Skip to main content

ความลับในกระสอบ

คอลัมน์/ชุมชน






เที่ยงคืนกว่าๆ ได้ยินเสียงเรียก ตอนแรกนึกว่าหูแว่ว เพราะกำลังเบลอได้ที่เนื่องจากนอนไม่พอ นึกในใจสงสัยต้องไปหาจิตแพทย์แล้วฉัน

พยายามไม่สนใจ เอ๊ะ ทำไมยังแว่วซ้ำๆ เหมือนแผ่นเสียงตกร่อง อาการหนักขึ้นหรือมีใครเรียกจริงๆ หว่า โผล่ออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอด เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นเงาตะคุ่มๆ แปลกๆ ที่รั้ว ไม่รู้ผีหรือสัตว์ประหลาด มองอีกทีถึงเห็นน้าอู๊ด แม่ค้าขายขนมปังสังขยายืนคร่อมจักรยานอยู่


"นอนหรือยัง น้าไม่กล้าเรียกดัง เกรงใจ"


เรียกไม่ดัง แต่เรียกนานมากๆ เลยนะน้าอู๊ดจ๋า


"เกือบแล้วค่ะ มีอะไรคะน้า"ฉันหาวปากกว้างแบบไม่รักษามารยาท แหม เร่งงานไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว


"ไปดูกับน้าหน่อยสิ มีกระสอบอะไรทิ้งไว้ที่กองขยะก็ไม่รู้"


คุณพระช่วย ชวนไปดูอะไรไม่รู้ที่กองขยะตอนเที่ยงคืนกว่าๆ มีใครบ้าพอจะไปไหมคะ


ฉันคว้าเสื้อยืดสวมทับอีกตัว ใส่กุญแจรั้ว แล้วกระโดดซ้อนจักรยานน้าอู๊ดไปทันใด!


.....


ริมถนนถัดจากหน้าหมู่บ้านไปหน่อยเป็นภูเขาขยะที่ผู้คนเอามาทิ้งกันแบบมักง่าย ทั้งที่มีป้าย "ห้ามทิ้งขยะบริเวณนี้" ปักอยู่ทนโท่ (เอ๊ะ หรือว่าป้ายนั้นก็ถูกทิ้ง)

กระสอบป่านใบใหญ่ถูกมัดปากจนแน่น ดูไม่ออกว่ารูปร่างนูนๆ ในกระสอบน่าจะเป็นอะไร ลองหาไม้ไปเขี่ย รู้สึกนุ่มๆ หยุ่นๆ

แท็กซี่กะดึก 2-3 คันทำท่าชะลอๆ รถ คงสงสัยผู้หญิงสองคนมาคุ้ยขยะหาอะไรดึกๆ (ฉันก็สงสัยตัวเองเหมือนกัน)


"แกะเชือกดูกันเถอะ" น้าอู๊ดชวน ท่าทางตื่นเต้นของแกทำให้นึกถึงหนังประเภทฆาตกรรม คดีฆ่าหั่นศพ อะไรเทือกนั้น


แต่ในกระสอบไม่มีศพให้ตื่นเต้นตกใจ มีแต่ลูกหมาตัวใหญ่ที่นอนหมดแรงลิ้นห้อยอยู่สองตัว


"โอ๊ย ใครเอาหมาใส่กระสอบมาทิ้งขยะเนี่ย" น้าอู๊ดอุทาน



ลูกหมาตะกายออกมาอ้าปากงับอากาศอย่างเอาเป็นเอาตาย มันอาจจะเกือบขาดใจแล้วถ้าไม่มีใครมาพบ


เรามองหมาแล้วก็มองหน้ากันแบบอึ้งๆ


ลูกหมาทั้งสองตัวเหลียวล่อกแล่กอย่างแตกตื่น พอเห็นคนก็กระโจนเข้ามาหาอย่างดีใจ ครางหงิงๆ แล้วก็ยกขาหน้ากอดฉันกับน้าอู๊ด เลียขาเลียมือ หางและก้นสะบัดถี่ยิบ


"ทำไงต่อล่ะน้าอู๊ด" ฉันถามอย่างมึนๆ


"ไม่รู้สิ" น้าอู๊ดตอบง่ายๆ


 


ตลกดีที่ผู้หญิงต่างวัยสองคนมานั่งกลุ้มใจอยู่ข้างกองขยะตอนตีหนึ่ง


ในที่สุด ฉันก็อุ้มลูกหมาที่หนักกว่าสิบกิโลตัวหนึ่งซ้อนจักรยานน้าอู๊ดกลับบ้าน (อีกตัวหนึ่งวิ่งตามมาเอง) น้าอู๊ดเป็นแม่ม่ายลูกสอง หาเช้ากินค่ำ อยู่ห้องเช่าเล็กๆ ที่สำคัญ น้าอู๊ดเลี้ยงแมว ลูกหมาจึงไปอยู่บ้านฉันด้วยความจำใจ (ของฉัน ไม่ใช่ของหมา)



รุ่งเช้าไปจ้างน้าพลคนซ่อมจักรยานที่มีรถพ่วงข้าง ช่วยบรรทุกคนกับหมาไปหาหมอป้อม


"โอ้โฮ ได้ลาภก้อนใหญ่เชียว" หมอปุ้อมแซว แล้วก็บ่นคนทิ้งหมา "คิดได้ไง คิดได้ไงเนี่ย"




ลูกหมาอายุราวหกเดือน ตัวผู้ทั้งคู่ หมอป้อมบอกว่าน่าจะพันธุ์ผสมอัลเซเชียน อ้วน สะอาด ไม่มีเห็บหมัด อุ้งเท้านุ่มนิ่ม น่าจะโตในบ้านมากกว่าพื้นดิน แต่ลักษณะอาจจะไม่ดี ขายไม่ได้ เลี้ยงไปก็เปลือง ทิ้งดีกว่า


"หรือไม่ก็ซนมาก ไปกัดกระเป๋าหลุยส์ใบละแปดหมื่น เจ้าของเลยลงโทษ" พี่เจียกผู้ช่วยหมอจินตนาการไปเสียไกล



ไม่ว่าถูกทิ้งด้วยเหตุผลอะไร ที่แน่ๆ ต้องเป็นเหตุผลที่ขาดมโนธรรมและความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง



ตรวจสุขภาพและทำวัคซีนทุกโรค รวมอาหารเม็ดอีกถุงใหญ่ (มันไม่ยอมกินข้าว) หมดไปเกือบพันบาท ฉันหน้าเหี่ยว


"อาหารเม็ดหมดก็มาเอาไปก่อนได้นะคะพี่ มีเงินค่อยมาจ่าย" หมอป้อมเห็นใจ


"ต้องหัดให้มันกินข้าวบ้าง สลับกับอาหารเม็ดที่เกรดต่ำกว่านี้" ฉันวางแผน คิดถึงรายจ่ายในบัญชี



อดไม่ได้ที่จะฝากให้หมอป้อมช่วยโฆษณาหาบ้านใหม่ให้หมา เหมือนที่เคยฝากมาแล้วนับสิบตัว (แต่ก็ยังอยู่กับฉันทุกตัว)


"ถ้าไม่รักจริงๆ ไม่มีใครอยากรับภาระหรอก" พี่เจียกว่า




ลูกหมาวิ่งแข่งกันมานั่งทับบนตักฉัน แย่งกันเลียหน้าด้วยกิริยาประจบ ฉันได้แต่ถอนใจ


ขากลับผ่านภูเขาขยะกองเดิม เห็นตาจุก คนถีบซาเล้งกำลังคุ้ยเก็บขวดพลาสติกใส่ถุง ตาจุกเคยมาขอกะละมังพลาสติกแตกๆ หรือไม่ก็เศษมุ้งลวดขาดๆ ที่ฉันกำลังจะทิ้ง


"ทิ้งทำไม ของมีประโยชน์ทั้งนั้น" แกว่า



คนไร้การศึกษาอย่างตาจุก ทำให้เศษขยะจากบ้านใครต่อใคร กลายเป็นฝาบ้าน หน้าต่าง เก้าอี้โยก โคมไฟ กระถางต้นไม้ หรือแม้แต่ของเล่นให้หลานของแก



แต่สำหรับบางคน สามารถมองชีวิตอื่นๆ (ที่นอกเหนือจากตัวเอง) เป็นขยะ ไม่มีค่าอะไรที่จะเก็บไว้ หรือแม้แต่จะนึกถึง คิดออกแต่เพียงว่า ทำอย่างไรก็ได้ที่จะปัดออกไปให้พ้นตัว



หัวใจคนช่างแตกต่างกัน

 






เรื่องน้องหมาน่ารู้



การเลี้ยงหมาสักตัวหนึ่ง ความรักจำเป็นพอๆ กับความรู้


อย่าดูแค่หน้าตาน่าเอ็นดูแล้วตัดสินใจซื้อ


ควรหาข้อมูลก่อนว่าหมาพันธุ์อะไร ตัวโตเต็มที่ขนาดไหน นิสัยเป็นยังไง จะเข้ากับเราได้ไหม


เช่น เป็นคนเงียบขรึม จริงจัง อย่าซื้อหมาที่ซุกซน ขี้เล่น ปากเปราะ เพราะเราจะรำคาญ หรือไม่หมาก็จะเฉาตาย


อยู่ทาวเฮ้าส์แคบๆ อย่าเลี้ยงหมาพันธุ์ใหญ่ ถ้าไม่แน่ใจว่ามีที่ทางให้มันเหยียดแข้งขา หรือมีเวลาพามันไปออกกำลังกาย ไม่ให้ขามันเป็นง่อย


อย่าลืมว่าหมามีชีวิต เราต้องเป็นที่พึ่งของมันอย่างน้อยก็ 10 ปี


อย่าตัดสินใจเลี้ยงสัตว์ด้วยอารมณ์ชั่ววูบเด็ดขาด อาจต้องใช้เวลาไตร่ตรองพอๆ กับตัดสินใจมีลูกเลยเชียว


* ภาพโดย JR