Skip to main content

ผูกเปลนอน ลุ้นคดียุบพรรค : อ่านนิทานพม่า เรื่อง "พระราชาเสวยแกลบ"

คอลัมน์/ชุมชน

ไม่รู้เป็นไงที่จู่ๆ ผมก็เกิดอาการเขียนไม่ออกมาเสียดื้อ ๆ อาจเป็นเพราะอากาศของเดือนพฤษภาปีนี้ ที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อนอบอ้าว เดี๋ยวครึ้มฟ้าครึ้มฝน ชวนให้รู้สึกอึดอัดขัดข้องไปเสียหมด


หรืออาจเป็นเพราะบรรยากาศการเมืองเดือนพฤษภาปีนี้ ที่ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งศึกษา ก็ยิ่งรู้สึกเครียด เหมือนกำลังถูกผลักลงไปในปลักโคลน ถลำลึก ตกอยู่ในวังวนของความสับสน งุนงง ไม่เข้าใจ ในความเปลี่ยน ที่ผมรู้สึกว่ามันไม่เคยชัดเจน ไม่เคยโปร่งใสเสียที เหมือนกับว่าการเมืองนั้นเคลือบด้วยความไม่น่าไว้วางใจอยู่ตลอดเวลา


แต่ก็อดลุ้นระทึกกับผลการตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญจะอ่านคำตัดสินวินิจฉัยในคดียุบพรรคการเมือง ในวันนี้ 30 .. ซึ่งอาจเป็นวันหนึ่งที่ต้องจดจำในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย


ท่ามกลางเสียงฮึ่ม ๆ ของมวลประชาที่รัก ไทยรักไทย-ประชาธิปัตย์
ท่ามกลางเสียงฮึ่ม ๆ ของ คมช.กองทัพ ที่ออกมาเตือนอย่าเดินทางเข้ากรุง


ขอเพียงอย่างเดียว- -อย่าได้เดินซ้ำรอยเดิมก็แล้วกัน


ในขณะที่ผมผูกเปลนั่งลุ้น นอนลุ้นคดียุบพรรค... เพื่อนบางคนท้าพนันเบียร์กับผมว่า...ยุบ...ไม่ยุบ...แต่ผมไม่เล่นด้วย เพราะผมไม่อาจคาดเดาได้ แต่รู้แน่ๆ ว่าเบียร์ทำให้พุงผมไม่ยุบ และผมก็ขอตัวเดินไปตรงชั้นวางหนังสือในห้องทำงาน หยิบหนังสือนิทานพม่ามาอ่านคลายเครียด


เป็นรวมนิทานพม่า ที่ "คีรีบูน" รวบรวมแปลและเรียบเรียง โดย สำนักพิมพ์ดอกหญ้า พิมพ์ครั้งแรก เมื่อ มี.. 2537


ผมพลิกอ่านนิทานพม่าในแต่ละเรื่องแล้ว สนุก ได้อรรถรส และพอรับรู้ได้ว่า นิทานของพม่ากับของไทยเรานั้นไม่ได้แตกต่างกันเท่าใดเลย มีทั้งนิทานโดยใช้สัตว์ต่าง ๆ ชาวนาชาวไร่ กษัตริย์ หรือชนชั้นปกครองเป็นตัวเดินเรื่องและแฝงด้วยข้อคิด ทั้งแง่งาม ความรัก ความหวัง ความดี ความเลว อันเป็นพฤติกรรมปกติของมนุษย์และสัตว์ไว้ให้ขบคิด และแน่นอน นิทานย่อมแฝงด้วยอารมณ์ขัน


เหมือนกับเรื่องนี้ ลองอ่านดูครับ... "พระราชาเสวยแกลบ"






...พระราชาผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งทรงแอบเสด็จพระราชดำเนินไปทั่วพระราชอาณาจักรของพระองค์กับผู้ตามเสด็จคนหนึ่ง พระองค์ได้ทอดพระเนตรหญิงชราซึ่งกำลังตำข้าวเปลือกอยู่ เปลือกข้าวที่หญิงชราขว้างทิ้งหลังจากที่แกตำข้าวเสร็จแล้วส่งกลิ่นหอมหวนยิ่งนัก

กลิ่นหอมนั้นยั่วยวนพระทัยพระราชาให้ทรงปรารถนาที่จะเสวยเปลือกข้าวหรือแกลบเหล่านั้น เมื่อพระองค์เสด็จพระราชดำเนินต่อไปเป็นระยะทางอีก 2-3 หลา แล้วก็ทรงรับสั่งให้ผู้ตามเสด็จกลับไปเอาข้าวเปลือกมาถวายเพื่อพระองค์จะได้เสวย


ผู้ตามเสด็จตกใจมาก และกราบทูลแย้งว่า การที่พระราชาผู้ยิ่งใหญ่งจะเสวยเปลือกข้าวนั้นเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก เพราะข้าวเปลือกเหมาะสมที่จะเป็นอาหารของวัวและหมูเท่านั้น แต่พระราชาก็ทรงปฏิเสธที่จะทรงฟังเหตุผลใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น ชายผู้นั้นจึงต้องกลับไปนำข้าวเปลือกมาถวาย พระราชาเสวยข้าวเปลือกนั้นอย่างเอร็ดอร่อย แล้วก็ตรัสกับผู้ตามเสด็จว่า "หากเจ้าบอกเรื่องนี้กับใครหัวของเจ้าจะขาด"


เมื่อผู้ตามเสด็จกลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกอยากเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟังเป็นอันมาก เขาพยายามกิน พยายามนอน และพยายามร้องเพลง เพื่อขับไล่ความปรารถนาที่จะเป็นอันตรายอย่างมหันต์แก่ตัวออกไป แต่ก็ไร้ผล ความปรารถนานั้นยังคงครอบงำจิตใจของเขาอยู่


เขาก็นึกในใจว่า ‘หากข้าสามารถเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนหนึ่งฟังได้ ข้าจะมีความสุขมากทีเดียว’ เมื่อเวลาผ่านไป 2-3 วัน ผู้ตามเสด็จคนนั้นก็เริ่มป่วยและมีร่างกายซูบซีด แต่ความปรารถนาที่จะเล่าเรื่องที่ไปพบเห็นมาก็ยังคงทรมานใจเขาอยู่เช่นเดิม


ในที่สุด เขาก็ไม่สามารถอดทนกับความรู้สึกนี้ได้อีกต่อไป เขาจึงเร่งรีบออกจากบ้านเพื่อค้นหาสถานที่อันปลอดภัยที่เขาสามารถกระซิบสิ่งที่ต้องการพูดออกมาได้โดยไม่มีผู้ใดได้ยิน เขาพายเรือไปกลางแม่น้ำ แต่แล้วก็กลัวว่าคนหาปลาจะได้ยิน


ในที่สุดเขาก็เข้าไปในป่าและมุดศีรษะเข้าไปในโพรงของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง และกระซิบสิ่งที่เขาต้องการระบายออกมาด้วยคำพูดอย่างเร่าร้อน "พระราชาผู้ยิ่งใหญ่เสวยแกลบ! พระราชาผู้ยิ่งใหญ่เสวยแกลบ!" แล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นและเดินกลับบ้านไป


หลายเดือนต่อมา เนื่องจากกลองใหญ่ประจำพระราชวังซึ่งใช้สำหรับตีบอกเวลาชาวเมืองเริ่มเก่าเกินไปที่จะใช้งานได้อีก จึงมีการหากลองใบใหม่มาแทน คนทำกลองจึงเขาป่า และล้มต้นไม้ใหญ่ลงมา 1 ต้น เพื่อใช้ไม้ทำกลองใบใหม่ แต่ด้วยเหตุบังเอิญต้นไม้ต้นนี้เกิดเป็นต้นไม้ต้นเดียวกับที่ผู้ตามเสด็จคนนั้นไปกระซิบความลับไว้ในโพรงของมัน!


ในที่สุด กลองใบใหม่ก็ทำเสร็จ มันเป็นกลองที่งดงามมาก คนทำกลอง ชาวเมือง ข้าราชการสำนักต่างมองดูอย่างชื่นชม และพระราชาผู้ยิ่งใหญ่ก้ทอดพระเนตรด้วย ทุก ๆ คนต่างพอใจยิ่งนัก


หลังจากพิธีฉลองอันยิ่งใหญ่ กลองใบใหม่ก็ถูกนำมาวางที่ต่อหน้าฝูงชน แต่เมื่อตีกลองลงไม่แล้วไม่ได้ร้อง "ปึง! ปึง! ปึง!" อย่างเสียงกลองโดยทั่วไป แต่มันกลับร้องประจานว่า "พระราชาผู้ยิ่งใหญ่เสวยแกลบ! พระราชาผู้ยิ่งใหญ่เสวยแกลบ!"


โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง...อ่านเอาอารมณ์ขันนะครับ...