Skip to main content

ไปเป็นโยคีที่เมืองพม่า ตอนที่ 2

คอลัมน์/ชุมชน

 

ยามเย็น 30 พฤษภา
เธอเอ๋ย


ขำตัวเองอยู่ลึกๆ นึกถึงวันปฐมนิเทศ หลังจากที่เธอกลับเมืองไทยแล้วหนึ่งวัน มีฉันกับหนุ่มแคนาดา สองคนเท่านั้น ที่ได้รับการปฐมนิเทศโดยการฟังเทปภาษาอังกฤษ (เป็นเสียงของท่านอาจารย์ใหญ่) เณรมาเรียกให้ไปฟังที่ห้องสำนักงาน แล้วเณรก็ปล่อยเราไว้กับเทป พอเทปจบ เราก็เงอะงะ เอ๊ะ...แล้วจะอย่างไรต่อ ก็เลยคุยกัน คุณคนนั้นเธอเคยปฏิบัติตามสายฮินดูที่ประเทศญี่ปุ่น ผ่านมาทางพม่า จึงทดลองดูสักระยะ แล้วจะไปต่อฮินดูที่อินเดีย

พอวันที่สอง ก็ฟังเทปต่อเหมือนเดิม มีแค่เราสองคน ฉันแอบสร้างกรรมในใจ ด้วยการขำตัวเอง ที่เคยวาดหวังว่าจะมีใครสักคนอยู่ข้างๆ บนเส้นทางสายนี้ แบบนี้ แล้วนี่ก็มาเจอแล้วไง คนแปลกหน้าจากแคนาดา ดูสิ...เพื่อนเธอ


เธอคงนึกภาพฉันออกนะ การเข้ามาอยู่ในบรรยากาศของคนบุญที่แตกต่างไปจากเมืองไทยโดยสิ้นเชิง ซึ่งเธอก็ได้มาเห็น แม้จะไม่ได้อยู่ปฎิบัติธรรมร่วมกับฉันก็ตาม ขณะที่ฉันกำลังปรับสภาพภายในของตัวเองให้ชินกับการเคลื่อนไหวช้าๆ แต่ภายในใจฉันมันเคลื่อนไหวเร็วเหลือเกิน ยิ่งในยามที่มองเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวแปลกใหม่ ความอยากรู้อยากเห็นในตัวฉันทำงานอัตโนมัติ ราวกับมีเครื่องบันทึกภาพไว้ที่หัว หู ตา จมูก มันช่างขยันทำงานปานเรด้าร์ จึงต้องระมัดระวังจนเกร็งทีเดียว


วันนี้ แม่ชีตัวน้อยคนนั้น (จำได้ใช่ไหม เด็กผู้หญิงอายุไม่เกินสิบขวบ ที่สวดมนต์เสียงดังแจ้วๆ เมื่อคืนงานบุญใหญ่ ที่นั่งแถวหน้าเรา) เธอสึกแล้วนะ แม่มารับตัว ภาพที่ฉันเห็นเช้าตรู่นี้ ที่ห้องสวดมนต์ เธอร้องไห้ฟูมฟายไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้า แม่ต้องกอดปลอบประโลมบอกว่า ค่อยกลับมาบวชใหม่ เธอจึงยอมให้คนอื่นจัดการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้ ฉันสงสัยจึงถามแม่ชีคนไทยว่าที่นี่เขาอนุญาตให้เด็กๆ บวชได้เมื่ออายุเท่าไหร่ ท่านบอกว่าไม่มีจำกัดอายุ ขอให้รู้จักดูแลตัวเองหรือนุ่งผ้าถุงเองได้เท่านั้น ช่างเป็นบุญของผู้หญิงพม่าที่การเข้าวัดบวชชีคือเกียรติยศอย่างหนึ่งของชีวิต หาใช่การดูถูกดูแคลนว่าผิดหวังในทางโลกเช่นที่บ้านเราไม่ เด็กเล็กๆ ที่นีจึงโกนหัวบวชชีมากมาย เครื่องแต่งกายสีชมพูอ่อนๆ ของเธอเหล่านั้น ยามอยู่ด้วยกันเป็นหมู่เหล่า คล้ายดอกบัวเบ่งบานในบึงกว้าง แจ่มใส...ชวนมอง



เรื่องเครื่องแต่งกาย ฉันรู้ว่าที่นี่ใช้ผ้านุ่งสีน้ำตาลเข้ม และเสื้อขาวพร้อมสไบเฉียงสีน้ำตาล ฉันมีกระโปรงยาวสีน้ำตาลที่แหวกชายอยู่หนึ่งตัว คิดว่าน่าจะใช้ได้ แต่พอนำมานุ่งแล้ว แม่ชีคนไทย มากระซิบบอกว่า ไม่น่าจะนุ่งแบบนี้นะ จึงต้องรีบไปเปลี่ยนเป็นผ้าถุงที่เหมือนคนอื่นๆ แม้ในใจจะหงุดหงิด แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว การยอมสลัดความเคยชินของตัวเองออกไป ก็น่าจะเป็นเรื่องท้าทายตัวเองพอสมควร อย่างที่ฉันเคยบอกเธอหลายหนแล้ว คนอย่างฉันมันเป็นสัตว์เสรี เลือดพยศเยอะมาก การอยู่ในกฏในเกณฑ์เป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันจะยอม แต่แล้วเมื่อตัดสินใจมาเรียนรู้ถึงที่นี่ การยอมเปลี่ยนเปลือกนอก ให้ดูเหมือนคนอื่นๆก็ใช่จะไร้สาระ เป็นการยอมรับที่จะแสดงความเคารพต่อสถานที่ และที่สำคัญ น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีของการทำตัวเองให้เป็นผู้ที่ "ถูกสอนได้ง่าย" ขึ้นบ้าง


เรื่องสำคัญที่เธอฝากให้ทำ ฉันจัดการแล้วนะ ทันทีที่เธอกลับเมืองไทยแล้ว ฉันถือเงินและขนมไปถวายแม่ชีไทย ที่ห้องของท่าน เธอเอ๋ย...ถ้าฉันเล่าแล้ว เรียกได้เลยว่าเป็นความฟุ้งซ่าน เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เพราะฉันได้สัมผัสกับเรื่องราวชะตากรรมของฉัน เหมือนฉากละครค่อยๆ เผยตัวละครออกมาทีละตัว ฉันจึงต้องสำรวมใจอย่างที่สุด


เป็นอันว่า การมาถวายของให้แม่ชีครั้งนี้เหมือนฉันมาเข้าพิธีรับน้องใหม่หรือปฐมนิเทศอีกครั้ง โดยแม่ชี เพราะท่านบอกว่า "ตั้งใจปฎิบัตินะ ไม่มีใครบังคับให้เรามา ถ้าเราไม่เอาจริงเอาจัง ก็ไม่มีใครเขาว่าหรอก ทุกอย่างที่นี่เป็นของฟรี ตามที่ท่านอาจารย์ว่า ขอแต่ให้ตั้งใจ อาหารการกินที่นี่อาจไม่สมบูรณ์เหมือนที่เมืองไทย แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดของเขา คนที่นี่ยากจน แม้ว่าที่บ้านของเขาจะไม่มีกิน แต่เขาเห็นคุณค่าของการปฎิบัติธรรม เขาจึงดูแลคนปฎิบัติธรรม เหมือนดูแลพระสงฆ์ เพราะในเวลาที่เขามาปฎิบัติบ้าง คนที่อยู่บ้าน ก็จะดูแลเขา สลับกัน"


"เรามาจากเมืองไกล ถ้าไม่ตั้งใจปฎิบัติ ก็เหมือนนอนกินเลือดเนื้อเขาอยู่นะ"


คำนี้ล่ะ คำที่ว่า "เหมือนนอนกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่นะ" ทำให้ฉันต้องสำรวมระวัง กาย วาจา ใจ มากขึ้น


ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียว บนชั้นสามของตึกนี้ มีพระภิกษุสงฆ์ไทยปฎิบัติอยู่ด้วยหนึ่งรูป เพิ่งมาถึงในวันไล่เลี่ยกับฉัน ทีแรกฉันคิดว่าท่านมากับคณะใหญ่นับสิบรูปนั้น ซึ่งบางท่านดูจะเป็นพระผู้ใหญ่ เข้ามาทักทายพูดคุยด้วยเมื่อฉันพนมมือไหว้ยามเดินสวนทางกัน ท่านว่าคณะท่านมาดูงานการปฎิบัติธรรมเพียงไม่กี่วัน แต่รูปที่ว่านี้ ท่านจะอยู่ปฎิบัติหนึ่งปี....อนุโมทนาเจ้าค่ะ


น้ำปานะหมดแก้วพอดี วันนี้เป็นน้ำสับปะรด แค่นี้ก่อนนะจ๊ะ ต้องขึ้นไปบนห้องกรรมฐานแล้ว คืนนี้จะกลับมาเขียนต่อหากไม่เหนื่อยขาดใจ


ขอให้เธอมีสันติสุข
รักเธอ
ฉันเอง


หมายเหตุ ภาพประกอบจาก http://www.traveladventures.org/
สนใจปฎิบัติธรรม ดู http://www.chanmyay.org