Skip to main content

หัวใจหล่นบนฝั่งปิง

คอลัมน์/ชุมชน

ในขณะที่เดินทางไปถึงท่าเรือเล็กๆ ริมฝั่งปิง บทเพลงที่เด็กๆ ชอบร้องก็ดังแว่วเข้ารูหูทุกคนที่กำลังลงจากรถแดง "ขะเจ้าเป็นสาวเจียงใหม่..." ผมยี้มให้กับตัวเอง พร้อมนึกในใจ เอ...เพลงนี้เราเคยได้ยินเด็กๆร้องกันบ่อยมาก ผมทอดสายตาแนบไปตรงริมฝั่งปิง เห็นหนุ่มคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามาทักกับแมว เธอเป็นหัวหน้าทีมงานพวกเรา จาก 6 ประเทศในลุ่มแม่น้ำโขง ผมเดินตรงไปที่ริมฝั่ง แมวจ้องมาที่ผมแล้วพูด


"อ้ายแสง เป็นคนลาว มาจากประเทศลาวด้วย...อ้ายแสงน้องเขาเป็นคนลาว แต่ไม่ใช่อยู่ประเทศลาว..."
"ผมรู้แล้วว่าแมวอยากพูดอะไร...เธอพูดไปเถอะจะได้มีความสุขกะเขาบ้าง..."


แล้วทุกคนก็หัวเราะกัน น้องคนนั้นหันหน้ามามองผมแล้วยี้ม พร้อมคำพูดเป็นสำเนียงเสียงอีสาน ของคนเมืองอุดรฯ แต่คำพูดที่เขาพูดนั้นต่างจากผมตรงที่ลงท้ายด้วยคำที่ว่า "ครับ" นอกนี้เหมือนภาษาที่ผมพูดทุกคำเลยไม่มีเพี้ยน


"สบายดี บ่อ้าย อ้ายมาจากเวียงจันทน์แม่นบ่ครับ?"
"เจ้า ! แม่นแล้ว"


แล้วทั้งหมดก็ลงเรือ เรือวิ่งเลียบตามริมฝั่งปิง นำทุกคนเคลื่อนตัวไปช้าๆ บนสองฝั่งแม่ปิงคงความสวยงามตามธรรมชาติ สองริมฝั่งคงให้เห็นบ้านเรือนแบบดั้งเดิม แมว หัวหน้าทีมงานอธิบายให้กับน้องที่เดินทางด้วยกันอย่างมี ความสุขใจเพราะดูเธอยี้มไม่จางแม้แต่วินาทีเดียวเลยแหละ


สองฝั่งแม่ปิงมีเรือนบ้านแบบโบราณๆ ให้เห็น ดูแล้วสวยงามมาก แต่สิ่งที่แตกต่างจากธรรมชาตินั้นก็คือ เราๆ จะมองเห็นว่าตลิ่งสองฟากฝั่งถูกเฉาะเฉือนลงทีละเล็กทีละน้อย พอถึงหน้าฝนน้ำจะล้นฝั่งท่วมบ้านเรือนสองฝั่งปิง




ในขณะที่เรากำลังเดินทางด้วยเรือเคลื่อนตัวขึ้นไปตามฝั่งแม่ปิง ครานี้เป็นหน้าฝนจึงทำให้มองเห็นน้ำแม่ปิงดูไม่สดใสเท่าไรนัก หากว่าแม่ปิงสดใสเหมือนหน้าหนาวคงเป็นสุขแน่แท้ เมื่อความสวยงามตามแบบโบราณของบ้านเรือนบวกกับความสดใสของแม่น้ำ



กว่าจะถึงที่หมายปลายทางก็เป็นเวลาบ่ายสามโมง ลงเรือเดินขื้นบนตลิ่งริมฝั่งแม่ปิง สวนทางหญิงสาวคนหนึ่ง เดินตรงมาทักทาย ภาษาที่ทักทายบอกให้รู้ว่า เธอเป็นคนในท้องที่บนดินแดนที่ราบสูงแห่งเชียงใหม่โดยแท้ ถึงตอนนี้ผมจึงรู้ว่าใครเป็นคนเมืองที่แท้จริงและได้เรียนรู้ความเป็นชาวเชียงใหม่อย่างหน้าภาคภูมิจริงๆ เพราะมีความแตกต่างจากแห่งอื่นๆ ในเชียงใหม่ที่ผมไปเที่ยวแต่กลับไม่ได้ยินเสียงอู้กำเมืองแม้แต่คำเดียวเลย แม้ว่าที่ ๆ นั้นเป็นแผ่นดินเมืองเชียงใหม่ก็ตามที


เธอทักทายสบายดีตามรูปแบบของคนเมือง สำเนียงเสียงภาษาที่พูดเป็นคนเมืองล้วนๆ อย่างหน้าภูมิใจแต๊ๆ เจ้า มองดูเธอพูดกับผมเหมือนว่าเธอรู้ใจผมเสียจริงๆ เธอไม่ได้พูดภาษากลางเลยแม้แต่คำเดียว เธอพูดไปหัวเราะไป บางเวลาก็หันกลับมายี้มบ้าง ส่วนมากผมไม่ได้สนใจกับเนื้อหาการอธิบายของเธอหรอก แต่ผมจะไปสนใจกับสำเนียงเสียงพูดของเธอเสียมากกว่า การเอ่ยคำที่ลงท้าย "เจ้า ๆ" ของเธอช่างน่ารักเสียเลยเกิน ทำเอาผมต้องนิ่งไปกลับเรือนร่างที่สวยงามและสำเนียงที่ออดอ้อนของเธอ


ผมพยายามเดินเร็วขื้นเผื่อตามเธอให้ทัน แล้วพูดกับเธอ "น้อง ๆ เวลามีแขกมาแอ่วน้องก็อู้กำเมืองบ่เจ้า?" เธอมองผมแล้วยี้ม ทำให้ผมมองเห็นรอยแก้มบ่องที่มีเสน่ห์น่ารัก แล้วพูดตอบกลับมา พร้อมกับหยุดเดิน "เจ้า น้องก็อู้กำเมืองกับทุกคนที่มาแอ่วเจ้า"


จริงๆ นะ ทว่าไปแอ่วเมืองเจียงใหม่ไม่ว่าไปที่ไหน ในดินแดนแห่งนี้ หากว่าได้ยินเสียงอู้กำเมืองอาจทำให้เราๆ รู้และเข้าใจได้ดีว่าภาษาเมืองของคนเมือง (อู้กำเมือง) เราๆ ก็รู้เลยว่าอยากฟังอู้กำเมืองต้องไปที่เชียงใหม่ อยากฟังคนอุดรพูดก็ไปที่อุดร


สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดนั้น อยู่ที่ประเทศลาวคงมีให้พบเจอ.