกลูก มะเขือเทศ มะเขือพวง ออกลูกดก ต้นยอสูง แค่เก็บยอดได้ กระจายอยู่ทุกมุมสวน ฟักทองกำลังทอดยอด ใบบัวบกแผ่คลุมดินดูน่ากิน ต้นกล้วยทุกต้นอวบงาม เพราะคุณแม่ชีย้ายหน่ออ่อนไปปลูกที่หลุมใหม่ ที่ใส่ดินดีรองก้นหลุมไว้ ต้นแม่ที่ออกเครือแล้วก็ฟันทิ้ง สับต้นเป็นชิ้นเล็กๆ คลุมดินไว้ให้เป็นปุ๋ยและให้ความชุ่มชื้น


คุณแม่ชีพาดิฉันไปกราบนมัสการสามเณรประสิทธิ์วัย ๑๖ ท่านเป็นชาวปกาเกอญอจากหมู่บ้านบนดอย ซึ่งท่านใฝ่ใจทางธรรมตั้งแต่เด็ก เจริญรอยตามพระมหาภิรมย์ ซึ่งเป็นหลวงอาของท่าน สามเณรประสิทธ์ผิวพรรณและหน้าตาผ่องใส แสดงถึงจิตที่บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสของท่าน คุณแม่ชีสัมฤทธิ์มุ่งสร้างศาสนทายาทไว้สืบทอดพระพุทธศาสนา โดยเน้นการเผยแผ่ธรรมกับชาวดอยในพื้นที่ห่างไกลซึ่งเป็นผู้ด้อยโอกาสในสังคม


สามเณรประสิทธิ์ได้รับการปลูกฝังการปฏิบัติธรรม ความมีระเบียบวินัย ความประหยัด ความสะอาด กุฏิของท่านปัดกวาดเช็ดถูเรียบร้อย ผ้าจีวร อังสะ เก็บพับไว้ดูสบายตาถ้วยชามล้าง เช็ด คว่ำ ดูสะอาด เป็นแบบอย่างอันประเสริฐของเยาวชนยุคโลกาภิวัฒน์ ที่มีพระธรรมคุ้มครองชีวิต ไม่เกลือกกลั้วกับสิ่งยั่วยุกิเลสดังที่ผู้ใหญ่พากันห่วงใยเด็กๆ ที่มีค่าแค่เป็นเหยื่อของสังคมบริโภคนิยม


คุณแม่ชีสัมฤทธิ์ ตรีสันเทียะ ชื่อนี้คนไทยไม่รู้จัก แต่ลูกศิษย์ทั้งหลายที่ได้มาปฏิบัติกับท่าน เช่น ศาสตราจารย์กิตติคุณอำไพ สุจริตกุล ดร.มณีรัตน์ สุกโชตรัตน์ ล้วนซาบซึ้งในพระคุณของท่านที่ได้นำแก่นธรรมของพระพุทธองค์ คือ วิปัสสนากรรมฐานมาสู่จิตของศิษย์ทุกคน ด้วยความเมตตา ด้วยความทุ่มเท ศิษย์ทุกคนจึงปฏิบัติได้ผลกันถ้วนหน้า และได้แยกย้ายกันปฏิบัติภารกิจเพื่อนำปัญญาและศานติสุขมาสู่แผ่นดิน เพื่อแสดงความกตัญญูต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต่อวิปัสสนาจารย์ ต่อพระเจ้าอยู่หัวตลอดไป


ภาพประกอบ โดยมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา