Skip to main content

บัวสีเทา : เรื่องเล่าขนาดสั้นของวันคืนที่ผ่านมา

คอลัมน์/ชุมชน

หิ่งห้อยบินส่องแสงไปมาใต้ต้นคาและต้นลำพูแถวๆ ทุ่งนาแถวบ้านสลับกับเสียงร้องของฝูงกบเขียดที่เป็นจังหวะเสนาะหู ลมเย็นเบาๆ พัดผ่านเรือนกายที่ยืนแน่นิ่งสดับรับฟังเสียงมวลสัตว์ทั่วบริเวณ ต้นไม้ใหญ่น้อยสูงต่ำระรานตา ตั้งตระหง่านทั่วทิวภู เป็นฉากหลังที่ประกอบกันเข้ากับบรรยากาศชานบ้านชนบทอย่างลงตัว

ผมจำได้ว่าภาพที่ว่ามาข้างต้น มีความคล้ายที่แตกต่างอยู่บ้างกับแสงสีของแสงไฟ สีต่างๆ ที่สลับไปมา แวบๆ เสียงดีเจเปิดเพลง บรรเลงในจังหวะต่างๆ ทำให้ไม่สามารถจะยืนนิ่งทื่อได้ แต่ต้องโยกย้ายส่ายไปตามบทเพลงที่เป็นจังหวะ บ้างสลับเสียงเพลงจากวงดนตรี เสียงเบส เสียงกลาง ดังเข้าไปในใจ ตึกๆ น้ำเมามากน้อยค่อยๆ ทยอยเข้าปากทีละนิด ทีละน้อย ฝูงชนมากหน้าหลายตารายล้อมกันไปทั่วบริเวณ ชาย หญิง วัยรุ่น ผู้ใหญ่ คละกันไป


อยู่ในผับ เธค แล้วผมมักนึกถึงช่วงเวลาในท้องทุ่ง ที่เคยอยู่เคยเนา ตอนเป็นเด็ก การไปทุ่งนาเป็นเรื่องที่เด็กๆ ตามชนบทมักจะไปเที่ยวกัน ผมจำได้ดีว่า ตอนกลางคืน ผมกับเพื่อนๆ จะมีไฟฉายและค้องเก่าๆใบเล็ก เป็นอาวุธสำหรับแต่ละคน บ้างมีสุ่ม บางมีหนังสติ๊ก เอาไว้จับเขียด จับกบ หรือยิงนก ยิงงู – ส่องไฟไปทางไหน เห็นตาใสๆ เราก็รี่เข้าไปจับเขียด จับกบ ยัดใส่ค้อง มาให้แม่หักขาแล้วทำเป็นอาหารตอนเช้า คืนไหนส่องเจอนกก็ยิงเอามากิน


แต่พอโตขึ้น ผมก็ไม่ค่อยได้ไปทุ่งนา เพราะไม่มีเพื่อนไปด้วย และไม่อยากไปบ้าง คือเริ่มรู้สึกว่าที่นามีความยากลำบากที่จะเดินเล่น ผมจึงถวิลหาแสงสีแบบในเมืองมากกว่า


ผมจำได้ตอนที่ยังอายุไม่ถึง 15 ปี อยากจะเที่ยวในผับมากๆ ตอนนั้นพี่ๆ ที่เที่ยวบ่อยๆ เป็นคนพาเข้า แสงสีมันยั่วตายวนใจให้เคลิ้มและเฮฮา เด็กชายวัยแตกหนุ่มอย่างผมก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่า จนแอบไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ


พอเรียนจบก็เริ่มทำงานที่เชียงใหม่ เริ่มเที่ยว เริ่มดื่ม และเริ่มมีความรัก ชีวิตในเมืองใหญ่นี้ ทำให้ผมเที่ยวอย่างต่อเนื่อง มีวาระเที่ยวได้ตลอด ทั้ง เครียด เหงา เพื่อนเลี้ยง งานวันเกิด ฯลฯ จนต้องขนาดตั้งปณิธานว่า ถึงฝนจะตก ตังค์ไม่มีข้าก็จะเที่ยว เลยก็ว่าได้


แสงสีในเมืองใหญ่ เหมือนชวนให้เคลิ้มไปกับมัน ผมพูดได้ตรงๆ เลยว่า ภาพเด็กบ้านนอกอยู่กับทุ่งกับนา หรือสวนไร่ ค่อนข้างจะหายไปทีละน้อย จนเกือบจะไม่ค่อยมี ตอนเด็กไปท้องทุ่งนาได้อย่างสนุก แต่ตอนนี้เวลาพ่อกับแม่ชวนก็ต้องคิดก่อนหลายตลบ


เมืองใหญ่ ชีวิตทันสมัย แบบคนเมือง เรียกได้ว่าที่เที่ยวในเชียงใหม่พอจะรู้จักและเคยไปมาเกือบทุกที่ ร้านกาแฟสดต่างๆ ก็ไปหาชิมลองหลายที่ – สรุปคือ นอกจากเวลากลางวันทำงานพัฒนาสังคมแล้ว กลางคืนผมก็ใช้ชีวิตเสมือนวัยรุ่นคนหนึ่ง กิน เที่ยว ตามประสา


หลายคนที่รู้จักมักคาดหวังเสมอว่าเด็กกิจกรรมต้องเป็นตัวอย่างที่ดี แต่สำหรับผมคงไม่ค่อยเป็นตัวอย่างที่ดีได้สักเท่าไหร่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าแบบไหนคือตัวอย่างที่ดี หรือตัวอย่างที่ไม่ดี


ผมเคยคิดนะครับ ว่าหากไม่ได้ทำกิจกรรม ผมก็คงไม่ต่างอะไรกับเด็กที่เลว ตามสายตาของสังคม แต่อาจเป็นเพราะผมมีหลาย "ตัวตน" ในตัวเอง ที่มีทั้งดี และไม่ดี ปะปนกัน


ผมไม่ค่อยเชื่อด้วยว่าคนเราจะมีแค่สีขาวกับสีดำ ผมว่าท้ายแล้วคนทุกคนไม่มีใครดีจริงหรือเลวหมด แต่ละคนก็เป็นคนสีเทาเท่านั้นเอง


ชีวิตที่ผมได้คลุกคลีกับเพื่อนๆ ที่เที่ยวกลางคืน กับการทำงาน ดูเหมือนจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่เอาเข้าจริงมันก็ไปด้วยกันได้ เพราะชีวิตกลางคืนของวัยรุ่นมักถูกมองว่าเป็นเรื่องวุ่นๆ ของสังคม ภาพที่คนมองเด็กที่เที่ยวกลางคืน เด็กที่ใช้ความรุนแรง คือตัวปัญหา แต่จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่เช่นนั้นเสียทีเดียว


ผมไม่อยากจะถกเถียงอะไรมากไปกว่าที่จะเสนอว่าภาพที่คนทั่วไปเห็นกับสิ่งที่เป็นไปของเด็กที่สังคมว่าไม่ดีนั้น บางทีอาจมีหลายแง่มุมให้เราได้เรียนรู้ ได้ศึกษา ได้ทำความเข้าใจอีกมาก มากกว่าที่จะตัดสินคนโดยผิวเผิน มากกว่าที่เห็นเขากว่าที่เป็นอยู่


แม้ว่าวันนี้ผมจะหยุดใช้ชีวิตเที่ยวกลางคืน และค่อยๆ หันหลังให้กับความเร็วของความเจริญเติบโตของสังคมใหญ่ ผมเพิ่งตัดสินใจย้ายตัวเองจากเชียงใหม่ ออกจากงานประจำ แล้วกลับไปอยู่ที่บ้าน – บ้านที่เป็นชนบท ดำเนินชีวิตแบบช้าๆ ง่ายๆ ทำงานเยาวชนเล็กๆ ที่บ้าน และให้ความสำคัญกับการอยู่กับตัวเอง อยู่นิ่งๆ และออกเดินทางไปที่ต่างๆ ตามแต่วาระจะเอื้ออำนวย


"บัวสีเทา: เรื่องเล่าขนาดสั้นของวันคืนที่ผ่านมา" เป็นข้อเขียน บันทึกถ้อยคำ เรื่องราวขนาดสั้นของความสัมพันธ์ขนาดยาวระหว่างผมกับเพื่อนๆ ที่สังคมอาจมองว่าเป็นคนไม่ดี ผ่านตัวตนของบัว – รุ่นพี่คนหนึ่ง, นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่าที่ได้รู้จักและใช้ชีวิตร่วมกันกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ


ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการได้เข้าถึงข้อมูลวิถีชีวิตต่างๆ ของเพื่อนๆ เกิดจากการสนับสนุนจากวิทยาลัยการจัดการทางสังคม (วจส.) ที่สนับสนุนเครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนบน ภายใต้โครงการการจัดการความรู้กลุ่มเด็กและเยาวชนที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มแก๊ง ให้ดำเนินการใช้ชีวิตร่วมกับเพื่อน เรียนรู้ ศึกษาชีวิตร่วมกัน


ขอให้เพื่อนๆ พี่ๆ ผู้อ่านทุกท่านมีความสุขกับการอ่านเรื่องราวนี้อย่างมีความสุข ปีติ สดชื่น และเบิกบานในหัวใจของความเป็นมนุษย์เสมอๆ กันนะครับ