Skip to main content

แม่หญิงคนงาม


ก่อนฟ้ามืด

แม่หญิงเอย
แม่หญิงคนงามแห่งมาตุคามของข้า
แม่ดอกไม้สีฟ้าจากท้องทุ่งในหุบเขาสีทอง
อย่าคิดอะไรให้มากไปเลย
ในสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจลงมือทำไปแล้ว
และไม่อาจแก้ไขอะไรได้
เหมือนบ้านที่ถูกไฟไหม้วอดวายไปหมดแล้ว
คงเหลือแต่เถ้าถ่านและซากปรักหักพัง


คนดี
อย่าเป็นทุกข์กับมันให้มากไปเลย
มันเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต
ที่ใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ผิดพลาดได้ด้วยกันทั้งนั้น
เพราะการดิ้นรนต่อสู้ชีวิตเพื่อการอยู่รอดของคนเรา
คือการเลือกและตัดสินใจ
ลงมือทำอะไรสักอย่างหนึ่งอยู่เสมอ
ตั้งแต่เรื่องที่ผู้คนถือกันว่า
เป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ จิ๊บจ้อยเพียงแค่ธุลีดิน
ไปจนถึงเรื่องที่ใหญ่โตปานประหนึ่งขุนเขา
แล้วใครเล่า
แล้วใครเลย
จักมิเคยทำความผิดพลาด
แม้เพียงสักครั้งในชีวิต
นอกจากคนตายเท่านั้น


ใช่หรือมิใช่
และย่อมเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตอีกเช่นกัน
เมื่อเธอคิดและตัดสินใจผิดพลาด
ลงมือทำสิ่งที่ผู้คนถือกันว่า
เป็นเรื่องต้องห้าม
เป็นเรื่องคอขาดบาดตายที่ผู้หญิงไม่ควรทำ
เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่
ไม่ว่าเธอหรือผู้หญิงไหน
ย่อมได้รับการติฉินนินทาและถูกตำหนิติเตียน
จากผู้ที่เคร่งครัดและตั้งตนอยู่ในกรอบศีลธรรมอันดีงาม
และย่อมถูกเหยียบย่ำซ้ำเติมถูกใส่ร้ายป้ายสี
จากคนที่เขาไม่ชอบเธอเป็นการส่วนตัว
ที่เฝ้ารอโอกาสนี้มานานแล้ว
และเป็นธรรมดาอีกเช่นกัน
ที่ผู้คนทั้งหลาย
ย่อมต่างไม่มีใครปรารถนาอยากจะเข้าใกล้เธอ
เพราะคนที่กำลังประสบกับเคราะห์กรรม
เนื่องจากถูกสังคมตัดสินว่า
เป็นผู้กระทำผิดทางจริยธรรมอันดีงาม
ทำให้ศีลธรรมต้องเสื่อมเสีย
ย่อมมีชะตากรรมชีวิตอยู่ในสังคม
เช่นเดียวกับคนที่ล้มเหลวชีวิตในทางโลก
นั่นคือ
ไม่มีใครเขาอยากนับเป็นญาติสนิทมิตรสหาย
เป็นธรรมดาของโลกที่ต้องเป็นเช่นนี้
มาแต่ไหนแต่ไร



ทุ่งนายาวเช้า


แม่หญิงคนงาม
เธอไม่รู้จักความจริงของชีวิต
ที่เรียกกันว่าเป็นธรรมดาของโลกดอกหรือ
ธรรมดาของโลกที่ศาสดาของเรามองเห็นและตรัสเอาไว้ว่า
เป็นธรรมดาของโลก
ในยามที่คนเรามีลาภ ยศ สรรเสริญ และความสุข
เราย่อมถูกห้อมล้อมด้วยผู้คน
ที่พากันแห่แหนเข้ามา
แสดงความจงรักภักดีและสมัครรักใคร่
ขอเป็นญาติสนิทมิตรสหาย เป็นพี่ ป้า น้า อา และบริวาร
เหมือนฝูงนกกาพากันบินหลั่งไหล
ไปอาศัยอยู่ตามร่มเงาและกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่
ที่อุดมไปดอกและผลอันสุกงอมหอมหวาน
แต่เมื่อถึงคราวที่คนเรา
เสื่อมสิ้นจากสิ่งเหล่านี้
ดังที่เธอกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
ผู้คนย่อมพากันตีตัวจากไปเป็นธรรมดา
และย่อมไม่มีใครปรารถนาอยากเข้าใกล้
เหมือนต้นไม้ตายซากที่ยืนต้นชูกิ่งก้านเปลือยเปล่า
ย่อมไม่เป็นที่ปรารถนาของนกกาใด ๆ


ใช่หรือมิใช่
ในยามที่ชีวิตต้องเป็นเช่นนี้
แม้แต่คนที่รักเธอมากที่สุด
ก็ยังมาตีตัวเหินห่างจากเธอไป
ในขณะที่เธอต้องการใครสักคนหนึ่ง
มายืนอยู่เคียงข้างเธอในยามนี้เป็นที่สุด
แต่ก็ไม่มีใครเขาอยากเข้าใกล้เธอ
เพราะเมื่อถึงที่สุดอย่างถึงที่สุดของชีวิตแล้ว
คนเราทุกคนย่อมรักตัวเองยิ่งกว่าใคร ๆ และเลือกตัวเองเอาไว้ก่อน
จึงไม่มีใครเขาอยากเข้าไปอยู่ใกล้เธอ
เพราะพวกเขากลัวว่าตัวเองจะพลอยมัวหมอง
เสื่อมเสียชื่อเสียงไปกับเธอด้วย



แม่หญิงคนงาม
ฟังนะ
ขอได้โปรด
ข้าขออ้อนวอน…
อย่าเพิ่งด่วนตัดรอนเข้าใจผิด
คิดว่าถ้อยคำทั้งหมดนี้เป็นคำเทศนาที่น่าเบื่อ
หรือเป็นถ้อยคำสวยหรูของกวีที่นั่งอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน
ไม่เลย...
นี่เป็นเพียงคำบอกเล่า
ความจริงของโลกและชีวิตที่ต้องเป็นเช่นนี้
จากคนเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ สามัญคนหนึ่ง
ที่ชีวิตมีแต่ความผิดพลาดมานับครั้งไม่ถ้วน
อยากจะบอกเธอ
เพราะมีความเชื่อมั่นว่า
เพียงเธอเข้าใจความจริงของชีวิตที่ต้องเป็นเช่นนี้
เธอย่อมสามารถที่จะสลัดตัวเองออกมาเป็นอิสระ
ออกมายืนอยู่เหนืออำนาจการครอบงำของมัน
ทั้งด้านบวกและด้านลบ
ที่เราชอบไปยึดมั่นถือมั่น
เอาชีวิตไปผูกติดเป็นทาสมัน
และเป็นอย่างที่เธอควรจะเป็นอยู่ในโลก
อย่างคนที่รู้เท่าทันความเป็นจริง
ตามความเป็นจริงของโลกและชีวิต
ที่ต้องเป็นเช่นนี้และต้องเป็นเช่นนั้น
เพื่อเราจะไม่ได้หลงเวียนว่าย
เป็นทุกข์เป็นสุขอยู่กับมันไม่รู้จักจบสิ้น
เมื่อถึงคราวที่ชีวิตต้องวิบัติหรือรุ่งเรือง


แม่หญิงเอย
แม่หญิงคนงามแห่งมาตุคามของข้า
แม่ดอกไม้สีฟ้าจากท้องทุ่งในหุบเขาสีทอง
ขอให้เธอจงเติบโตและแข็งแรงในการเกิดใหม่
จากความผิดพลาดของชีวิตครั้งนี้ด้วยเถิด
แล้วอย่าเผลอไปทำความผิดเช่นนี้อีกนะ
เพราะโลกที่เต็มไปด้วยอคตินี้...
มักจะมีดินแดนแห่งการให้อภัยชั่วนิรันดร์
ไว้ให้เฉพาะแก่คนที่มีอำนาจและร่ำรวยมั่งคั่งเท่านั้น
ระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี
คนจนทำอะไร…
มักจะมีแต่ความผิดและน่าเกลียด.



28 พฤษภาคม 2550
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่



** ภาพประกอบโดย "หลานดี้"