Skip to main content

เต๋า ย่อมไม่ชอบพิชิตด้วยกำลัง และอาวุธเป็นสิ่งชั่วร้าย


คุณที่รัก


ผมมีหนังสือเก่า ๆ เกี่ยวกับธรรมะของเต๋าเล่มหนึ่งชื่อว่า "ลัทธิเต๋า" หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่รวบรวมและเรียบเรียงบอกเล่าความเป็นมาของลัทธิเต๋า และคำอธิบายเกี่ยวกับหลักธรรมของเต๋าผสมผสานเข้ากับหลักธรรมทางพุทธศาสนาเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้งและกลมกลืนโดย โมทยากร ที่จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ พิทยากร 266 เวิ้งนครเกษม กรุงเทพฯ (ไม่ระบุปี พ..ที่ตีพิมพ์)

เมื่อสองสามวันก่อน


ผมหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูอีกครั้งหนึ่ง ผมพบว่ามีอยู่สองสามบทในหนังสือเล่มนี้ ที่มีเนื้อหาเข้ากับสถานการณ์ทางการเมืองของเราในปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อน และแตกแยกกันเป็นฝักฝ่าย หลายพวกหลายกลุ่ม และส่อเค้าว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ไม่วันใดก็วันหนึ่ง


ซึ่งเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยต่อการติดตาม ยากที่จะเข้าใจ และเกินสติปัญญาคนอย่างผมจะวิพากษ์วิจารณ์ เพราะผมไม่แน่ใจว่าควรจะไปยืนอยู่ฝ่ายใด จึงจะเป็นฝ่ายที่ถูกต้องและชอบธรรมที่สุด เพราะแต่ละฝ่ายต่างก็มีหลักการและเหตุผลที่น่าเชื่อถือด้วยกันทุกฝ่าย ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงได้แต่เฝ้ามองดูอย่างเบื่อ ๆ



และด้วยความสัตย์จริง


คนที่ค่อนข้างโง่และมีจิตสำนึกทางการเมืองต่ำอย่างผม ไม่ว่าใครจะถูกใครจะผิดทางการเมือง ใครจะเป็นใหญ่ขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศนี้ ผมไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ ผมเพียงแค่ไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะทุกครั้งที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น ถึงขั้นใช้อาวุธปะทะกันระหว่างคนไทยด้วยกัน แต่ถูกการเมืองแบ่งแยกให้เป็นศัตรูกัน


คนที่สมควรตายมักจะไม่ตาย แต่คนที่ไม่ค่อยรู้อิโหน่อิเหน่อะไรที่อยู่ปลายแถว มักจะล้มตายกันเป็นเบือ พูดง่าย ๆ ว่าผมเป็นเพียงแค่นักมนุษย์นิยมเชย ๆ คนหนึ่งที่รักชีวิตของมนุษย์มากกว่าลัทธิทางการเมืองเท่านั้นเอง


เพราะผมมองเห็นอย่างชัดเจนว่า ลัทธิทางการเมืองทุก ๆ ลัทธิในโลกนี้ ไม่ว่าจะเลิศเลอล้นฟ้าสักเพียงใด ก็ไม่สามารถชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นกลับคืนมาใหม่ได้ และนี่คือธรรมะจากเต๋าและพุทธศาสนา ที่ผมขอมอบให้แก่สถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเมืองของเราที่ยังคงตึงเครียดกันอยู่ในขณะนี้



1. เต๋า ย่อมไม่พิชิตด้วยกำลัง
การใช้กำลังข่มขู่ เพื่อแสดงอำนาจ
ย่อมไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป
ผู้ที่ใช้กำลัง
ย่อมจะถูกโต้ตอบด้วยกำลัง
ผู้ที่คิดทำร้ายคนนั้น
ย่อมจะถูกคนนั้นทำร้ายตอบ
สมเด็จพระสัมมาสัมมาพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
เมื่อเขาโกรธเราไม่พึงโกรธตอบ
เมื่อเขาดุด่า เราไม่พึงด่าตอบ
ใช้วิธีนิ่งเสีย พอเขาเมื่อยปากย่อมหยุดไปเอง
การที่ทรงมิให้ได้ตอบ
เพราะจะต้องถูกโต้ตอบอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เพราะองค์จึงสอนให้ตัดบทเสีย
เมื่อเขาพาลเราอย่าพาลตอบ
ความนิ่งเท่านั้นที่จะเกิดสิ่งดีขึ้น
ทรงสอนให้เอาชนะด้วยความชั่วความดี
ด้วยการนิ่งเสียนั้นเอง
การศึกสงครามย่อมไม่มีใครชอบ
เพราะเป็นลักษณะที่ใช้ความรุนแรง
เป็นลักษณะของคนชอบทำลาย
เต๋าจึงว่า ผู้ที่รักเต๋า
และประสงค์จะมาช่วยเหลือกิจการของบ้านเมือง
จะต้องตัดการพิชิตด้วยกำลังทหาร
เมื่อรุ่งโรจน์ย่อมมีตกต่ำ
ความรุนแรงจึงขัดกับเต๋า
ผู้ที่ขัดกับเต๋า ย่อมจบสิ้นโดยพลัน



2. อาวุธเป็นสิ่งชั่วร้าย
เต๋าว่า อาวุธเป็นสิ่งชั่วร้าย
แม้จะมีลวดลายสวยงาม
แต่แฝงด้วยหยดโลหิต
ดังนั้นผู้มีศาสนาธรรม ย่อมเลี่ยงการใช้อาวุธ
แสดงว่าเต๋ารักสันติไม่ชอบความรุนแรง
เพราะความรุนแรงย่อมเกิดความพินาศ
เต๋าถือว่า ทางออกที่ดีคืออยู่ในความสงบ
แม้จะรบชนะก็มิใช่สิ่งดีงาม
ผู้ที่ชื่นชมในการฆ่าฟัน
จะไม่สมปรารถนาใด ๆ
บุคคลที่เจริญแล้วย่อมไม่ใช้อาวุธ
ในพระพุทธศาสนาก็ไม่สรรเสริญการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
ฆ่าสัตว์ในที่นี้ย่อมหมายถึงสิ่งที่มีชีวิต
ทั้งคนและสัตว์ เพราะถือว่าบาป
ไม่ว่าสัตว์หรือคนเหมือนเมื่อมีชีวิตอยู่
ย่อมรักชีวิตของตน
ไม่ปรารถนาให้ใครมาฆ่า
พระองค์จึงสอนไม่ให้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
เพราะเมื่อเขาเบียดเบียนเรา
เราก็เบียดเบียนตอบ
เป็นการจองเวรไม่มีที่สิ้นสุด
เต๋าจึงว่า การล้างผลาญคนย่อมนำมาซึ่งความเศร้าโศก
แม้ชัยชนะย่อมฉลองด้วยพิธีศพ
จึงเห็นว่าแม้อาวุธลวดลายสวยงาม
แต่เหมือนนำไปใช้ในทางที่ผิด
จะกลายเป็นสิ่งชั่วร้าย.


ครับ ทั้งหมดนี้เป็นสัจธรรมที่ต้องเป็นเช่นนี้หรือไม่ เชิญพิจารณากันเอาเองนะครับ.



29 มิถุนายน 2550
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่