Skip to main content

ขโมยเงินไปซื้อจตุคาม

คอลัมน์/ชุมชน

เอก (นามสมมุติ) ทำงานที่ร้านเฮือนสุนทรี ที่เชียงใหม่ เอกเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบต้น ๆ นิสัยร่าเริงแจ่มใส ยิ้มง่าย เป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าทั้งชายและหญิง เขามีความนุ่มนวล อ่อนโยนแบบผู้ชายเหนือ ไม่ก้าวร้าว รุนแรง แต่ก็มีความเป็นเด็กที่บางครั้งเราก็หงุดหงิด เพราะในการทำงานจะเล่นเป็นเด็ก แต่เราก็ยินดีกล่อมเกลา และสอนงานด้านต่าง ๆ ให้ โดยเฉพาะเมื่อพบกับปัญหาต่าง ๆ ว่าจะต้องแก้ไขอย่างไร

เอกทำงานกับเรามาเจ็ดเดือน เขาเป็นเด็กในละแวกนั้น บ้านอยู่ใกล้ร้าน เอกเป็นเด็กขยัน มาทำงานทุกวัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุด เขาบอกว่าขี่รถผ่านก็อยากเข้ามา มาก็สนุกดี มาเจอผู้คน อยู่บ้านก็เหงา


เอกทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการ ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยภายในร้าน และประสานงานกับซัพพลายเออร์ในการสั่งของ ตั้งเบิกเงิน รับเงินมาจ่ายบิลที่ค้างไว้ เอกรับเงินเดือนแปดพันบาท ในขณะที่วุฒิการศึกษาของเขานั้นไม่จบ ปวช. เพราะออกมาทำงานก่อน แต่คุณสุนทรียอมรับในความสามารถ เขาเรียนด้านคอมพิวเตอร์ธุรกิจ มีพื้นฐานการทำบัญชี เมื่อมาทำงานที่ร้านเขาเรียนรู้โปรแกรมขายสำหรับร้านอาหารได้อย่างรวดเร็ว เราให้รหัสสำหรับแก้ไข เพิ่มเติม รายการและราคาอาหาร หรือสินค้าอื่น ๆ แก่เขา เพื่อความสะดวกในการทำงาน รหัสนี้รวมไปถึงการประมวลผลยอดขายรายวัน และรายเดือนของร้าน ซึ่งฉันก็ไม่เคยดูเหมือนกัน เพราะไม่อยากรู้ แต่เอกอยากรู้ และเรียกฉันไปดูยอดเดือนนี้ว่าลดลงกว่าเดือนที่แล้ว ตัวเลขต่อเดือนนั้นจะว่ามากก็มาก แต่มันคือตัวเลขที่ยังไม่ได้หักค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งพนักงานไม่เคยรู้ว่ารายได้สุทธิของร้านเหลือเท่าไร


วันหนึ่งเอกแขวนองค์จตุคามรามเทพสีทอง บอกว่ารุ่นเดียวกับของแม่แอ๊ด (คุณสุนทรี) ที่แขกคนหนึ่งให้เธอมา ต่อมาเอกก็ถอยรถเก๋งมือสองมาจากพี่สาว เขาดูเท่ ชายหนุ่มหน้าตาดีมีรถซิ่งขับ มีงานทำ ทุกอย่างดูดีไปหมด จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณสุนทรีรับโทรศัพท์จากเอเย่นเหล้าเบียร์ ว่าขอให้มาชำระเงินค้างจ่ายด้วย


เธอเริ่มเอะใจ และตรวจสอบ...


ทุกครั้งที่เธอรับบิล เธอจะนำเงินหนีบไว้กับบิลตามจำนวน แล้วฝากไว้กับเอก โดยมีการปั๊มคำว่า "จ่ายแล้ว" ไว้ที่บิล พร้อมกับให้เอกเซ็นรับ คู่กับลายเซ็นของเธอ และลงวันที่ และเอกยังทำใบรายการตั้งเบิกด้วยลายมือ พร้อมลงลายเซ็นของเขากำกับ จดรายละเอียดการจ่ายแยกไว้อีกด้วย เธอแจ้งเจ้าหนี้ว่าให้โทรหาเอก เพราะเธอฝากเงินไว้แล้ว เขาบอกว่าโทรหาแล้ว เอกบอกว่าช่วงนี้เธอมีปัญหาเรื่องเงิน เธอต้องจ่ายคนสวน ค่าต้นไม้ และค่าอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อผู้ใหญ่คุยกัน ความก็เลยแตก


เอกนำเงินที่ต้องใช้หนี้ของร้านไปซื้อรถ ซื้อจตุคามรามเทพ ดื่ม กิน เที่ยว เลี้ยงหญิง ยอดรวมของบิลค้างจ่ายค่าเหล้าเบียร์บริษัทเดียวมีจำนวนมากถึงห้าหมื่นกว่าบาท เกินเครดิตที่บริษัทให้กับร้าน ทำให้เมื่อสั่งของเพิ่มต้องจ่ายเงินสด


"มีกูไว้แล้วรวย" เอกไม่กล้าเข้ามาทำงานอีก และรับปากกับคุณสุนทรีว่าภายในสองวันเขาจะหาเงินมาคืน แต่เมื่อถึงเวลาเอกนำเงินมาคืนเพียงห้าพันบาท เรานำตัวเขาไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจ และตกลงกันให้นำเงินมาจ่ายที่สถานีตำรวจในอีกหนึ่งสัปดาห์ เขาอิดออด ร้องขอว่าขอจ่ายส่วนหนึ่ง และที่เหลือเขาขอเจรจากับคุณสุนทรีอีกครั้ง แต่คุณสุนทรีปิดประตูการเจรจา ว่าต้องคืนทั้งหมดในวันนัด เขามีทางเลือกสองทางคือ คืนเงิน หรือถูกแจ้งความฐานยักยอกทรัพย์


ถึงวันนัด เรานั่งรอเขายี่สิบนาที เมื่อไม่เห็นเขามาจึงขึ้นไปแจ้งความแจ้งข้อหา หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเขาพาพี่สาวสามคนมาพบ คนหนึ่งหน้าตาหมองเศร้าพูดจาอ่อนโยน อีกคนเป็นข้าราชการที่ศาลากลาง อีกคนพูดจาฉอด ๆ ขอดูหลักฐานการโกงเงินของเอก เพื่อความสบายใจของเขา เขาขอดูบิลที่น้องชายเขาโกงเงิน คุณสุนทรีงงไปชั่วขณะ ปรอทในอารมณ์เริ่มพุ่ง บอกเขาว่าเอกขยำบิลทิ้งไปหมดแล้ว แต่เรามีหลักฐานใบรายการตั้งเบิกที่เอกเขียนด้วยลายมือของเขา และลงลายเซ็นพร้อม เธอนิ่งไปชั่วครู่ และขอถ่ายเอกสาร แต่ตำรวจแทรกขึ้นมาบอกว่าไม่ได้ เพราะตำรวจจะเก็บไว้เป็นหลักฐาน



สามพี่สาวของเอกพยายามขอต่อรองว่าจะนำเงินมาคืนภายในสามเดือน แต่สามเดือนนี้คุณสุนทรีต้องรับภาระหนี้สินที่ค้างจ่ายทั้งหมด ซึ่งเธอไม่ยินยอม พี่สาวคนเดิมพูดประโยคหนึ่งว่า "เด็กอายุแค่ 22 จะไปหาเงินที่ไหนตั้งห้าหมื่นมาคืนได้ทันเวลา ก็ต้องให้เวลากันบ้าง" คุณสุนทรีหันขวับบอกว่า "อย่าบอกว่าเด็ก แล้วเด็กของคุณเอาเงินของคนอื่นไปใช้แบบนี้ สร้างความเดือดร้อนแบบนี้ คุณเป็นพี่ทำไมไม่รู้จักสั่งสอนจริยธรรมให้กับน้อง" เธอเชิดหน้าบอกว่าใครทำผิดก็ให้ด่าเป็นคนๆ ไป อย่าด่าเหมารวม


เอกทำให้พวกเราผิดหวังยิ่งนัก เขาอายุแค่นี้ทำได้ขนาดนี้ ทุกวันนี้ฉันยังไม่เข้าใจจิตใจของเอกในเวลานั้น ว่าเขากล้ามากที่นำเงินของคนอื่นไปใช้เป็นจำนวนมาก โดยที่เงินเดือนของเขานั้นไม่อาจชดใช้ได้หมดในเวลาน้อยนิด ฉันเรียกอาการนี้ว่า "ตกเป็นทาสการตลาด" การตลาดของสังคม อยากได้จตุคาม ต้องเสียเงินถึงสองพันกว่าบาทไปซื้อมา อยากได้รถมาขับ เพราะดูเท่


คุณสุนทรีตอกตะปูปิดฝาโลง แจ้งข้อหายักยอกทรัพย์ และทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง โดยไม่ยอมเจรจาต่อรองใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนำเงินมาคืนเธอทั้งหมดจึงจะยกฟ้อง


ระหว่างรอเอกขึ้นศาลในวันที่ 15 มิ.. นี้ คุณสุนทรีก็รับโทรศัพท์จากช่างประปาประจำร้านว่าเขาวางบิลค่าทำห้องน้ำมานานแล้วยังไม่ได้ชำระ ยอดจ่ายเจ็ดพันกว่าบาท !!!


ยังมีค่าข้าวสาร
ค่าไอศครีม
ค่าทิปจากบริษัทไวน์ให้พนักงานทุกคน
เอกฟาดเรียบ!!


….


บริษัททำบัญชีของร้าน แจ้งว่า พนักงานของเขานำเงินที่จัดส่งประกันสังคมไปใช้
บริษัทไวน์ แจ้งว่า พนักงานขายของเขานำเงินค่าไวน์ที่ลูกค้าจ่ายบริษัทไปใช้สามแสนบาท
ช่วงนี้โรคพนักงานยักยอกทรัพย์ไปใช้ก่อนแบบนี้กำลังระบาดค่ะ อิฉันพบใครจ่ายเงินที่อิฉันตั้งเบิกช้าสักนิด ก็อยากจะโทรบอกเจ้าของร้านให้ตรวจสอบ


โปรดอย่าไว้ใจเงิน เอ๊ย คนค่ะ



อื๊ดดด บิดขี้เกียจ ดูอะไรเขียว ๆ ล้างตาดีกว่าค่ะ ช่วงนี้เชียงใหม่เขียวแบบนี้ค่ะ
รูปชุดนี้ถ่ายที่รีสอร์ทบนภูเขาแถวโป่งแยง ชื่อว่า "คุ้มรักแก้ว"