Skip to main content

Me Myself: ขอให้รักเป็นศาสนาประจำชาติ

คอลัมน์/ชุมชน

๒๔ ๑/



หมายเหตุ : บทความชิ้นนี้บอกถึงบทสรุปของหนัง ซึ่งอาจทำให้ท่านที่ยังไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้เสียอรรถรสเมื่อเข้าชมได้ ดังนั้นถ้าตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้...กรุณาดูก่อนอ่านครับ


ดูเหมือนช่วงนี้จะเป็นช่วงที่หนังไทยคุณภาพไม่เลวพร้อมใจกันลงโรงในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เห็นกันบ่อยๆ นัก ตั้งแต่หนังสยองขวัญอย่าง "แฝด", หนังตลกที่ส่งสารบางอย่างถึงสังคมใน "เมล์นรก หมวยยกล้อ" (ที่จนถึงบัดนี้...ผมก็ยังสงสัยว่า "หมวย" มัน "ยกล้อ" ในตอนไหนของเรื่องหว่า ^ ^") (น่าเสียดายที่ "แสงศตวรรษ" ถูกคนกลุ่มหนึ่งที่สำคัญตนผิดคิดว่าตัวเองสามารถตัดสินหนังแทนคนไทยทั้งประเทศตั้งมาตรฐานว่า "ไม่ผ่านเซ็นเซอร์" ...พอคิดถึงเรื่องแบบนี้ก็พาลจะเกิดอาการท้องเฟ้อเรอเหม็นเปรี้ยวเอาได้)


"Me Myself – ขอให้รักจงเจริญ" ก็เป็นอีกหนึ่งหนังไทยดูสนุกที่เข้าฉายในช่วงนี้ ซึ่งเป็นการกำกับหนังครั้งแรกของคุณอ๊อฟ-พงศ์พัฒน์ วชิรบรรจง หลังจากที่ผ่านๆ มา เขาได้ชิมลางด้วยการกำกับละครโทรทัศน์มาหลายเรื่อง ซึ่งพี่อ๊อฟของเราก็ทำให้ผู้ชมสนใจได้ตั้งแต่พล็อตเรื่องของหนังแล้วแหละ


หนังเป็นเรื่องรักของอุ้ม - หญิงสาวที่เพิ่งสูญเสียความรัก (ฉายนันท์ มโนมัยสันติภาพ) กับแทน – ชายหนุ่มที่สูญเสียความทรงจำ (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ที่ค่อยๆ ก่อร่างสร้างความรักขึ้นมาเรื่อยๆ พร้อมๆ กับความทรงจำของแทนที่ค่อยๆ กลับคืนมา...


ก่อนที่จะพบกับความจริงอันไม่คาดฝัน ว่าจริงๆ แล้วแทนคือ "ทันย่า" นางโชว์สาวประเภทสองจากภูเก็ตที่มาตามหาคนรักที่กรุงเทพฯ ก่อนที่จะความจำเสื่อม


(ถึงตรงนี้ก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ให้ตัวละครชื่อ "ทันย่า" นั้นตั้งใจให้พ้องกับชื่อคุณธัญญา วชิรบรรจง – ศรีภรรยาสุดที่รักของพี่อ๊อฟหรือเปล่าหว่า:-P)


แม้จะเป็นหนังเรื่องแรก แต่คุณอ๊อฟก็สามารถทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังรักที่ทำให้เรายิ้มทั้งน้ำตาได้ (โดยลืมข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อย ของหนัง เช่นบทแฟนเก่าของอุ้ม ที่ดูจะร้ายแบบปราศจากความดีจนดูเหมือนตัวร้ายละครหลังข่าวไปสักหน่อย) ด้วยการแสดงของนักแสดงที่ไม่ขาดไม่เกิน รวมถึงองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ อย่างเพลงประกอบหนังที่ใส่ได้ถูกที่ถูกเวลา (เช่น "สิ่งที่ฉันเป็น" ของ Ebola ที่ทำให้ผมแอบปาดน้ำตาเมื่อผมได้ยิน หรือแม้กระทั่ง "ฟั่นเฟือน" ของตัวผู้กำกับเองที่ยังแอบเอามาใส่ไว้ซะงั้น...แถมยัง "เนียน" ไปกับเนื้อเรื่องได้อีกนะ)


หนังดูสนุก อบอุ่นไปจนถึงช่วงท้ายเรื่อง พร้อมๆ กับเกิดคำถามที่ว่า "หากคนที่เรารักเปลี่ยนไป ความรักจะเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่า"


แม้ความรักจะไม่เปลี่ยน แต่ความรักที่ต้องเสียดทานกับสายตาและลมปากของคนรอบข้าง รวมถึงความรู้สึกของตัวเองมันจะไปได้ตลอดรอดฝั่งจริงๆ หรือ?


เพราะแม้กระทั่งตัวอุ้มเองเมื่อตอนที่รู้ความจริงว่า "แทน" คือ "ทันย่า" ใหม่ๆ อุ้มเองยังรู้สึกต่อต้านแทนลึกๆ และอาการต่อต้านนั้นเองที่ดึงอุ้มให้ไม่กล้าเข้าหาแทน


แต่สุดท้าย...ด้วยคำง่ายๆ สั้นๆ สองพยางค์... "ความรัก" ก็ทำให้อุ้มเลือกได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดต่างหาก ไม่ใช่สิ่งที่แทนเป็นในปัจจุบัน ซึ่งความรู้สึกนี้เกิดกับแทนเหมือนกัน


หนังจึงจบลงที่น้ำตาแห่งความสุขของตัวละครที่ไหลพร้อมๆ กับน้ำตาของหลายๆ คนในโรงหนัง...


และความรู้สึกหนึ่งก็เกิดขึ้น...


ผมเห็นภาพของบรรดาพระสงฆ์ที่ออกมาเรียกร้อง และป้ายเรียกร้องตามวัดที่ขอให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วก็ชวนให้สงสัย ว่าเรามองแต่ตัวเองกันเกินไป จนลืมมองเพื่อนร่วมประเทศ ที่เขาอาจเชื่อต่างจากเราหรือเปล่า


ผมเลยคิดเล่นๆ ว่าถ้า "ความรัก" เป็นสิ่งที่สามารถทำลายกำแพงความแตกต่างระหว่างเพศ, ศาสนา, เผ่าพันธุ์ และกำแพงอื่นๆ ได้ รวมถึงผมก็เชื่อว่าความรักที่มีสติไม่ใช่เรื่องเลวร้าย และทุกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องศาสนา ก็คงทำไปด้วย "ความรัก" ในสิ่งที่ตนเองเชื่อเช่นกัน


ทำไมเราไม่ลองเรียกร้องให้ "ความรัก" เป็นศาสนาประจำชาติเสียเลยล่ะครับ


ถ้ามีใครคิดจะเรียกร้องก็บอกกันนะครับ...ผมเอาด้วยคน


(หมายเหตุ : ขอบคุณ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/newmovie/memyself/mm.html สำหรับรูปประกอบครับ)