Skip to main content

ข่าวใหญ่ เรื่องเล็ก ข่าวเล็ก เรื่องใหญ่

คอลัมน์/ชุมชน

ช่วงที่ผ่านมา คนไทยจำนวนไม่น้อยลุ้นระทึกกับข่าวการตัดสินพิพากษาว่า สองพรรคใหญ่ คือประชาธิปัตย์และไทยรักไทยจะถูกยุบพรรคหรือไม่ ขณะเดียวกันเราก็เห็นอีกข่าวหนึ่งที่ฮือฮามากๆ นั่นก็คือ นักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังไปมีเรื่องทำร้ายร่างกายตำรวจ และพ่วงไปกับสองนางแบบดังตบตีกับไฮโซสาว โดยมีนักการเมืองคนนี้เข้าไปร่วมอยู่ด้วย ข่าวก็เลยยิ่งดังกระฉ่อนขึ้นไปอีก และสังคมให้ความสนใจอย่างยิ่ง


มองข่าวทั้งสองแล้วอยากจะพิจารณาดูว่า การให้ความสำคัญของข่าวหรือที่เรียกว่าข่าวใหญ่หรือข่าวเล็กนั้นควรจะเป็นอย่างไร แล้วในความเป็นจริงแล้วข่าวใหญ่หรือข่าวเล็กกันแน่ที่ส่งผลกระทบกับชีวิตคนมากกว่ากัน???


ในกรณีข่าวการยุบพรรคนั้นเนื่องจากเป็นพรรคการเมืองใหญ่ทั้งคู่และอีกพรรคหนึ่งก็มีประวัติศาสตร์อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน หากถูกยุบพรรคก็ย่อมมีผลกระทบต่อการดำเนินต่อไปของการเมืองในระดับประเทศกันทีเดียว ดังนั้นจึงเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สื่อข่าวให้ความสำคัญและจัดให้ข่าวนี้เป็นข่าวใหญ่


ขณะเดียวกันกรณีข่าวที่นักการเมืองท้องถิ่นไปมีอวดอ้างบารมีและถึงขั้นทำร้ายตำรวจชั้นประทวน หากมองในเชิงอำนาจ เชิงอิทธิพลก็อาจถูกจัดให้เป็นข่าวสำคัญได้ เพราะในกรณีการทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้น ผลการการดำเนินคดีที่จะออกมาย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทยแน่ๆ การที่สื่อให้ความสำคัญจึงนับว่าเป็นเรื่องที่ควร


แต่กรณีที่สองนางแบบถูกกล่าวหาว่ารุมทำร้ายไฮโซสาวนั้นหากไม่ได้พ่วงเอากรณีที่นักการเมืองหนุ่มเข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วยแล้วก็สามารถมองได้ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว และการให้ความสำคัญของข่าวก็ควรถูกจัดให้เป็นข่าวเล็ก เพราะไม่ได้มีผลกระทบกับใครเลยนอกจากคนสองคนนั้น แต่ว่าพอดีทั้งสองคนนั้นเป็นคนดัง และมีตัวละครคือนักการเมืองหนุ่มที่เพิ่งมีข่าวฉาวโผล่เข้ามาว่าอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย รวมทั้งในข่าวการทำร้ายตำรวจก็มีนางแบบร่วมอยู่ในที่นั้นด้วย เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจอย่างมาก จึงกลายเป็นว่าเป็นได้ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ และโดยแนวทางธุรกิจสื่อทุกวันนี้ก็เชื่อว่าเรื่องนี้ขายได้จึงต้องโหมให้เป็นข่าวใหญ่


อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่งคือกรณีของบุคคลที่ปรากฏอยู่ในข่าวนั้นไม่ว่าจะในข่าวใหญ่หรือข่าวเล็ก บุคคลเหล่านั้นมักจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องใหญ่กับชีวิตของคนที่เป็นข่าวแน่ๆ แต่ในบางกรณีนั้น ข่าวที่ผู้สื่อข่าวมองว่าเป็นข่าวเล็กๆได้ลงในหนังสือพิมพ์เพียงไม่เกินสองนิ้วนั้นกลับส่งผลสะเทือนให้กับผู้เกี่ยวข้องอย่างมาก


มีตัวอย่างที่เพิ่งพบมาเมื่อไม่นานนี้ ที่จังหวัดท่องเที่ยวแห่งหนึ่ง เนื่องจากช่วงนี้เป็นหน้าฝนยุงเยอะ ทางจังหวัดจึงรณรงค์เต็มที่ในเรื่องของไข้เลือดออก มีการกำชับกำชาให้เอกซเรย์ทุกพื้นที่และห้ามปล่อยให้มีการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกโดยเด็ดขาด ด้วยเกรงว่าจะเป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดหากมีรายงานว่ามีการเสียชีวิตจากไข้เลือดออกเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกพื้นที่ของจังหวัดแห่งนั้นจึงระดมกำลังเต็มที่ในการต่อต้านยุงลาย


ปรากฏว่าวันหนึ่ง หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในกรุงเทพฯ มีข่าวในคอลัมน์เล็กๆ ว่า มีผู้เสียชีวิตจากไข้เลือดออกที่อยู่ในจังหวัดนี้แล้ว 2 ราย ข่าวเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ขนาดไม่เกินสองนิ้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากของจังหวัดนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งในขณะนั้น สาธารณสุขจังหวัดท่านนั้นก็เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่จังหวัดนั้นได้ไม่นาน


มีการสั่งตรวจสอบเต็มที่ว่าข่าวนี้มาจากไหนและอยู่ในเขตอำเภออะไร ซึ่งพบว่า มีผู้มารักษาอาการไข้เลือดออกจริงโดยมาจากประเทศเพื่อนบ้านและถูกส่งตัวกลับไปแล้ว และทางสาธารณสุขจังหวัดต้องไปชี้แจงต่อทางผู้ว่าราชการจังหวัด และอาจถึงขั้นต้องส่งหนังสือชี้แจงมายังกระทรวงต้นสังกัดอีกด้วย และเรียกหานักข่าวมาลงข่าวแก้ไขใหม่ว่าเรื่องที่ลงไปนั้นไม่ถูกต้อง ซึ่งก็ไม่แน่นักว่าข่าวนี้จะได้รับการแก้ไขเพราะพื้นที่ที่จัดสรรให้กับข่าวนี้นั้นก็เป็นเพียงข่าวเล็กๆ ที่ส่งไปจากนักข่าวท้องถิ่นเท่านั้น


ข่าวเล็กๆ ดังกล่าวนี้ กลับเป็นเรื่องใหญ่และส่งผลสะเทือนยิ่งต่อตัวคนทำงานที่รับผิดชอบในเรื่องนั้น รวมทั้งส่งผลกระทบไปถึงภาพลักษณ์ของจังหวัดด้วยที่กำลังเอาการท่องเที่ยวมาเป็นจุดขาย ทางผู้ว่าราชการนั้นเกรงว่านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นชาวต่างชาติจะลดลงหากมีข่าวว่ามีไข้เลือดออก


มีตัวอย่างคล้ายๆ กับข้างต้น คุณหมอท่านหนึ่งเล่าให้ฟังว่า เคยทำงานเป็นสาธารณสุขจังหวัดในภาคเหนือ มีผู้สื่อข่าวท้องถิ่นพยายามเข้ามาขอให้ลงโฆษณาหรืออะไรสักอย่าง ครั้นไม่ยอมก็ถูกนำไปเขียนถึงการปฏิบัติงานในทางเสื่อมเสีย ซึ่งแม้จะเป็นข่าวเล็กๆ ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นประจำจังหวัด แต่ก็ต้องมีการส่งหนังสือชี้แจงมาถึงกระทรวงต้นสังกัด


จากตัวอย่างดังกล่าวนี้เลยได้คิดว่า ในหลายๆ ครั้งที่ผู้สื่อข่าวละเลยที่จะหาข้อมูลให้รอบด้านและเพียงแต่แค่ให้มีข่าวได้ลงในหน้าหนังสือพิมพ์ แม้ว่าข่าวนั้นจะเป็นเพียงแค่ข่าวเล็กๆ เมื่อเทียบกับข่าวกระแสที่ทางส่วนกลางให้ความสำคัญ ทว่ากลับสร้างผลกระทบให้กับชีวิตคนๆ หนึ่งหรือหลายคนได้มาก ตรงกันข้ามกับข่าวใหญ่ที่ดูว่าจะสร้างผลกระทบในภาพรวมระดับประเทศ แต่ว่าในระดับปัจเจกแล้วผู้คนก็ไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนกับมันมากนัก


นอกจากนั้น จากเรื่องที่ว่าข่าวเล็กๆแต่กลับเป็นเรื่องใหญ่นั้นได้สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีว่าปลายปากกาของผู้สื่อข่าวนั้นทรงอิทธิพลแต่ไหน ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้สื่อข่าวไม่ควรให้ความสำคัญเฉพาะกับข่าวที่เป็น "ข่าวใหญ่"ตามลำดับความสำคัญของ "ธุรกิจข่าว"เท่านั้น แต่ควรที่จะมองให้รอบคอบถึงผลกระทบอันจะเกิดขึ้นตามมาของข่าวเล็กที่กลายเป็นเรื่องใหญ่ในระดับปัจเจกบุคคลด้วย