เมืองสายรุ้ง (7)
คอลัมน์/ชุมชน
-1-
สายรุ้งมีเพื่อนเล่นมากมาย ละแวกที่เขาและแม่พักอยู่เป็นชุมชนเก่าแก่ มีเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับเขาหลายคน เพื่อน ๆ ต่างก็รักเขาและแวะเวียนมาหาที่บ้านอยู่เป็นประจำ เพราะนอกจากเขาจะมีของเล่นมากมายแล้วคุณแม่ของสายรุ้งก็ใจดี มีขนมให้เด็ก ๆ ทานอยู่เสมอ
แม่ของสายรุ้งทำงานเกี่ยวกับหนังสือ ทำงานอยู่ที่บ้านจึงมีเวลาอยู่กับสายรุ้งเกือบตลอด บางทีตอนกลางดึก ด้วยความเป็นห่วง แม่ก็จะเข้าไปในห้องนอนของสายรุ้ง ดูว่าเขานอนห่มผ้าหรือเปล่า และก่อนจะออกไปแม่ก็จะจูบที่หน้าผากสายรุ้งเบา ๆ หากสายรุ้งฝันร้าย แม่ก็จะมานอนเป็นเพื่อนหรือบางครั้งเด่นก็จะมานอนกับสายรุ้ง
หากแม่ต้องไปธุระและนอนค้างที่อื่น แม่ก็จะพาสายรุ้งไปด้วย แม่ไม่เคยปล่อยเขาไว้ให้อยู่คนเดียว หรือถ้าสุดวิสัยที่จะพาสายรุ้งไปด้วยจริงๆ แม่ก็เลือกที่ยกเลิกธุระนั้น สำหรับผู้เป็นแม่ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกและเมื่อรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว แม่ก็ไม่ยอมห่างจากสายรุ้งเลย
-2-
หลังจากที่พ่อตายไป สายรุ้งก็ไม่เคยเห็นแม่ข้องแวะกับผู้ชายคนใดเลย แม่รักพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น สายรุ้งเคยได้ยินแม่คุยกับเพื่อนในเรื่องนี้ว่า
"ไม่คิดจะหาใครมาอยู่เป็นเพื่อน" เพื่อนของแม่ถาม
"ไม่ดีกว่า ฉันมีลูกอยู่แล้ว" แม่ของสายรุ้งตอบ สายรุ้งแอบยิ้มกับคำตอบของแม่
"แล้วถ้าสมมติว่าแกเป็นอะไรไปล่ะ"
"ฉันได้แต่หวังว่าสายรุ้งจะโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ก่อนที่ฉันจะเป็นอะไรไป" สายรุ้งรู้สึกงงกับคำพูดของแม่
"เธอทำประกันชีวิตไว้สิ" เพื่อนแนะนำ
"บริษัทเขาไม่ทำให้เมื่อรู้ฉันเป็นอะไร" เธอถอนหายใจ "ฉันจึงพยายามทำงานให้มากที่สุด เพื่อวันข้างหน้าของลูก"
สายรุ้งรู้ว่าการแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง เขาเพียงแต่เดินผ่านมาเท่านั้น สายรุ้งหยุดฟังอยู่นานจนรู้สึกขึ้นมาว่าไม่เหมาะ ดังนั้นเขาจึงเข้าไปในห้องของเขาปล่อยให้แม่คุยกับเพื่อนตามสะดวก
-3-
"เมื่อคืนลูกฝันร้ายใช่ไหม"
"ใช่ครับ" สายรุ้งตอบ "มันแย่มากเลยครับ"
"ลูกฝันว่าอะไร"
สายรุ้งมองหน้าแม่ "ผมไม่เล่าได้ไหมครับ"
"ทำไมล่ะ"
"ผมกลัวแม่ไม่สบายใจ"
"ยังไงมันก็เป็นเพียงแค่ฝัน ไม่เป็นไรหรอก"
"ครับ คือผมฝันว่า แม่กับผมเดินอยู่ที่ไหนสักแห่งแล้วจู่ ๆ ก็มีสายน้ำมาจากไหนก็ไม่รู้ไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว" สายรุ้งหยุดเล่า การเล่าถึงฝันร้ายยังทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
"แล้วยังไงต่อ"
"แล้วสายน้ำก็แยกเราสองคนจากกันครับแม่ ผมอยู่อีกฝั่งแม่อยู่อีกฝั่ง"
สีหน้าของแม่ซีดเผือด ฝันร้ายน่ากลัวอย่างที่ลูกบอกจริง ๆ เธอไม่น่าคะยั้นคะยอให้ลูกเล่าออกมาเลย บางทีลูกอาจจะลืมเลือนไปเอง
"เราจะไม่แยกกันหรอกลูก" เธอบอก
"ครับ ผมพยายามจะว่ายไปหาแม่ครับ แต่ก็ทำไม่ได้ น้ำมันเชี่ยวเหลือเกิน ผมจึงได้แต่ตะโกนแต่ดูเหมือนแม่มองไม่เห็นผม"
"มันก็แค่ฝันน่ะลูก" เธอโอบกอดลูกอย่างรักใคร่
"ครับ"
"คืนนี้ให้เด่นมานอนเป็นเพื่อนมั้ย"
"ให้แม่มานอนเป็นเพื่อนดีกว่าครับ เพราะผมอยากฟังนิทานด้วย ที่แม่ยังเล่าค้างไว้ยังไม่จบเลย" สายรุ้งอ้อน
"ก็ได้จ๊ะ"
เธอยิ้มกับตัวเอง นึกถึงคำพูดในนิยายที่เธอเขียนไว้ที่ว่า "ความรักที่มีต่อลูกคือแรงดลใจสำหรับการมีชีวิตอยู่และจะช่วยให้เอาชนะข้อจำกัดทุกอย่างได้"