Skip to main content

ลาว...การเดินทางด้วยก้าวที่นิ่งงัน

คอลัมน์/ชุมชน

บ่อยครั้ง ที่หยั่งเท้าลงสู่ผืนดินแปลกหน้าเช่นคนเดินทาง ประสาทสัมผัสจะทำงานเต็มที่ แต่ก็ยังคงความรู้สึกพร่าเบลอเลื่อนลอย เหมือนเดินอยู่ในห้วงฝัน ฉันจึงเคยชินกับการเดินทางและเสพอารมณ์เช่นนั้น แต่วันนี้ เส้นทางเดินที่ย่ำเท้าไป กลับคุ้นเคย ตอกย้ำให้รู้สึกเหมือนยังหยัดเท้านิ่งงันอยู่กับที่


บนถนนสายหลักจากสุวรรณเขตสู่ปากเซ บนรถเมล์เที่ยวบ่าย ที่ฉันกระโดดขึ้นไปทันในนาทีสุดท้าย โชคดีที่ได้นั่งหน้าสุด ทิวทัศน์และเรื่องราวต่างๆจึงหลั่งไหลเข้ามาราวกับสายน้ำเชี่ยว จนตาตื่น ใจเต้นอยู่ตูมตาม


ฉากแรก...พื้นถนนลาดยางสองเลนสวนทาง รถขนาดบรรจุคนได้กว่าหกสิบชีวิต ถูกควบคุมทิศทางและความเร็วโดยคนหนุ่มวัยใส ที่ปราดเปรียวทั้งฝีปากและลีลาหมุนพวงมาลัย เคียงข้างด้วยสาวน้อยแก้มอิ่มแต่งกายรัดกุมในเสื้อยืดกางเกงยีนส์ มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคู่สามีภรรยาที่ร่วมทำมาหากิน เธอยืนอยู่ตรงหน้าฉันใกล้ประตูหน้าของรถ คอยปิดเปิดประตูและถามไถ่เก็บเงินคนที่ขึ้นมาใหม่



ความประทับใจในความเป็นรถเมล์ลาว ยังไม่เปลี่ยนแปลง ฉันเคยหลงรักบรรยากาศการตะโกนคุยดังขรมของผู้โดยสาร ไม่ว่าจะรู้จักกันหรือแปลกหน้า เมื่อราวสิบปีที่แล้ว วันนี้บรรยากาศนั้นยังคงอยู่ แม้ว่าคนวัยสาวหลายคนที่แต่งกายแตกต่างจากวิถีเดิม ถึงขั้นเรียกได้ว่าทันสมัยเปรี้ยวจี๊ด ชอบที่จะเกาะกลุ่มคุยจุ๊กจิ๊กในเรื่องของตัวเอง และบางคนพูดคุยกับโทรศัพท์เจื้อยแจ้ว แต่พอถึงคราวที่หนุ่มสารถีจอดรถกึก พลางบอกว่า "ลงไปหาบ่อน...ปลดทุกข์" กันได้แล้ว ซึ่งหมายถึงป่าละเมาะข้างทาง ตอนนั้นเธอทั้งหลายต่างหัวเราะกิ๊วก๊าว วิ่งแข่งกันไปในสุมทุมพุ่มไม้ เดินกลับมาหน้าตาระรื่น วงคุยแบบฮาเฮจึงขยายกว้างออกไป


สิ่งเดียวที่ไม่แตกต่างกันระหว่างหญิงสาวกับหญิงสูงวัย คือเธอรักที่จะตกแต่งเล็บมือเล็บเท้าให้มีสีสัน.....อืม ฉันแปลกใจว่าทำไมจึงชอบกันจัง


อีกครั้ง ที่หนุ่มนักเหยียบจอดรถตามคำขอของแม่ใหญ่ที่นั่งข้างๆ ฉัน เมื่อเราผ่านชุมชนหนึ่ง ที่มีผู้คนจอแจอยู่ริมถนน และมีเสียงดังเปรี้ยงสนั่นฟ้า บางอย่างทะยานพุ่งขึ้นไป แม่ใหญ่บอกว่า เป็นงานบุญบั้งไฟ และนั่นคือบั้งไฟหมื่น เป็นบุญของฉันด้วยที่ได้เห็นบั้งไฟลาว ท่าทางจะสนุกสนานกันน่าดู แต่ชั่วแค่แป๊บเดียวเขาก็กระชากรถจากมา พลางบ่นพึมว่า "นึกว่าจะได้ดูบั้งไฟแสน"


ตลอดเวลากว่าหกชั่วโมง ที่ฉันลังเลว่าจะเลือกปลายทางลงที่ปากเซตามราคาตั๋วที่ซื้อไว้ หรือจะเลยไปถึงสาละวันดี แต่เพราะกลัวว่าจะมืดค่ำก่อนถึงที่หมาย จึงตัดสินใจลงที่ปากเซ เดินลากขามองหาที่พัก วิธีการหาที่พักที่ง่ายที่สุดในการเดินทางที่ไม่มีคู่มือการเดินทางสักหน้าเดียวเป็นเข็มทิศให้ คือเดินตามหลังฝรั่งแบกเป้ไป เป็นการดีที่สุด เชื่อเหอะ...พวกเขาเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะหาข้อมูลมาแล้วอย่างครบถ้วน ที่พักมักจะไม่แพง หรืออาจแพงไปบ้างแต่การบริการมักจะดี (อย่างน้อยก็มีมิตรจิตมิตรใจ) และที่สำคัญมักจะสงบเงียบ



ในที่สุด..ที่พักที่ว่าก็ใช่จริงๆ คืนนั้น ฉันหลับสบายท่ามกลางเสียงเห่กล่อมของสายฝนที่พร่างสายกระทบหลังคาสังกะสีกรูกราว และถูกปลุกให้ตื่นเช้าด้วยเสียงพึมพำของคนข้างบ้าน พร้อมกลิ่นอาหาร กลิ่นหอมควันฟืนที่โชยเข้ามา


นี่ไง...รอยทางที่คงเดิม
ตื่นเถอะ...กาแฟสดกลิ่นหอมกรุ่น กำลังรออยู่ที่ไหนสักแห่งในเมืองนี้