ปีศาจ
คอลัมน์/ชุมชน
เมื่อผมแสดงความเห็นด้วยกับม็อบขับไล่ คมช. เห็นด้วยกับการล้มร่างรัฐธรรมนูญฉบับคาบไปป์ ใครคนหนึ่งก็บอกกับผมว่า
"ทำไม ต้องการให้ทักษิณกลับมาเหรอ!"
ผมนิ่งงัน ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ผมพูดเรื่องนี้ต่อคนรอบข้างไปหลายครั้งแล้ว ผมคิดได้อีกครั้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้กลายเป็นปีศาจหลอกหลอนใครต่อใครไปแล้วจริง ๆ
หลอกหลอนกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ออกแบบรัฐธรรมนูญ เพื่อสกัดกั้นพรรคไทยรักไทย และการกลับมาสู่อำนาจของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร จนนักวิชาการใหญ่ท่านหนึ่งเรียกร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า "หมายจับทักษิณ"
หลอกหลอนบรรดาชนชั้นกลางที่คร่ำครวญอยู่กับคุณธรรม จริยธรรม หลอกหลอนบรรดาองค์กรและสถาบันต่าง ๆ จนเสียกระบวน ยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งเรื่องที่ผิดหลักการ เช่นฉีกรัฐธรรมนูญ ยึดไอทีวี ยุบพรรคการเมือง อายัดทรัพย์ และหลอกหลอนสังคมไทยจนมืดบอดถึงทางตัน
หลังจากตระหนักว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กลายเป็น "ปีศาจ" ที่ใครต่อใครเกลียดและกลัวไปแล้ว แวบหนึ่งผมก็นึกถึง "สาย สีมา" ตัวละครเอกในวรรณกรรมคลาสสิคของ เสนีย์ เสาวพงศ์
--------
หลังจากเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 "ปีศาจ" ได้กลายเป็นวรรณกรรมยอดนิยมของคนหนุ่มสาว ผู้ตื่นตัวและเร่าร้อนอยากเปลี่ยนแปลงสังคมและเลือกสละตนเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ทุกข์ยากเหล่านั้น
"ปีศาจ" เป็นวรรณกรรมที่เกือบหาผู้จัดพิมพ์ไม่ได้ในทศวรรษ 2490 กลับกลายเป็นงานที่ขายดีจนต้องพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังเหตุการณ์ทางการเมืองทั้ง 2 ครั้ง
"ปีศาจ" จัดได้ว่าเป็นนวนิยายเพื่อประชาชน ที่ถูกใช้สื่อสัญลักษณ์ต่างกันไปในแต่ละสภาพการณ์มันอาจจะหมายถึงตัวแทนของความคิดใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงไปในทางก้าวหน้า เป็นความคิดที่สั่นคลอนกระทั่งล้มล้างค่านิยมเดิม ๆ ของสังคมที่ยังแฝงไว้ด้วยอุดมการณ์ของการแบ่งแยกชนชั้น
"สาย สีมา" คือตัวละครเอกของเรื่อง เขาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับ ค่านิยมดั้งเดิม ความคิดความเชื่อภายใต้โครงสร้างสังคมเก่าซึ่งไม่เอื้อให้เกิดความเสมอภาค และความยุติธรรม สิ่งเหล่านี้จะต้องเปลี่ยนแปลง
สาย สีมากล่าวไว้ในตอนจบของวรรณกรรมเรื่องนี้ด้วยประโยคอันลือลั่นที่ถูกอ้างถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า
"ความคิดผิดแผกแตกต่างกันในสมัยและเวลา ทำให้คนเรามีความคิดผิดแผกแตกต่างกันด้วย ผมเป็นปีศาจที่กาลเวลาได้สร้างขึ้นมาหลอกหลอนคนที่อยู่ในโลกเก่า ความคิดเก่า ทำให้เกิดความละเมอหวาดกลัว และไม่มีอะไรที่จะเป็นเครื่องปลอบใจท่านเหล่านี้ได้ เท่ากับไม่มีอะไรหยุดยั้งความรุดหน้าของกาลเวลาที่จะสร้างปีศาจเหล่านี้ให้มากขึ้นทุกที ท่านคิดจะทำลายปีศาจตัวนี้ ในคืนวันนี้ต่อหน้าสมาคมชั้นสูงเช่นนี้ แต่ไม่มีทางจะเป็นไปได้ เพราะเขาอยู่ในเกราะกำบังแห่งกาลเวลา ท่านอาจจะเหนี่ยวรั้งอะไรไว้ได้บางสิ่งบางอย่างชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท่านไม่สามารถจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้ตลอดไป"
--------
ความเป็น "ปีศาจ" ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นั้นยังชวนให้ผมคิดถึงความเป็น "ปีศาจ" ของปรีดี พนมยงค์ อีกด้วย
การเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ที่ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น ยังเป็นสิ่งที่หลอกหลอนใครต่อใครหลายคนจนถึงปัจจุบัน จนถึงตอนนี้เชื่อว่ายังมีบางคนที่ไม่อาจทำใจยอมรับเหตุการณ์ 2475 ได้ การต่อสู้ระหว่างฝ่ายศักดินากับคณะราษฎรนั้นเข้มข้นรุนแรงจนไม่อาจจะลืมกันได้ง่าย ๆ
ปรีดี พนมยงค์ ถูกทำให้เป็น "ปีศาจ" จากฝ่ายตรงข้าม (หมายรวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ด้วย) จนเขาไม่อาจอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ นี่เป็นสิ่งที่รู้กันดี ซึ่งมันก็ช่างคล้ายคลึงกับ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่อาจทนแรงโฆษณาชวนเชื่อที่ใส่ร้ายป้ายสีกันเกินจริง ยกตัวอย่างเช่น เรื่อง "ปฏิญญาฟินแลนด์" จนยังไม่อาจกลับบ้านเกิดของตัวเองได้
แม้ว่าประวัติศาสตร์ช่วยทำให้ชีวิตของปรีดี พนมยงค์กระจ่างขึ้นแต่ความเป็น "ปีศาจ" ของเขาก็ยังอยู่ในความคิด ความเชื่อของหลายคน
---------
จุดร่วมในความเป็น "ปีศาจ" ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของ สายสีมา และของรัฐบุรุษ ปรีดี พนมยงค์ นั้น คือการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาในสังคมด้วยหวังจะนำพาสังคมไปสู่ความก้าวหน้า แม้ว่าจะถูกต่อต้านกระทั่งกำจัดให้พ้นไป แต่ "ปีศาจ" ก็ยังคงวนเวียนหลอกหลอน ทั้งนี้ก็เพราะว่าคนทั้ง 3 นี้เป็น "ปีศาจของกาลเวลา" นั่นเอง