Skip to main content

คำอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๔๘













































































































































ผมมีเวลาสิบนาที ถ้าไม่เริ่มด้วยการชมรัฐบาลก็เสมือนหนึ่งเป็นกระบี่ได้น้ำใจ ไม่เห็นความดีของรัฐบาลเลย เพราะฉะนั้น สามนาทีแรกขอชมเชยรัฐบาลก่อน เพื่อให้ท่านมีกำลังใจ

 

ต้องขอชมว่ารัฐบาลได้บริหารประเทศมา ๓ ปีกว่า ได้ใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นผลสำเร็จ

 

จะเห็นว่าปีหน้าเราจึงเห็นงบประมาณสมดุลได้เร็วกว่ากำหนด และปีหน้าเราคงจะได้เห็นงบประมาณเกินดุล ซึ่งมีไม่กี่ประเทศในโลกที่ทำได้

 

เรื่องตัวอย่างการใช้งบกลางที่ขอชมว่าใช้ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะสม และทันเวลา คือการที่ท่านนายกฯ ใช้งบกลางตั้งบริษัท ร่วมทุนสามประเทศ จำนวน ๒.๕ ล้านเหรียญ หรือ ๘๘ ล้านบาท

 

มีกรณีตัวอย่างในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาราคายางพาราในตลาดโลก ลดลงเหลือเพียงกิโลกรัมละ ๔๔ บาท ก็มีการใช้งบประมาณตั้งบริษัทร่วมทุนสามประเทศอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ราคายางขยับเป็น ๔๖ บาทแล้ว

 

ผมต้องถือว่ารัฐบาลเก่ง ท่านนายกฯ มีวิสัยทัศน์ที่ใช้งบประมาณอย่างฉลาดเหมาะสม

 

ตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จในการใช้งบประมาณน้อย แต่คุ้มค่า คือกระทรวงไอซีทีได้ทำให้ราคาค่าโทรศัพท์ทางไกลขณะนี้เหลือนาทีละ ๗ บาท โทรในเมืองไทยถูกกว่าหลาย ๆ ประเทศ

 

แม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือ ในเมืองไทยรับไม่ต้องเสียสตางค์ ในเมืองนอก ที่อเมริกาผู้รับยังต้องเสียค่าโทรศัพท์เลย สิงคโปร์ มาเลเซีย เคยดูถูกไทยว่าจะไม่สามารถทำอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงให้ถูกได้ ไม่สามารถให้บริการในเรื่องของไอทีราคาถูกกว่าต่างประเทศได้

 

ปัจจุบัน เราเป็นประเทศที่ได้พัฒนาเรื่องเทคโนโลยีทันสมัย ราคาไม่แพงติดอันดับ เราเป็นผู้นำในด้านโปรแกรมซอฟแวร์วินโดว์ราคาไม่กี่พันบาท บิลเกตต์ มหาเศรษฐีโลกยังยอมรับ

 

ผมต้องชมรัฐมนตรีหลายคนที่พยายามทำผลงานได้ดี เสียดายเวลามีแค่สิบนาที ถ้าชมมากเดี๋ยวจะหาว่าผมรับจ๊อบมาเชียร์

 

คราวนี้เรื่องของด้านลบที่ผมเห็นและอยากให้ปรับปรุง เพื่อให้ท่านเปลี่ยนแปลง วันนี้ท่านนายกฯ มาก็จะได้เตือนให้ฟังเพื่อให้ได้ข้อมูลจริง เพราะบางครั้งธรรมเนียมไทยไม่ค่อยบอกความจริงแก่เจ้านายเกรงใจเจ้านาย

 

แต่ ส.ว.ไม่ใช่ลูกน้องของท่านนายกฯ แต่เป็นลูกน้องของประชาชนจึงต้องพูดความจริงเพราะประชาชนเลือกเราให้มาพูดในสภา

 

คราวนี้เป็นภาพลบ ที่รัฐบาลต้องฟัง และคิดใหม่ทำใหม่

 

เรื่องของรัฐวิสาหกิจ ปรากฏว่ารัฐวิสาหกิจที่เราแปรรูปไป แต่หน่วยงานเหล่านี้กำลังใช้อำนาจการผูกขาดเป็นการหารายได้

 
เช่น การท่าอากาศยาน ขณะนี้กำลังพิจารณาขึ้นค่าแลนดิ้งฟี และพาร์คกิ้งฟี ค่าจอดและค่าใช้ลานจอดเครื่องบินกำลังจะแพงกว่าสิงคโปร์แล้วครับ ขณะนี้สายการบินบางสายได้ย้ายสำนักงานไปอยู่สิงคโปร์ เพราะไม่แน่ใจในนโยบายของรัฐบาล ต้องฝากว่า หน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ผูกขาดต้องตระหนักให้ดีว่าอย่าใช้ความผูกขาดไปหากิน
 

ผมเคยอภิปรายให้รัฐบาลไปดูเรื่องของการคิดค่าผ่านท่อของ ปตท. ที่คิดราคาค่าผ่านท่อแพงเกินไป ให้ราคาก๊าชแพงไม่เป็นสากล ราคาหุ้น ปตท. ที่ขาย ๓๕ บาทถือว่าถูกเกินไป เดี่ยวนี้เป็น ๑๐๐ กว่าบาทไปแล้ว

 

แล้วต่างชาติซื้อหุ้นไปในราคาถูกมาก ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงเหมือนที่อาฟริกาใต้ขายกิจการรัฐวิสาหกิจผูกขาดราคาถูกให้ต่างชาติ ตอนนี้ยังเป็นที่เสียอกเสียใจในประเทศเขา

 

ท่านประธานครับ ผมเป็นกรรมาธิการเศรษฐกิจ ได้สอบถามไปทาง กลต. แล้วว่า หุ้นของรัฐวิสาหกิจที่ขายในตลาดหลักทรัพย์ที่รัฐบาลบอกว่าต่างชาติซื้อนั้น ตรวจสอบไม่ได้ครับว่าเป็นต่างชาติจริงหรือปลอม ฉะนั้นรัฐบาลต้องระวังในการกระจายหุ้นให้มาก เพราะจะเป็นที่ครหาว่าเอื้อประโยชน์ให้พวก ในต่างประเทศ เช่นญี่ปุ่น เขาแปรรูปโดยค่อย ๆ ทยอยขายทีละห้าเปอร์เซ็นต์เท่านั้น

 

ประเด็นต่อมาเรื่องการใช้งบประมาณของงบกลาง ๕๐๐ ล้านตั้งบริษัทอีลิทการ์ด

 

ท่านประธานคงจำได้ว่าผมกระทู้ถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปรากฏว่ากรรมการบริษัทเขาให้สัมภาษณ์ว่า ผมรู้สึกเหนื่อยใจ และหมดใจกับคนที่ชอบปล่อยข่าว หรือนำเรื่องอีลิทมาเป็นเรื่องการเมือง ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าตาของประเทศ หากเป็นเรื่องทางด้านการทำงานหรือเป็นเรื่องมาร์เก็ตติ้งต่าง ๆ ผมยืนยันว่าไม่เคยท้อใจเลย แต่หากทำไปเพราะหวังผลทางการเมือง คิดว่าเป็นเรื่องไม่สมควร และเชื่อว่าถ้าทำดีไปเท่าใด แต่มีคนปล่อยข่าวในทางลบตลอดเวลาก็ทำให้อีลิทการ์ดเสียชื่อเสียง ซึ่งทำให้ประเทศชาติเสียหายไปด้วย

 

ผมต้องฝากท่านประธานผ่านไปยังท่านนายกฯ ท่านรมต. ว่า ผมไม่เคยหวังผลทางการเมือง ผมเป็น ส.ว.ไม่มีเบื้องหลัง

 

บริษัทอีลิทกำลังใช้งบประมาณของประเทศขั้นต้นห้าร้อยล้าน อย่างไม่มีการตรวจสอบ

 

พอถูกซักถามก็หาว่าเป็นเรื่องของการเมืองแทนที่จะรีบแก้ไขกลับไปหาว่าใครไปให้ข่าว บริษัทอีลิทกำลังทำความเสียหายให้กับประเทศ กำลังจะไปกู้เงิน ๕,๐๐๐ ล้านทำโครงการสร้างสนามกอล์ฟ สร้างโรงแรมชั้นหนึ่ง

 

กรรมการบริษัทให้ข่าวเอง ผมฝากข่าวให้ท่านประธานไว้เป็นหลักฐาน เขาจะเอาอุทยานแห่งชาติที่ภูเก็ตทำสนามกอล์ฟ เช่น ที่หาดในยาง เดิมเป็นค่ายลูกเสือ ปัจจุบันอุทยานฮุบค่ายลูกเสือของภูเก็ตไปแล้ว ตอนนี้ลูกเสือต้องไปเข้าค่ายที่ทับละมุ พังงาโน่น นี่บริษัทอีลิทเล่นจะมาเอาที่หลวงไปทำสนามกอล์ฟนั้น เลิกคิดได้เลยครับ

 

ท่านประธานจำชาร์ทนี้ได้ไหม ผมอภิปรายรัฐบาลตั้งแต่ปีแรกของการบริหารของรัฐบาลว่า ททท. กำลังคิดนโยบายผูกขาดการท่องเที่ยว มีบริษัทการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ปรากฏว่าหลังอภิปรายรัฐบาลก็ไม่เอาด้วยกับโครงการนี้

 

ตอนนี้บริษัทอีลิทเอาอีก นักท่องเที่ยวที่มีบัตรนี้มีสิทธิพิเศษ ใครจะซื้อที่ดินในประเทศไทยต้องซื้อผ่านบริษัทนี้ครับ ผมเรียนท่านประธานว่ามีบริษัทเอเย่นต์บางราย เขาให้บัตรอีลิทฟรีแก่ผู้มีอำนาจวาสนาในการอนุมัตินำเข้าต่าง ๆ ผมฝากให้ตรวจสอบด้วย

 

ขณะนี้อีลิทการ์ดกำลังจะกลายเป็นคอรัปชั่นการ์ดไปแล้ว เขากำลังตรวจสอบว่าเอาเงินจากไหนไปซื้อ

 

ถ้าโครงการอีลิทการ์ดนี้ไม่สำเร็จ หนี้ที่กู้มาทำโครงการที่กะว่าจะกู้ ๕,๐๐๐ ล้านนั้นก็เสียไป รัฐบาลก็ต้องตั้งงบประมาณมาชดใช้ ไม่มีประเทศไหนที่ขายบ ัตรสมาชิกเพียงหนึ่งล้านบาทแล้วให้เล่นกอล์ฟฟรีทั่วประเทศ

 

ขอฝากท่านประธานผ่านไปยังท่านนายกฯ ว่าเลิกเสียเถิดครับก่อนที่ประเทศจะเสียหายยิ่งกว่านี้

 

ที่ภูเก็ต ผมถามเจ้าของสนามกอล์ฟที่เพิ่งเปิดใหม่ว่า ทำไมไม่ขายเมมเบอร์ เขาบอกว่าไม่อยากจะเป็นข้อผูกมัด เพราะไม่สามารถรักษาสัญญาได้

 

ท่านประธานจำได้ไหมว่า ผมอภิปรายเตือนท่านนายกฯ ว่าระวังคนข้างเคียง เขาจะทำให้ท่านเป็นเผด็จการ ธุรกิจต่าง ๆ จะถูกผูกขาด

 

วันนี้ผมก็ยิ่งต้องเตือนท่านนายกฯ ว่า ตอนนี้ต้องระวังใจของท่านนะครับ ต้องทบทวน ต้องนิ่ง อย่าหลงอำนาจ อย่าไปเชื่อคำยกยอ ต้องฟังให้มาก พูดให้น้อย

 

ผมไม่ใช่คนรู้ทัน ผมไม่ใช่ขาประจำ แต่ขออภิปราย ผมเคยเตือนท่านและรมต.ไว้ว่า
มหาตะมะคานธีบอกว่า ในโลกนี้มีทรัพยากรมากมายที่ใช้ได้เพียงพอสำหรับคนทั้งโลก แต่ไม่เพียงพอสำหรับคนที่ไม่รู้จักพอเพียงแม้คนเดียว

 

วันนี้ผมขอสรุปด้วยคำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ ที่สอนไว้ให้นักการเมืองรู้จักธรรมะว่า
ธรรมะกับการเมืองเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ได้ แยกกันเมื่อไรการเมืองก็กลายเป็นเรื่องทำลายโลกขึ้นมาทันที
การเมืองที่แท้จริงสำหรับมนุษย์ต้องตั้งอยู่บนรากฐานสำหรับศาสนาทุกศาสนาที่มีอยู่ว่า
สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งสิ้น
นักการเมืองที่มีธรรมะข้อนี้อยู่ในใจ ย่อมเป็นนักการเมืองของพระเจ้า จนกลายเป็นปูชนียบุคคล

 

ขอภาวนาให้รมต.ทุกคน เป็นนักการเมืองเช่นนี้ในเมืองไทย เป็นผู้ที่รู้จักพอ รู้จักช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยทำงานเพื่อบ้านเมืองด้วยครับ