Skip to main content

ผู้หญิง ร้านน้ำชาและน้ำตาพะยูน

คอลัมน์/ชุมชน

ยังอยู่ที่บ้านเกาะมุกด์ค่ะ ยังไม่ไปไหนไกลกว่าทะเล เพราะนาน ๆ ได้อยู่ใกล้ทะเล ได้เขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับทะเล วันนี้สบาย ๆ ยามเช้าแวะไปร้านน้ำชากันดีกว่า

ถ้าชาวบ้านใต้บอกว่าไปร้านน้ำชา นั้นหมายถึงร้านกาแฟนั่นแหละ ฉันคุ้นเคยกับร้านน้ำชาเป็นอย่างดี เมื่อวัยเยาว์ทุกเช้าพ่อจะไปที่ร้านน้ำชาในตลาด ไปอย่างเป็นกิจวัตรประจำวัน หากว่าไม่จำเป็นจริง ๆ ขาดไม่ได้เลยและไปแต่เช้ามืด


ที่ร้านน้ำชาจะมีแต่ผู้ชาย พวกเขาไปคุยเรื่องการบ้านการเมือง ไปอ่านหนังสือพิมพ์ บรรยากาศการอ่านหนังสือพิมพ์ในร้านน้ำชาไม่เหมือนที่อื่น หนังสือพิมพ์หนึ่งเล่มอ่านได้หลายคนเพราะเขาอ่านกันเป็นคู่ ๆ ใครอ่านหนังสือพิมพ์อยู่และมีใครสักคนมาบอกว่าขอดือกลางหรือขอหน้ากลางไม่ถือว่าเป็นเรื่องไม่สุภาพแต่อย่างใด คนอ่านหนังสือพิมพ์ก็อ่านไป คนที่คุยก็คุยกันไป เรื่องที่คุยกันหรือวิพากษ์วิจารณ์กันก็คือเรื่องการเมืองเป็นหลัก เรื่องจากหนังสือพิมพ์


ดังนั้นที่กล่าวกันว่า เรื่องการเมืองอย่าคุยกันจะขัดแย้ง จะทะเลาะกัน ฉันเห็นมาตั้งแต่เล็กที่ร้านน้ำชา เขาก็คุยกันโต้แย้งกันแต่ไม่เห็นมีเรื่องมีราวลุกขึ้นทำร้ายกัน


ช่วงสาย ๆ ฉันจะไปหาพ่อที่ร้านน้ำชา พ่อไม่ค่อยอยากให้ไป เพราะเป็นที่ของผู้ชาย แต่พ่อเกรงใจลูก ดังนั้นเมื่อพ่อเห็นพ่อจะรีบลุกขึ้นจากโต๊ะมาหาลูก และสั่งแม่ค้าให้ทำโอวัลตินใส่กระป๋องนมข้นหวานใช้เชือกร้อยหิ้วมา พร้อมกับข้าวเหนียวสังขยาหรือต้ม (ข้าวเหนียวห่อด้วยใบกระพ้อ) และพ่อก็หิ้วมาส่งให้ลูกพร้อมกับบอกให้ลูกกลับบ้านไปก่อน



เหนียวย่าง ต้มห่อใบพ้อ จาโกย (ปาท่องโก๋) สำหรับกินกับน้ำชากาแฟ


ครั้งหนึ่งฉันเข้าไปนั่งร้านน้ำชาอย่างอาจหาญที่สุดกับเพื่อนผู้หญิงจากเมืองหลวงสองคน และสั่งกาแฟกับข้าวเหนียวมากิน แม่ค้าชงกาแฟซึ่งเป็นผู้หญิงกับสามีของแกดูร้อนรนแปลก ๆ คนที่นั่งอยู่ในร้านซึ่งก็เป็นคนรู้จักทั้งนั้น มีครูเก่าสมัยเรียนประถมด้วย แต่ทุกคนดูเหมือนจะมีท่าทีที่ต่างออกไปจากการพบกันข้างนอก เพราะผู้หญิงที่ไหนจะมานั่งร้านน้ำชา ไม่ใช่ที่ของพวกเธอ ที่ของผู้หญิงต้องอยู่ในบ้าน ในครัว หรืออย่างดีก็ในตลาดสดเมื่อไปซื้อกับข้าว


วันนี้ฉันคิดถึงร้านน้ำชาในบรรยากาศเก่า ๆ ของพ่อ เพราะพบร้านน้ำชาที่บ้านเกาะมุกด์ ร้านน้ำชาที่ขายกาแฟเป็นเพิงเล็ก ๆ ด้านหลังคือทะเล และมีก่อไผ่อยู่ใกล้ ๆ น้ำเดือดพร้อมสำหรับชงกาแฟ มีลูกค้าสองคนนั่งอยู่ ต้มใบกระพ้อวางอยู่ในถาด พร้อมกับปลาท่องโก้ตัวยาวกว่าปกติ วางเรียงน่ากัดกินเหลือเกิน แต่ตัดสินใจเดินผ่านเลยไปก่อนเพราะคิดเผื่อว่าจะมีที่เท่ ๆ กว่านี้อีก และมีอีกสองร้านจริง ๆ ซึ่งบรรยากาศไม่เท่าร้านแรก แต่ที่ต้องเลือกเพราะว่านอกจากมีกาแฟแล้วยังมีข้าวแกงเนื้อกับมะเขือพวงหอมกรุ่นมาก ๆ แกงเนื้อมะเขือพวงที่นี่ เป็นแกงกะทิแบบแกงคั่วคือน้ำไม่มาก เนื้อก็เป็นเนื้อชิ้นหั่นบาง ๆ มะเขือพวงลูกเล็ก ๆ แต่ก็ผ่าครึ่ง เรียกว่าถึงน้ำพริกแกง แบบปักษ์ใต้มุสลิม แกงร้อน ๆ เพิ่งยกมาจากครัวนำมาขายหน้าบ้าน ส่วนของกาแฟอยู่ภายในบ้าน



ร้านน้ำชาริมทะเล


กินข้าวแล้วก็อยากนอนเปลสักพัก แต่พรรคพวกบอกว่า ต้องเดินทางแล้ว เพราะเจ้าของบ้านจะพาออกทะเล ไปดูแหล่งอาหารในทะเลและไปหาดทรายสวย ๆ ที่เป็นของรีสอร์ทหรู ไปถ้ำมรกตอันซีนไทยแลนด์


แต่สิ่งที่อยากเห็นที่สุดคือปลาพะยูน เขาว่าที่นี่มีพะยูน ป๊ะเต็นเล่าว่า เมื่อก่อนเคยจับพะยูนได้ 4-5 ตัว ต่อมาทางอุทยานเขาขอให้ทุกคนหยุดอวนชัก เพื่อสงวนพะยูน แต่เดี๋ยวนี้มีเครื่องบินมาร่อนดูปลาพะยูนด้วย เวลาน้ำนิ่งไม่มีคลื่น เอาเรือออกไปจะมีให้เห็น


หญิงสาวผู้ประสานงานที่ไปด้วยกันอยากรู้ขนาดของปลาพะยูน โดยเปรียบเทียบกับตัวฉันว่าระหว่างฉันกับปลาพะยูนใครตัวใหญ่กว่ากัน หรือว่าที่เคยเห็นตัวใหญ่กว่าฉันไหม ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกที่ทำให้มีเสียงหัวเราะ และผู้คนหายง่วงนอน มีคนที่ไม่ตลกด้วยคือฉัน


และยิ่งเพิ่มเสียงหัวเราะเมื่อใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ที่เคยเห็นตัวเล็กกว่าฉัน คนพูดดูเหมือนจะเป็นอาสาสมัครมอส.และคนที่ไม่หัวเราะก็คือฉันอีกนั่นแหละ


เป็นใครก็หัวเราะไม่ออก เพราะแม้ว่าพะยูนจะหายากและหน้าตาเหมือนคนแต่น้ำหนักตัวมันร้อยกิโลทีดียว ริมฝีปากมีขนขึ้นประปราย มีเขี้ยวของข้าง


อาสาสมัคร มอส. อีกนั่นแหละ ที่บอกว่า เมื่อก่อนเขากินพะยูน ตอนหลังมันมีน้อยเขาก็ต้องอนุรักษ์ และที่เขาเลิกกินก็เพราะว่าเวลาเขาลอกหนังมันออกคือมันเหมือนคน นิ้วมันก็เหมือนคน (สำหรับคนที่อ่านชิ้นนี้เป็นชิ้นแรกก็จะไม่รู้ว่า มอส.คืออะไร คือมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม) เธอเล่าต่อว่า


ความเชื่อในเรื่องเกี่ยวกับน้ำตาปลาดูหยง (อีกชื่อหนึ่งของพะยูน)..ที่เกาะมุกด์ก็มีความเชื่อเรื่องน้ำตาพะยูน ใช้ทำเสน่ห์ แต่เขาไม่ค่อยทำกันหรอก ที่เขาทำก็ต้องมีเหตุผลในการทำ เขาเล่าว่าถ้าสามีใครไปมีเมียน้อยก็จะทำให้กลับมา อย่างตอนที่จะเข้ามาทำงานที่เกาะมุกด์เขาก็บอกว่าระวังนะน้ำตาปลาดูหยง


ใครคนหนึ่งพูดขึ้นว่า ผู้หญิงใช้น้ำตาพะยูนเรียกสามีคืนรังว่าอย่างงั้น


พะยูนคล้ายคน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ที่กินพืชกินหญ้าทะเลเป็นอาหาร มันใช้ครีบข้างลำตัวป้อนหญ้าเข้าปาก ซึ่งต่างกับคนที่กินเกือบทุกอย่าง


ต่อเมื่อขึ้นมาบนฝั่งในตัวเมืองตรังและเห็นรถตุ๊กตุ๊ก ที่ด้านข้างรถมีรูปพะยูนน่ารักมาก และหัวเราะได้เมื่อคิดถึงค่ำคืนที่เพื่อนร่วมทางพยายามจะเทียบฉันกับพะยูน



รถตุ๊กตุ๊กที่ข้างรถมีภาพพะยูนน่ารัก