Skip to main content

กฎเถื่อนของสัตว์

คอลัมน์/ชุมชน

ผมค้นเจอหนังสือเก่าเล่มหนึ่งในลังกระดาษโดยบังเอิญ ขณะย้ายที่พักที่ทำงานใหม่...
"
ลีลาโลกย์" เขียนโดย "พิทยา ว่องกุล" สำนักพิมพ์โกมลคีมทอง จัดพิมพ์ครั้งแรก เมื่อ พ..2528

เป็นหนังสือรวมความเรียงที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่งที่ผู้เขียนบอกว่า "ลีลาโลกย์" เป็นหนังสือเล่มน้อย ซึ่งร้อยคำเพื่อแสวงหาและทำความจริงให้ปรากฎ กับพฤติกรรมและความคิดของมนุษย์


ครั้นพอพลิกไปอ่านอย่างช้าๆ อีกครั้งหนึ่ง รู้สึกว่างานหลายชิ้นยังคงใช้ได้ และเข้ากับยุคสมัยนี้ แม้ว่าจะผ่านมากี่ปีกี่ฤดูกาล แต่ยังคงแฝงเนื้อหาเรื่องราวให้ได้ขบคิดและนึกเปรียบ ภาพสังคม การเมืองในอดีตกับปัจจุบันขณะ แทบไม่แตกต่างกัน...


โดยเฉพาะการเมืองไทยที่กำลังผันผวนปรวนแปรอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันในขณะนี้...ถ้อยคำประโยคต่างๆ ที่เขาร้อยเรียงเอาไว้ ไม่ว่า...กฎเถื่อนของสัตว์ สุนัขป่า จ่าฝูง นางพญาผึ้ง สันดานดิบ ทหาร อำนาจ รัฐประหาร วัฏจักรอันเลวร้าย...ฯลฯ


ใช่ พฤติกรรมเหล่านี้ได้ซ่อนแฝงอยู่ในสังคมไทยเรามานานและนาน
และจักยังคงซ่อนแฝงอยู่ต่อไป...เหมือนกับความเรียงที่ชื่อ "กฎเถื่อนของสัตว์" ชิ้นนี้...






...ธรรมชาติของสัตว์ ตัวที่ขึ้นสู่ฐานะนำฝูงจักต้องผ่านการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งกับตัวอื่น และสยบคู่แข่งขันให้อัปราชัยอยู่ใต้อำนาจ


สุนัขป่าจ่าฝูงจะพยายามขม้ำทำลายชีวิตคู่ต่อสู้ลงไปจะขัดขวางไม่ให้ลูกน้องสั่งสมบารมีวัดรอยตีน และแย่งชิงฐานะการนำไป ถ้าหากมันเริ่มหวาดระแวงขึ้นมา


ในขณะเดียวกัน ตัวที่ทะเยอทะยานอยากขึ้นสู่ตำแหน่ง จ่าฝูง ก็ต้องลับเล็บให้แข็งกล้า ด้อมๆ มองๆ คอยหาจังหวะและโอกาสล้มร่างหัวหน้าลงดิ้นกระแด่ว พ่ายแพ้อย่างไร้ศักดิ์ศรี


ดังนั้น อำนาจจึงมาจากการต่อสู้หักล้างกันด้วยความรุนแรง การจะธำรงไว้ซึ่งอำนาจเดิมก็จำต้องอาศัยความรุนแรงไปห้ำหั่นฝ่ายตรงข้าม


กฎเถื่อนของสัตว์ ไม่เคยคำนึงถึงยุคสมัย แม้ว่ามนุษย์จะก้าวหน้าไปไกลสักเพียงไหน สัตว์ก็คงเป็นสัตว์เดียรฉานและรักษาสันดานดิบอันนี้ไว้เสมอ


ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปมากมายสักเพียงใด "นางพญาผึ้ง" เมื่อจากไข่ออกมาเป็นตัว จะต้องกัดนางพญาตัวแม่ จนกระทั่งตายไป และในรังผึ้งนั้นจักต้องเหลือเพียงหนึ่งนางพญา


หลังจากได้รับชัยชนะในการกำจัดคู่แข่ง นางพญาผึ้งตัวใหม่จะเที่ยวหาตัวอ่อนที่มาจากแม่ตัวเดียวกันค่อยๆ รื้อออกมาทำลายทีละตัวๆ และทำลายจนหมดสิ้น


ตอนนี้แหละที่ผึ้งงานจะเข้ามาช่วยร่วมทำลาย และเชิดชูนางพญาขึ้นมาเช่นเดียวกับพวกขุนประจบประแจงทั้งหลายที่เลียมือเท้าเจ้านายในขณะที่เรืองอำนาจ และเห็นว่าเป็นผู้ชนะแล้ว

โลกแห่งอำนาจ มักกักขังคนให้อยู่ในกรอบของอำนาจ จนกระทั่งลืมเลือนคุณธรรมไป หรือมิฉะนั้นจะเห็นคุณธรรมเป็นเพียงเครื่องมือที่ใช้หลอกลวงคนอื่นเพื่อรักษาอำนาจ เช่นเดียวกับการใช้อำนาจเสริมความเข้มแข็งของอำนาจตนให้ยั่งยืนสืบไป


การรัฐประหารในสังคมของมนุษย์ ไม่อาจหลีกพ้นกฎของการใช้อำนาจ


ทหารขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศด้วยปืน รถถังหรือเลือดเนื้อของฝ่ายตรงกันข้ามและประชาชน มาตลอดเวลาของประวัติศาสตร์อันยาวนาน


"สันดานดิบ" ยังคงซุกซ่อนอยู่ภายในจิตใจ ถึงแม้ว่าบางครั้งไม่ถึงกับมีเหตุการณ์นองเลือด แต่มันเป็นการใช้อำนาจความได้เปรียบด้านอาวุธ กำลังของผู้ใช้อาวุธที่ใช้ขืนใจผู้อื่นได้อย่างหนักหน่วงรุนแรง


ความเหนือกว่าจะต้องข่มฝ่ายที่ด้อยกว่าเป็นธรรมดา ทั้งยังเป็นกฎความจริงของโลกที่ว่า ผู้ที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการใช้อำนาจโค่นผู้อื่น มักจะกระเด็นจากอำนาจเพราะถูกอำนาจที่เหนือกว่าเขี่ยออกไป


วัฏจักรแห่งความเลวร้ายนี้ ดูเหมือนยังไม่สิ้นสุด และยังสวมเครื่องแบบอันสง่างามอยู่เหนือสังคม


กฎเถื่อนของสัตว์ที่จะต้องได้รับผลตอบแทนจากอำนาจความรุนแรง ตราบเท่าที่ยังมีการแสวงหาอำนาจบาทใหญ่อย่างไม่สิ้นสุด


จะแตกต่างก็เพียงว่า ในครั้งสุดท้ายของสุดท้าย ใครจะขึ้นมามีอำนาจด้วยคุณธรรม ด้วยความจริงใจต่อเพื่อนมนุษย์


๑๗ มิถุนายน ๒๕๒๖


...กฎเถื่อนของสัตว์ สุนัขป่า จ่าฝูง
นางพญาผึ้ง สันดานดิบ ทหาร
อำนาจ รัฐประหาร วัฏจักรอันเลวร้าย...ฯลฯ
ใช่ พฤติกรรมเหล่านี้ได้ซ่อนแฝงอยู่ในสังคมไทยเรามานานและนาน และจักยังคงซ่อนแฝงอยู่ต่อไป...


แหละทุกครั้งที่มองเห็นภาวะแปรปรวนผวนผันของการเมืองไทย มักทำให้ผมนึกถึงถ้อยคำประโยคนี้ทุกครั้ง...


"เมื่อมนุษย์มีอำนาจ ก็จะกลายเป็นความชั่วร้าย!"