Skip to main content

หน้าที่ที่มีแต่คนตำหนิติเตียน


หญิงสาวคนหนึ่ง
ได้รับมอบหมายจากญาติพี่น้องให้เป็นคนดูแลแม่ ที่ล้มลงป่วยด้วยโรคอะไรอย่างหนึ่ง ที่ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตั้งแต่เรื่องกิน นอน ลุก นั่ง ขับถ่าย ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ฯลฯ ด้วยเหตุผลที่ว่า ญาติพี่น้องแทบทุกคนต่างมีครอบครัวและภาระหน้าที่มากหรือไม่ก็ทำงานไกล จึงไม่มีใครมีเวลามาดูแม่ นอกจากเธอคนเดียวที่เป็นโสดอยู่บ้านเดียวกับแม่ เพราะมีที่ทำงานอยู่ใกล้บ้าน


เธอจึงต้องจำยอมรับหน้าที่ดูแลแม่แต่เพียงผู้เดียว ไม่ว่าแม่จะเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลหรือนอนป่วยอยู่ที่บ้าน เล่ากันว่าตลอดระยะเวลาที่เธอรับหน้าที่ดูแลแม่แต่เพียงผู้เดียว พวกญาติพี่น้องที่ไม่เคยทำหน้าที่นี้มากไปกว่าคอยส่งเงินมาช่วยเหลือ และโผล่หน้ามาเยี่ยมแม่เป็นครั้งคราวแล้วก็รีบกลับ มีแต่คอยตำหนิติเตียนว่าเธอดูแลแม่ไม่ดี


เธอรู้สึกกดดันมาก ๆ
แต่ก็ไม่รู้ทำจะทำอย่างไรดี ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนคอยตำหนิติเตียนเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอก็พยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว จนกระทั่งเมื่อสองเดือนก่อนมีพวกญาติพี่น้องจากเมืองนอกพากันยกโขยงมาเยี่ยมแม่ เพราะได้ข่าวว่าแม่คงมีชีวิตอีกต่อไปไม่นาน เมื่อพวกเขามาถึง ทุกคนต่างช่วยกันซ้ำเติมว่าเธอดูแลแม่ไม่ดี ตามข้อกล่าวหาที่ญาติพี่น้องในเมืองไทยรีบชิงบอกกัน


เธอไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรดี จึงบอกกับทุกคนว่า ไหน ๆ พี่ ป้า น้า อา ก็อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกล เพื่อมาดูหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย และอีกหลายวันกว่าจะกลับ จึงอยากแต่ละคนผลัดกันเข้าไปช่วยดูแลแม่แทนเธอจนกว่าจะกลับ เพราะเธอรู้สึกเหนื่อยและเครียดเหลือเกิน ที่ต้องดูแลแม่แต่เพียงผู้เดียวตั้งแต่แม่ล้มป่วยจนถึงบัดนี้ เพื่อที่เธอจะได้พักผ่อนบ้าง


แล้วเธอก็ปล่อยให้พวกเขา
เข้าไปทำหน้าที่นี้แทนเธอ แต่เพียง 2-3 วัน ที่พวกเขาผลัดกันเขาไป ป้อนน้ำป้อนข้าว เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ฯลฯ ให้คนป่วยที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ปรากฏว่าแต่ละคนก็เริ่มเกี่ยงงอนที่จะทำหน้านี้ แล้วต่างก็พร้อมใจกันกลับก่อนกำหนด


แถมยังแกล้งลืมเรื่องเงินที่ทุกคนคุยกันว่า จะช่วยกันออกเป็นค่ารื้อซ่อมแซมบ้าน และติดฉนวนกันความร้อน ตอนที่พวกเขามาถึงบ้านวันแรก และติว่าบ้านหลังนี้ร้อนเกินไป ทำให้คนป่วยย่ำแย่ และสั่งให้เธอไปหาช่างมาประเมินราคาเพื่อปรับเปลี่ยนบ้านให้เย็นสบาย แต่พอเธอหาช่างมาดูและประเมินราคารวมทั้งค่าวัสดุและค่าแรงไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก ก่อนจะรีบพากันกลับไป


ครับ นี่คือเรื่องจริงของน้องผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ผมได้รับรู้มา และผมคงไม่จำเป็นต้องสรุปเรื่องนี้เป็นคติเชย ๆ อะไรสักอย่างหนึ่งให้คุณผู้อ่านหงุดหงิด เพราะเรื่องนี้มันแสดงตัวตนของมันเองออกมาชัดเจนอยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ว่าแต่คุณอ่านเรื่องนี้แล้ว มีความรู้สึกนึกคิดและมีความเห็นอย่างไร อย่าลืมแสดงความคิดเห็นมาบ้างนะครับ


เผื่อคนที่ทำหน้าที่ที่มีแต่คนตำหนิติเตียน ไม่ว่าเป็นหน้าที่ดูแลคนป่วยที่เธอกำลังดูแล หรือคนที่ทำหน้าที่อื่น ๆ ที่มีแต่คนคอยนั่งดูแต่ไม่เคยลงมือทำ และคอยแต่ตำหนิติเตียนเขา จะได้มีกำลังใจในการทำหน้าที่ของเขา.


19 พฤษภาคม 2550
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่


** ภาพประกอบเรื่อง ไพบูลย์ อัมพนันท์