Skip to main content

ความเห็นของดังตฤณ และ ติช นัท ฮันห์ ในเรื่องกรรมของคนรักเพศเดียวกัน

คอลัมน์/ชุมชน

 


ในศาสนาพุทธแบบบ้านเรานั้นมีความเชื่อที่สั่งสอนให้ได้ยินอยู่เสมอ ๆ ว่า เกิดเป็นหญิงนั้นด้อยกว่าชาย และที่ต้องเกิดเป็นหญิงนั้นก็เพราะชาติปางก่อนเธอได้ไปทำผิดศีลหรือทำไม่ดีมาต่าง ๆ นานา อีกทั้งการเกิดเป็นเกย์ เป็นกะเทย เป็นทอมนั้นก็เป็นผลจากวิบากกรรมที่ทำมาแต่ชาติปางก่อนด้วยเช่นกัน


ขอยกตัวอย่างความเชื่อเช่นนี้ที่คุณดังตฤณ เขียนไว้ในหนังสือธรรมะขายดี (พิมพ์ไม่รู้กี่รอบแล้ว) เรื่อง "เสียดาย...คนตายไม่ได้อ่าน" ในบทที่มีชื่อว่า "เหตุใดจึงเป็นหญิงเป็นชาย" นั้น คุณดังตฤณเขียนไว้ชัดว่า หญิงนั้นด้อยกว่าชายทั้งทางกายและทางจิตใจ ผู้หญิงนั้นจะมีความโน้มเอียงไปในทางกิเลสมากกว่าผู้ชาย ฝ่ายผู้ชายนั้นจะมีความหนักแน่นมั่นคงในการรักษาศีลและการทำบุญมากกว่าผู้หญิง แม้คุณดังตฤณจะบอกว่าไม่ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนจะเป็นเช่นนี้ แต่โดยทั่ว ๆ ไปมักจะเป็นดังที่ว่า


ในบทเดียวกันนี้เองคุณดังตฤณยังกล่าวถึงสาเหตุของการเกิดมาเป็นหญิงรักหญิง เป็นกะเทย เป็นทอมบอย ซึ่งบุคคลทั้งสามประเภทนี้ ต้องเกิดมาเป็นเช่นนี้เพราะชาติก่อนนั้นทำผิดประเวณี ส่วนรายละเอียดนั้นแตกต่างไปตามนี้ค่ะ


คู่ที่เป็นหญิงรักหญิง "ชนิดจริงจังรู้ทั้งรู้ว่าฝืนธรรมชาติ" นั้น เป็นเพราะเคยร่วมผิดประเวณีกันมา ฝ่ายชายชาติที่แล้วมาเกิดเป็นหญิงในชาตินี้ พอมาเจอคู่บาปเก่าที่ยังคงเป็นหญิงอยู่ ก็มีแรงดึงดูด พิศวาสกัน เกิดความใคร่อยากทันที แต่อยู่ไปอยู่มาแรงกรรมเก่าก็ผลักให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคิดตีจากไปมีใหม่


คนที่เกิดเป็นกะเทยก็เพราะว่าชาติก่อนนั้น เป็นนักเลงผู้หญิงที่ลักกินขโมยกินของคนอื่นโดยปราศจากความละอาย ชาตินี้เลยได้ผลสะท้อนของความไม่ละอาย ให้ต้องละอายถึงขีดสุด ด้วยการเป็นกะเทยตั้งแต่จำความได้


ส่วนทอมบอยนั้น เป็นเพราะชาติก่อนเป็นพวกเจ้าชู้ยักษ์ลักลอบร่วมประเวณีไม่เลือกลูกเขาเมียใคร แต่ยังเกิดความรู้สึกผิดชอบชั่วดี หรือกล้าทำกล้ารับอยู่บ้าง เลยเกิดเป็นทอมบอยที่ชอบหว่านเสน่ห์เล่นไปทั่ว แล้วก็มักเป็นอยู่ด้วยความไม่พอใจในเพศตน และรู้สึกว่าตนถูกเอาเปรียบทางเพศอย่างน่าโมโหเสมอ


คงบังคับกันไม่ได้นะคะว่าใครจะต้องเชื่ออะไร อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นบุคคลที่ถูกอ้างถึงในความเชื่อที่ว่า ฉันเห็นว่าความเชื่อเช่นนี้ไม่ได้เกิดจากความเข้าใจในมนุษย์ที่มีความแตกต่างหลากหลายทางเพศ และความเชื่อเช่นนี้จะทำให้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเลือกปฏิบัติทางเพศดำรงมั่นคงอยู่ต่อไป จะมีเพียงเพศชายที่ไม่ได้รักเพศเดียวกันเท่านั้นที่ได้รับยกย่อง ส่วนเพศอื่น ๆ นั้นจะได้รับการดูถูกมากขึ้นไปอีก


นั่นเป็นความเชื่อของคุณดังตฤณค่ะ ลองมาฟังอีกความคิดเห็นหนึ่งจากพระอาจารย์เซ็น ท่านติช นัท ฮันห์ ซึ่งฉันเคยเล่าไปในตอนก่อนแล้วว่าท่านเปิดกว้างกับคนรักเพศเดียวกันอย่างไรบ้าง


ในงานภาวนาที่เชียงใหม่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประมาณ 700 คน ฉันได้มีโอกาสเรียนถามท่านเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องกรรมเช่นนี้ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ผู้หญิง กะเทย หรือทอมเท่านั้น แต่ในศาสนาพุทธบ้านเรายังหมายรวมคนที่เกิดมาพิการเข้าไปในข่ายผู้ที่ทำวิบากกรรมมาแต่ชาติปางก่อนด้วย ฉันยังเรียนถามด้วยว่า เมื่อเราต้องเผชิญกับความเชื่อเช่นนี้ เราจะมีวิธีฝึกปฏิบัติอย่างไรได้บ้าง


ขอลงคำตอบของท่านทุกคำพูดเลยนะคะ หลวงพี่นิรามิสา ภิกษุณีชาวไทยเป็นผู้ถอดคำตอบของท่านนัท ฮันห์ เป็นภาษาไทยค่ะ


ต่อคำถามเรื่องกรรม ท่านตอบว่า


"ความเชื่อเรื่องผลของกรรมเช่นนี้ ไม่ใช่พุทธศาสนาโดยแท้จริง เพราะว่าความเชื่อเรื่องผลของกรรมนั้นยังเป็นความเชื่อที่อยู่บนพื้นฐานของตัวตน ของอัตตา


ในขณะที่เรามีลูกเกิดมาพิการ จริง ๆ แล้วความทุกข์ไม่ได้เกิดกับลูกนั้นคนเดียว ทั้งครอบครัวทุกข์ไปด้วย เพราะฉะนั้นกรรมนั้นมีร่วมกัน ในขณะที่เราศึกษาและปฏิบัติเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องผลของกรรม เราควรจะมองในลักษณะที่ไม่มีตัวตน


เช่นเดียวกันเวลาที่เราสูบบุหรี่มาก ไม่เพียงแต่ว่าเราทำลายสุขภาพตัวเราเอง แต่เราก็ทำลายสุขภาพของคนรอบข้างด้วย เมื่อคุณพ่อได้ทำอะไรที่เลวร้ายหลายอย่าง ลูกชายลูกสาวก็จะต้องได้รับผลแห่งการกระทำของคุณพ่อด้ว เพราะฉะนั้นเราจึงควรเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในวิถีแห่งความไม่มีตัวตน ความเป็นอนัตตา


เมื่อเราต้องตายเพราะว่ามีบุคคลรอบข้างสูบบุหรี่มาก เราไม่อาจพูดได้ว่าเราตายเพราะเราสูบบุหรี่มาก แต่จริง ๆ เป็นเพราะคนรอบข้างสูบบุหรี่มาก การตายแบบนี้เป็นผลของการกระทำร่วมกัน ซึ่งเป็นกรรมร่วมกัน เป็นกรรมที่สะสมร่วมกัน (Collective Karma) ความจริงก็คือว่า ทุกคนมีความรับผิดชอบร่วมกันในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ไม่มากก็น้อย


การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและภาวะโลกร้อนนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นกรรมที่สะสมร่วมกัน ไม่เป็นเรื่องของปัจเจกบุคคลอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น เราอาจไม่ได้ทำให้เกิดมลภาวะ มลพิษต่าง ๆ แต่ว่าเราอาจจะไม่มีความกะตือลือร้นหรือรับผิดชอบพอที่จะปกป้องไม่ให้คนอื่นสร้างภาวะมลพิษ


เพราะฉะนั้นถ้าคนอื่น ๆ ยังเชื่ออย่างที่เธอพูดถึงว่าเป็นผู้หญิงด้อยกว่า หรือว่าเรามีกรรมเป็นคนพิการ นั่นเป็นเพราะว่าตัวเธอเองอาจจะยังไม่ได้พยายามอย่างเพียงพอ ที่จะพยายามเปลี่ยนความเชื่อของคนเหล่านั้น"


ท่านติช นัท ฮันห์ ได้ให้คำแนะนำสำหรับการเผชิญหน้ากับความเชื่อเช่นนี้ว่า


"สมมติเธอมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ไม่มีความเท่าเทียมกันทางเพศ ไม่มีความเท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย และเธอโกรธในความไม่เท่าเทียมนั้น เธอก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้ แต่ว่าถ้าตัวเธอเองไม่โกรธ เธอจะพยายามใช้วิถีชีวิต ดำเนินชีวิตและสอนในหนทางที่ทำให้เขาสามารถละทิ้งการเลือกปฏิบัติได้


เราต้องพยายามเข้าใจว่า บุคคลเหล่านั้นที่มีความเชื่อเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาถูกสั่งสอนมาแบบนั้น แต่ถ้าเธอโกรธและเธอเป็นทุกข์ เธอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่ว่าถ้าเธอมีความกรุณาในหัวใจของเธอ เธอก็จะมีโอกาสช่วยให้คนเหล่านั้นเปลี่ยนวิธีคิดวิธีเชื่อของเขาได้ ถ้าชาวเลสเบี้ยน ชาวเกย์ ทั้งหลายเข้าใจเช่นนี้ เขาก็จะไม่มีความทุกข์มากนัก และชาวเกย์ ชาวเลสเบี้ยนเหล่านั้น จะสามารถช่วยคนอื่นให้เข้าใจได้มากยิ่งขึ้น และละทิ้งความเชื่อเหล่านั้น


เพราะฉะนั้นความเข้าใจและความกรุณาเป็นคำตอบเดียว ฉันคิดว่าพระพุทธเจ้าพูดไว้ถูกแล้ว"


คำตอบของท่านทำให้ฉันนึกถึงภาพของพระโพธิสัตต์มัญชุศรี ซึ่งในหอสมาธิของสายเซ็นมักมีรูปของท่านประดิษฐานอยู่ พระโพธิสัตต์องค์นี้ถือดาบที่เป็นสัญลักษณ์ของการตัดความคิดหลงผิดต่าง ๆ ดาบนี้ไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ แต่เป็นเครื่องมืออันแหลมคมที่จะปลดปล่อยมนุษย์ออกจากความคิดเห็นที่ผิด คำตอบของท่านนัท ฮันห์ เฉียบแหลมประหนึ่งคมดาบของพระมัญชุศรี


ถ้าคิดตามที่ท่านว่า การเลือกปฏิบัติต่อคนพิการ ผู้หญิง กะเทย และคนรักเพศเดียวกันนั้น ไม่ใช่เรื่องของปัจเจก ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ผู้ถูกเลือกปฏิบัติจะต้องรับผิดชอบอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่นี่เป็นปัญหาร่วมของสังคม เป็นเรื่องที่เราต้องรับผิดชอบในการสร้างความเท่าเทียมร่วมกัน เช่นเดียวกับปัญหาสังคมอื่น ๆ


นี่เป็นแง่คิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการนำพุทธศาสนามารับใช้สังคม (Engaged Buddhism) ที่ท่านนัท ฮันห์ สอนและปฏิบัติตลอดมา และท่านได้เน้นย้ำเรื่องนี้เสมอในระหว่างการเยือนเมืองไทย


พระอาจารย์เซ็นท่านนี้ได้เปิดพื้นที่ให้สำหรับคนรักเพศเดียวกันในสังฆะหมู่บ้านพลัมในเมืองไทยไว้แล้ว ซึ่งเราสามารถก้าวเข้าไป ไม่ใช่ในฐานะของผู้ที่ทำกรรมล่วงประเวณีมาแต่ชาติปางก่อน แต่ในฐานะผู้ที่จะสามารถช่วยให้ผู้อื่นละวางการเลือกปฏิบัติได้


- ถ้าท่านสนใจการปฏิบัติตามสายของท่านติช นัท ฮันห์ กรุณาติดตามข่าวของสังฆะที่นัดเจอกันเพื่อฝึกสติและการมีความสุขในปัจจุบันขณะได้ที่ www.thaiplumvillage.org มีข่าวแว่วมาว่ากลุ่มชาวสายรุ้งก็จะนัดเจอเพื่อฝึกปฏิบัติร่วมกันด้วย


- ภาพท่านติช นัท ฮันห์ จาก www.thaiplumvillage.org