Skip to main content

โอเคเบตง – เบตงใน "จินตนาการ"

คอลัมน์/ชุมชน

"พระธรรม" ที่เบตง








" โอเคเบตง " เป็นเรื่องของชายหนุ่มชาวอิสานชื่อ " ธรรม " ที่เมื่อตอนเริ่มเรื่องกำลังบวชเป็นพระ – " พระธรรม "... พระธรรมได้รับจดหมายจาก "จัน" หรือ "เจน" พี่สาวที่ทำงานอยู่ที่เบตง ว่าเธอและลูกสาวกำลังจะกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่แล้วพี่สาวก็มาไม่ถึงบ้าน เพราะขบวนรถไฟที่เธอโดยสารถูกวางระเบิด เหลือเพียง " มารีอา " ลูกสาวของเธอที่เกิดจาก "กาเซ็ม" ชายมุสลิมมาเลย์ ที่ปัจจุบันทิ้งเธอและลูกกลับไปอยู่ที่มาเลเซียแล้ว ด้วยเหตุนี้ แทนที่พี่สาวจะกลับมาเยี่ยม พระธรรมต้องกลายเป็นผู้ที่เดินทางมางานศพพี่สาวที่เบตงแทน

ที่เบตง พระธรรมพบว่ามารีอาต้องอยู่ในความดูแลของ " หลิน " หญิงสาวค้าขายเชื้อสายจีนผู้เป็นเพื่อนบ้านของพี่สาว และด้วยความที่บ้านของพี่สาวเป็นร้านเสริมสวย มารีอาจึงต้องอยู่ในแวดล้อมของสาว ๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นผู้หญิงทำงานกลางคืน พระธรรมจึงตัดสินใจสึกเพื่อมาดูแลมารีอา ... เรื่องราวการเรียนรู้ " โลก " ของ " ธรรม " ชายหนุ่มผู้บวชเรียนมาตลอดชีวิตจึงเริ่มต้นขึ้น

ระหว่างการดูแลมารีอา ธรรมต้องเรียนรู้ที่จะมีชีวิตทางโลก เริ่มจากการหัดนุ่งกางเกง แต่ไม่นุ่งกางเกงในทำให้ถูกซิปหนีบอวัยวะสำคัญ , การถ่ายรูปเพื่อทำบัตรประชาชนอย่างทุลักทุเล , หัดถีบจักรยานแบบล้มแล้วล้มอีก , กินอาหารแบบปรุงรส ฯลฯ ทั้งหมดนี้ เราจะเห็นความน่ารักปนขบขันของวิธีการเรียนรู้โลกของธรรมโดยมีหลินเป็นพี่เลี้ยง … แน่นอนว่า หลินคือหญิงสาวคนแรกที่ธรรมสัมพันธ์ และบางครั้งสัมผัส ธรรมจึงเกิดอาการข้างเคียงจากการนี้ คือเริ่มมีความรู้สึกทางใจจากการสัมพันธ์ และความรู้สึกทางกายจากการสัมผัสนั้น


แต่หลินมีคนรักอยู่แล้วเป็นชายหนุ่มมุสลิมชื่อฟารุก ผู้ซึ่งปรากฏตัวตอนกลาง ๆ เรื่อง หนังนำเสนอให้เห็นว่า หลินกำลังเตรียมตัวเพื่อจะแต่งงานกับฟารุก เพราะเธอกำลังฝึกฝนพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน แต่ขณะนี้เธอกำลังมีความขัดแย้งบางอย่างกับฟารุก ดังคำพูดที่หลินพูดถึงฟารุกให้ธรรมฟังว่า "ทุกอย่างเปลี่ยนไป ห่างกันไป เหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักกัน" รวมทั้งหนังนำเสนอ การปรากฏตัวของฟารุกในลักษณะคลุมเครือ ในที่มืด และในที่ลึกลับห่างไกล ราวกับหนังกำลังบอกว่า ฟารุกกำลังทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่เปิดเผย และการกระทำนั้นคือสิ่งที่หลินไม่เห็นด้วย… ฟารุกกำลังทำอะไร หลินและธรรมกำลังสงสัยว่าเขาเป็นผู้วางแผนระเบิดรถไฟที่ทำให้พี่สาวของธรรมต้องตายใช่หรือไม่


แล้วฟารุกก็มาพบกับธรรมเพื่อบอกว่าเขาไม่ได้ทำ แต่แล้วในท้ายที่สุดเขาก็มอบตัวเพื่อดำเนินคดี โดยที่เรายังคงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขามอบตัวเรื่องอะไร เขาระเบิดรถไฟหรือไม่ ถ้าไม่ ทำไมเขาจึงต้องมอบตัว เขากำลังต้องการพิสูจน์อะไร ฯลฯ… "ความเป็นฟารุก" ยังคงคลุมเครือและชวนสงสัยอยู่เสมอตั้งแต่ที่เขาเริ่มปรากฏตัวจนกระทั่งจบเรื่อง

ที่เบตงมีมุสลิม

พระธรรมต้องมาเบตงเพราะพี่สาวตายจากการที่รถไฟถูกวางระเบิด และหนังเรื่องนี้ก็พูดเป็นนัยว่ารถไฟถูก วางระเบิดโดยมุสลิม ผ่าน "พฤติกรรม" อันคลุมเครือของฟารุก และเมื่อพระธรรมนั่งรถไฟมาเบตง เขาก็จินตนาการไปว่ากำลังถูกรายล้อมด้วยคน มุสลิมติดอาวุธ ท่าทีคุกคาม และเมื่อมาถึงเบตงแล้ว พระธรรมก็ต้องสึกเพื่อมาดูแลหลานสาวที่ไม่มีใครดูแล เพราะแม่ผู้เป็นพี่สาวของพระธรรมเพิ่งจะตายไป และพ่อของหลานซึ่งเป็น มุสลิมก็ได้ทอดทิ้งไป นานแล้ว… ดังนั้น ใช่หรือไม่ที่หนังเรื่องนี้กำลังพยายามพูดว่า ความยุ่งยากทั้งหลายเกิดขึ้นจากคนมุสลิม


พระธรรมคือศูนย์กลางของเรื่อง ที่ถ้าหากทำความเข้าใจเรื่องนี้ในระดับพื้นผิว เราก็จะเห็นว่า หนังเรื่องนี้กำลังพูดถึงการเรียนรู้และทำความเข้าใจโลกของธรรม ที่ถึงแม้จะขลุกขลักบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียรักครั้งแรกที่มีต่อหลิน และในที่สุดก็สูญเสียหลานสาวเมื่อพ่อของเธอตัดสินใจมารับไปอยู่ด้วย เสียความ "บริสุทธิ์" ฯลฯ แต่การเรียนรู้เล่านี้ก็ยังดูน่ายินดีมากกว่าหม่นหมอง และในท้ายที่สุด ธรรมก็ทำความเข้าใจบนฐานคิดแบบพุทธศาสนาได้ว่า ในโลกอันซับซ้อนนี้ "สิ่งทั้งปวง ไม่ควรยึดถือมั่น" ซึ่งเป็นวาทะของท่านพุทธทาส ที่หนังใช้เปิดเรื่อง


"ธรรม" จึงเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว ณ เบตง ที่ถึงแม้ในความเป็นจริง เบตงจะประกอบไปด้วยผู้คนที่หลากหลาย ทั้งไทยพุทธ และไทยมุสลิม แต่หนังเรื่องพยายามเน้นวิธีคิดแบบพุทธที่เสนอผ่านการเรียนรู้ของธรรม แต่ไม่มีการนำเสนอ "ความเป็นมุสลิม" แต่อย่างใด ตัวละครมุสลิมเป็นเพียงตัวประกอบที่เคลื่อนผ่านไปมาและมองเห็นได้ไม่ชัด… แต่เมื่อมีตัวละครมุสลิมที่เราเห็นด้วยสายตาได้ชัดอย่างฟารุกและกาเซ็มพ่อของมารีอา เขาเหล่านี้กลับ เป็นมุสลิมที่สร้างปัญหา ให้กับ "ธรรม" รวมทั้งยังดูน่าสงสัย และคลุมเครือ


จินตนาการ "เบตง" ของหนังเรื่องนี้ จึงไม่ใช่เบตงที่เต็มไปด้วยความหลากหลายของชาติพันธุ์และความเชื่อความศรัทธา หากแต่ เป็นเบตงที่มี "พุทธ" เป็นศูนย์กลาง และ "มุสลิม" ที่ไม่น่าไว้ใจอยู่รายล้อม…

ซึ่งก็คงจะไม่ต่างไปจากจินตนาการของ "รัฐไทย" ที่มีต่อสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นัก