Skip to main content

พื้นที่อันตราย (ตอน4 นี่ไงชาวบ้าน)

คอลัมน์/ชุมชน

มาแล้ว มาให้ติดตามจากตอนที่แล้ว

ขณะนั่งเขียนบทความตอนนี้ เป็นช่วงที่อารมณ์ดีจริงๆ เรื่องที่เคยคิดว่ามันเครียดๆ มันก็เลยกลายเป็นขำๆ แต่ขำบ้างก็ดี บ้านเมืองของเราตอนนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คนเครียด ก็อย่างนี้แหล่ะใช้แรงงานคนแก่ ที่ไฟเริ่มอ่อนก็ต้องยอมรับกันไป อุ๊ยตาย ..... ลืมไปว่ากำลังเขียนเรื่องซีเรียสอยู่

เอ้า กลับมาเข้าเรื่องของเรากันดีกว่า ตกลงท่านประธานคนใหม่คือ ท่านอรจิต สิงคาลวณิช กล่าวเริ่มดำเนินการประชุม เราก็ยกมือ และขอให้มีการแนะนำตัวกันก่อน เพราะเห็นแต่รายชื่อ ไม่รู้ว่าคนไหนเป็นใครบ้าง (จริงนะอยากรู้ว่าเราจะพอหาพวกได้บ้างไหม)


ท่านประธานบอกว่ารู้จักกันแล้วไม่ใช่หรือ เราก็บอกว่ายัง เราไม่รู้จักใครสักคน รู้จักแต่คุณสมบัติ เมทะนี (เคยเห็นในหนัง) คนเดียว ทุกคนก็ยิ้มๆ (คงนึกว่าใครหนอเลือกเรามา ช่างเป็นชาวบ๊าน..ชาวบ้านจริงๆ)


และคงอยากร้องเพลง ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย.....ให้เราฟัง แต่ก็ยอมให้มีการแนะนำตัว จากนั้นก็เริ่มเข้าวาระการประชุม เราก็ยกมืออีก ทุกคนก็หันมามองเราเป็นตาเดียว คงคิดว่ายายคนนี้จะเอาอะไรอีกแต่ประธานก็ยอมให้พูด เราก็เสนอว่าขอให้ข้อมูลผลสำรวจปัญหาที่เกิดกับชาวบ้าน จากการใช้สิทธิตาม พ...ผู้ประสบภัยจากรถ และจากผู้ที่เคยประสบภัยจากรถ จำนวน 666 คน จาก 48 จังหวัด ซึ่งผลปรากฏว่าส่วนใหญ่ 80% ทำประกันเพราะกฎหมายบังคับ สัดส่วนผู้ใช้สิทธิ 55.3% ไม่ใช้สิทธิ เพราะยุ่งยาก ต้องแจ้งความต้องพิสูจน์ถูกผิด (ถูกผิดตำรวจเป็นคนชี้มูล) ปัญหาการใช้สิทธิ 99.6% มีปัญหาการใช้สิทธิ สาเหตุมาจากโรงพยาบาลเรียกเอกสารมากมาย ไม่เข้าใจไม่ได้รับคำแนะนำ ตำรวจไม่รับแจ้งความ ไม่ลงบันทึกประจำวัน มาถึงที่เกิดเหตูช้า ไม่ได้รับความเป็นธรรม คนจนเป็นคนผิดตลอด มีระเบียบขั้นตอนยุ่งยาก ฯลฯ สารพัดปัญหา


สรุปสาเหตุมาจากผู้ประสบภัยขาดความรู้ความเข้าใจในสิทธิตาม พ... แต่ต้องทำ พ...เพราะถูกบังคับ และการที่ผู้ทำ พ...ไม่ใช้สิทธิทำให้บริษัทประกันภัย มีกำไรในแต่ละปีหลายพันล้านบาท โดยมีส่วนราชการสนับสนุนให้ชาวบ้านต้องจ่ายเงินให้บริษัทเหล่านั้นโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ (เลี่ยงก็ติดคุกสิ) คิดดูนะว่าพอเราให้ข้อมูลเหล่านี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในที่ประชุม ไม่ต้องบอกก็ต้องบอกว่าเป็นเหมือนที่ท่านผู้อ่านคิดนั่นล่ะ คือตัวแทนกรมการประกันภัย ลุกขึ้นอภิปรายกันเป็นแผงเลย และกล่าวหาว่าข้อมูลที่เราพูดไม่เป็นจริง หากมีปัญหาอย่างที่เราบอก ก็ให้บอกมาเลยว่าพื้นที่ไหน จังหวัดอะไร (ดีนะที่พอเป็นมวย ไม่เช่นนั้นดอกนี้อาจถึงน๊อค)

เราก็บอกว่าข้อมูลนี้ไม่ใช่ข้อมูลของบุญยืน แต่เป็นข้อมูลที่ได้มาจากการตอบแบบสอบถามของผู้ประสบภัย และมีบางกรณีที่เรายกตัวอย่าง เช่นเรื่องลุงสวัสดิ์ ที่ประสบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ด้วยกัน จนทำให้ขาหักและสลบไปหลายวัน โดยไม่รู้ตัวว่า พ...ของตนขาดไป 2 วัน ลุงสวัสดิ์ต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลายวัน จนหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ โดยลุงสวัสดิ์ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยัน เดินไม่สะดวก แต่ลุงสวัสดิ์ยังไม่หมดเคราะห์กรรม เนื่องจากอุบัติเหตุครั้งนี้ ตำรวจลงความเห็นว่า ลุงสวัสดิ์เป็นคนผิด ดังนั้น ลุงสวัสดิ์ต้องเป็นผู้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาล ทั้งส่วนของลุงสวัสดิ์เอง และในส่วนของคู่กรณี เป็นเงินกว่า 60,000 บาท ซึ่งกรมประกันภัยกลางจ่ายสำรองไป และต้องมาเรียกเงินนั้นคืนกองทุนจากลุงสวัสดิ์ ลุงสวัสดิ์ไม่มีเงินจ่าย จึงถูกแจ้งความดำเนินคดี ศาลพิจารณาและตัดสินให้ลุงสวัสดิ์จ่ายเงินให้กองทุนเป็นค่าปรับเพียง 6,000 บาท แต่ลุงสวัสดิ์ก็ไม่มีจ่ายเพราะตัวเองก็เจ็บออกหากินไม่ได้มาหลายเดือน ศาลจึงตัดสินให้ลุงสวัสดิ์ต้องติดคุกใช้หนี้ค่าปรับเป็นเวลา 30 วัน ซึ่งลุงสวัสดิ์ต้องเข้าไปติดคุกทั้งไม้เท้าค้ำยันอย่างน่าสงสาร


คุณคิดว่า พ...ฉบับนี้โหดร้ายไปหน่อยไหมสำหรับคนที่แร้นแค้นอย่างลุงสวัสดิ์ พอเราพูดจบอธิบดีก็สั่งให้เจ้าหน้าที่โทรไปขอข้อมูลในพื้นที่ทันที ไม่ว่าเราจะเสนอจังหวัดไหน เขาก็โทรไปจังหวัดนั้นทันที เราก็คิดว่าเขาจะหาข้อมูลมาแก้ต่างเราทำไม ก็อะไรมันคือปัญหา ก็ต้องแก้ตรงนั้นเพื่อให้ชาวบ้านเขาพ้นทุกข์ร้อนที่เกิดขึ้นกับ พ... ฉบับนี้ ถึงจะถูกจริงไหมล่ะท่าน ไม่ใช่ใครติชมผลงานแล้วของขึ้นอย่างนี้


จะประชุมกันต่อไปอย่างไร ในเมื่อข้อมูลมันคนละมุม ข้อมูลของประชาชนส่วนใหญ่มันเป็นไปในทางลบ ขณะที่ข้อมูลทางฝ่ายกรมการประกันภัย นะดี๊..ดี คงพอมองออกใช่ไหมว่าหนทางข้างหน้าฝุ่นคงตลบน่าดู


อย่างนี้ต้องรออ่านตอนหน้าแล้วกัน