Skip to main content

ทางผ่าน

คอลัมน์/ชุมชน


ริมหน้าต่างรถประจำทาง

ภาพตรงหน้าต่างเคลื่อนไปทางเดียวคือด้านหลัง แผ่นดิน แม่น้ำ บ้านเรือน ต้นไม้ใบหญ้า เคลื่อนคล้อยหลังไปเรื่อย ช้าหรือเร็วว่ากันไปตามแต่ความเร็วของรถประจำทางนั้น ขณะที่เรามุ่งไปเบื้องหน้า แต่สิ่งภายนอกกลับเคลื่อนไปข้างหลัง เรากำลังหนีจากอะไร หรืออะไรกำลังหนีเราไป หรือความจริงเราก็ไม่ได้หนีจากอะไร และไม่มีอะไรหนีจากเราไป แต่นั่นก็เป็นเพียงเรื่องราว หรือปรากฏการณ์หนึ่งระหว่างนั้น เท่านั้นเองc. ขณะหนึ่ง ครุ่นครวญคำนึง ถึงบางสิ่ง บางภาพ บางเรื่องราวที่เราผ่านมา ภาพที่เราเพิ่งผ่านมา หรือทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกเดินทาง ถึงระหว่างนี้ ฝันถึงทางเบื้องหน้าที่เรายังไปไม่ถึง หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมายนัก


ระหว่างการเดินทาง

ไม่ว่าจะมีจุดหมายหรือไม่มีก็ตาม ธรรมดาอยู่เองที่ระหว่างนั้นเราก็ต้องผ่านสิ่งต่างๆ เรื่องราว แผ่นดิน แม่น้ำ ผู้คน มากมาย ไม่ว่าเราจะเดินทางแบบใด เราก็ต้องผ่านสิ่งต่างเหล่านี้ ช้า หรือเร็วนั่นก็ว่ากันตามวาสนา แต่ในความหมายก็คือ ช้า อาจดี หรือไม่ดี เช่นเดียวกัน เร็วก็อาจดีหรือไม่ดี ก็ได้เช่นเดียวกัน เพียงขณะใดที่เราได้ใส่ใจต่อเรื่องราวที่ปรากฏนั้น และได้ทำความเข้าใจในทุกสิ่งที่ผ่านไปนั่นก็อาจเป็นความหมายที่งดงามทีเดียว เมื่อเราจะไปสู่บางจุดหมาย นั่นก็หมายความว่า หนทางไม่ได้ไร้ค่า เพราะถ้าไม่มีหนทาง เราจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไร และสิ่งที่อยู่ในหนทางนั้นก็คงเป็นเช่นเดียวกัน ดอกหญ้าเล็ก ๆ ริมทาง กับน้ำค้างในแสงตะวันเช้า ผีเสื้อปีกสวย บางเบา นก แมลง สรรพสิ่งทั้งปวง ภาพเหล่านั้นมันกล่อมเกลา ปลอบโยน หล่อเลี้ยงดูแลหัวใจเราให้งดงาม เบิกบาน สัมผัสที่ผ่อนคลาย เพิ่มความสด และแจ่มใส มั่นคง และเรียนรู้ ว่าอย่างนั้น

อย่างรวดเร็ว หรือไม่ก็ไม่ช้าไม่นานนัก ทุกสิ่งเหล่านั้นก็จะผ่านไป ทุกสิ่งผ่านเราไป เพราะเราผ่านสิ่งเหล่านั้นไป ไม่ว่าเรื่องราวระหว่างทางจะงดงาม ดีงาม หรือเปี่ยมความหมายปานใด เราก็จะผ่านไป ว่าก็ว่า ความหมายของสิ่งเหล่านั้นมันก็ต่อเติมความจริง ความฝันให้ภาพปรากฏนั้นชัดเจนในความคิด ยิ่งถ้าเราช้าลงสักนิด ให้เวลากับดอกหญ้า หยดน้ำค้าง ผีเสื้อ หรือกระทั่งกรวดหินดินทรายระหว่างนั้น เพื่อทำความรู้จัก และใคร่ครวญต่อทุกสิ่ง นั่นก็คงไม่ได้เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะชีวิตคงได้เติมเต็มความหมาย นั่นอาจเป็นไปเพื่อการเดินทางอันงดงาม และเบิกบาน ก็อาจเป็นได้


และทั้งหลายทั้งปวงนั้น

ในระหว่างการเดินทาง เหน็ดเหนื่อย เมื่อย ล้า หรือสดชื่น แจ่มใส สุข หรือทุกข์ ทั้งหมดก็ค่อยๆ ผ่านไป ผ่านไป ไม่มีสิ่งใดในหนทางที่จะร่วมทางไปกับเรา นั่นหมายความว่า คุณค่าของสิงทั้งปวงก็อยู่ในสิ่งทั้งปวงนั่นเอง เราเพียงผ่านมาพบ หรือไม่ว่าเราจะพบหรือไม่พบ มันก็ดำรงอยู่เช่นนั้น แล้วเราก็เพียงจะผ่านไป ถึงแม้เราอยากยึดหยิบเอาบางสิ่งบางอย่าง บางภาพปรากฏนั้นไว้ อาจในช่วงเวลาหนึ่ง ที่สุดแล้ว เราก็จะผ่านมันไปอยู่ดี หรือบางครั้งมันก็อาจจะผ่านออกไปแม้กระทั่งจากความทรงจำ นั่นก็อาจเป็นได้

นอกหน้าต่างรถประจำทาง

สายฝนถั่งเทลงมา ขับไล่ความร้อนให้จางคลายลงไปบ้าง และเราก็รู้ว่า เมื่อเราผ่านเข้ามาในม่านฝน เพียงชั่วเวลาหนึ่ง ไม่นานนัก เราก็จะผ่านออกไป เผชิญกับสายแดดร้อนระอุอ้าวอีกครั้ง และอีกครั้ง