ก่อนที่ระฆังจะดังขึ้น
คอลัมน์/ชุมชน
บรรยากาศทางการเมืองในขณะนี้ก็มีการเตรียมตัวสมัครรับเลือกตั้งเพื่อเป็นตัวแทนประชาชน ในฐานะสมาชิกสภาผู้เทนราษฎร ในต้นปี ๒๕๔๘
เราจะเห็นการประกาศรายชื่อของตัวแทนพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่เสนอมารับใช้ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งทำให้บรรยากาศการเมืองคึกคักมากขึ้น ในจังหวัดต่าง ๆ ก็เริ่มมีการติดตั้งโปสเตอร์ และรูปภาพพร้อมทั้งนโยบายของพรรคการเมือง
ทำให้เราได้เห็นแนวความคิดของพรรคการเมือง และแนวโน้มของการแข่งขันทางการเมืองได้มากยิ่งขึ้น
ผมเรียนท่านว่ามีหนังสือพิมพ์เกิดใหม่หลายฉบับในช่วงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี ที่มีหนังสือพิมพ์ให้เราได้อ่านมากขึ้น และได้วิเคราะห์เปรียบเทียบแนวคิดของข่าวที่เกิดขึ้นในสังคม
แต่มีข่าวของหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่เขียนมาโดยให้ข่าวปล่อย สร้างข่าวลือ ทำให้เราต้องระวัง ต้องวิเคราะห์ว่าจริงหรือไม่
เช่น สัปดาห์ที่แล้ว มีข่าวจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในจังหวัดภูเก็ตลงข่าวว่า พรรคไทยรักไทย เสนอตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกีฬาและท่องเที่ยวให้กับผม ถ้าสามารถทำให้มี ส.ส.สังกัดพรรคไทยรักไทยเกิดขึ้นในจังหวัดภูเก็ต
ผมขอเรียนท่านว่าเป็นข่าวที่เขียนโดยไร้ข้อเท็จจริง เพราะผมเป็น ส.ว.ไม่สังกัดพรรคการเมือง ไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยใครหาเสียง หรือช่วยหนุนใครได้
ท่านคงติดตามการเมืองว่าผมทำงานในรัฐสภา ได้ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางมาโดยตลอด อะไรที่รัฐบาลทำถูกต้อง ถูกใจ ผมก็ชื่นชม และชมเชยในสภามาหลายครั้ง เช่น เรื่องของราคายางพารา ที่ขึ้นมาในระดับ ๔๐ บาทต่อกิโลกรัม ก็เพราะนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้จับมือกับประเทศผู้ผลิตยางพารา คือมาเลเซีย และอินโดนีเซีย ประสบผลสำเร็จ ราคายางในอดีต ก็เลยพุ่งจากสิบกว่าบาทมาเป็นสี่สิบบาท ซึ่งผมยกให้เป็นผลงานยอดเยี่ยม อันดับหนึ่งของรัฐบาล
ผลงานการปราบปรามยาเสพติด ปราบยาบ้า ผมถือว่าเป็นอีกผลงานหนึ่งที่ต้องยกย่องว่า สี่ปีที่ผ่านมาทำได้ดีเป็นพิเศษ
แต่ ระยะหลังที่รัฐบาลเริ่มมีอาการหลงระเริงในความสำเร็จของรัฐบาล หลงในเสียงส่วนใหญ่ในสภา ไม่ฟังเสียงประชาชน ผมก็ได้ตำหนิรัฐบาลไปหลายอย่าง
เช่น นโยบายในการศึกษาแก้ที่ไม่แก้ปัญหาเรื่องครูขาดแคลน นโยบายในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจที่ทำให้มีบางกลุ่มได้ผลประโยชน์ แต่ประชาชนยังรับภาระค่าบริการ
นโยบายเรื่องการออกกฎระเบียบ ที่จะก่อให้เกิดการผูกขาด เช่น เรื่องโครงการไทยแลนด์อิลิทคาร์ด ซึ่งจะก่อให้เกิดทำธุรกิจผูกขาดนำเที่ยวโดยภาครัฐ และจะให้คุณให้โทษแก่ธุรกิจท่องเที่ยวภาคเอกชน
ผมได้ตั้งกระทู้ ตั้งข้อสังเกตในวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลหลายครั้ง จะกระทั่งกลายเป็นขาประจำในวุฒิสภาไปซะแล้ว ซึ่งประธานวุฒิสภา สุชน ชาลีเครือ ทราบดีว่าผมทำงานอย่างไร ถ้าสิ่งที่ผมพบเห็นว่าเป็นเรื่องเดือดร้อนต่อประชาชน ผมจะให้หารือในสภา
มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ประธานตัดบทไม่ให้สมาชิกวุฒิสภาหารือ ผมก็เคยขอนับองค์ประชุมสมาชิกวุฒิสภาเพื่อให้ประธานได้เห็นใจสมาชิก ได้เข้าใจการทำหน้าที่ของ ส.ว.
เพราะพลังที่สำคัญที่สุดของตัวแทนประชาชน คือการพูดความจริงในสภา ถ้ารัฐบาลไม่ทำอะไร หรือทำอะไรผิด ต้องฟ้องต่อประชาชน
การทำงานของนักการเมืองคือการพูด พูดให้เป็นประโยชน์ต่อชาติ ต่อบ้านเมือง ต่อประชาชน !
ผมขอเรียนท่านว่า การที่มีข่าวว่ามีการเจรจาต่อรองเรื่องการเมืองกับผมไม่เป็นความจริง ไม่มีพรรคการเมืองไหนมาติดต่อให้ผมทำงานให้ เพราะทุกพรรครู้ดีว่าผมเป็นคนจริง เป็นคนตรง
ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะช่วยพรรคใดได้ขณะที่เป็น ส.ว. ผมเป็นสมาชิกวุฒิสภา เป็น ส.ว.ภูเก็ต ผมถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับผม ผมได้รับความไว้วางใจ ได้รับเกียรติที่สุด ผมก็ภูมิใจที่สุดแล้ว
ผมไม่ได้หวังจะเป็นใหญ่เป็นโต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่หวังที่จะใช้ตำแหน่ง ส.ว.ไปเป็นบันไดทางการเมือง เอาแค่ตำแหน่งประธานกรรมาธิการในวุฒิสภา ผมก็ไม่อยากเป็น ถ้าต้องแลกกับการสูญเสียต่อผลประโยชน์ของประชาชน
ถ้าห้ามไม่ให้พูดความจริงในสภาคงจะไม่ขอเป็นอะไรทั้งสิ้น เพราะผมเสนอตัวเป็น ส.ว. ก็เพราะต้องการมาพูดให้ประชาชน มาดูผลประโยชน์ให้ประชาชนให้กับบ้านเมือง
ท่านจะเห็นว่าผมจะเป็นตัวแทนในการอภิปรายทุกครั้ง สี่ปีที่ผ่านมาไม่เว้นตั้งแต่พรรคประชาธิปัตย์ มาถึงพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล
เมื่อสัปดาห์ก่อน มีสมาชิกวุฒิสภาขอให้วุฒิสภาผ่าน พ.ร.บ.กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เพื่อให้ กบข.ได้นำเงินไปซื้อหุ้น ไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้มากขึ้น ผมต้องทำหน้าที่ค้าน จนกระทั่ง เพื่อน ส.ว.บางท่านโกรธ ซึ่งผมจำเป็นต้องทำ ต้องรักษา ต้องดูแลผลประโยชน์แก่ประชาชน
ถ้าบอกว่าพรรคไทยรักไทย หรือพรรคการเมืองมาต่อรอง เขาคงไม่มาต่อรองกับผมแน่ เพราะบทบาทในวุฒิสภามันฟ้องอยู่แล้ว ว่าใครทำงานอย่างไร
ช่วงนี้ระฆังการเมืองกำลังจะดัง ขอให้ท่านเตรียมตัวให้พร้อม พิจารณาให้รอบคอบเพราะอำนาจสูงสุดที่ท่านจะให้ใครมาบริหารประเทศ จะให้ใครมาเป็นผู้แทนในสภา สำคัญครับ