Skip to main content

อ่านความคิด "จอนิ โอ่โดเชา" : ว่าด้วยเรื่องคน สัตว์ นายกรัฐมนตรี

คอลัมน์/ชุมชน


1


จอนิ โอ่โดเชา…ชื่อนี้คุ้นๆ ฟังดูแปลกๆ เป็นใคร มาจากดาวดวงไหน...
บ้างก็ว่าชื่อเหมือนชาวญี่ปุ่น ว่ากันว่า ชื่อนี้เกิดขึ้นในห้วงสงครามโลกครั้งที่สอง


"
กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์" เคยบอกเล่าไว้ในคอลัมน์ กันและกัน…ว่าคุณลุงแจแปนนิสหรือแจแปนิ คือ พะตีจอนิ โอโดเชา





ใครที่รู้จักมักคุ้น คงรู้ว่า ..พะตีจอนิ คุยกับป่า ..แจแปนนิส เป็นชื่อที่ตั้งในวันแรกเกิด ก่อนจะกร่อนเป็นจอนิ เมื่อขึ้นทะเบียนราษฎร ..ตั้งชื่อตามแขกผู้มาเยือน ..ตามระบบวัฒนธรรมปวาเก่อญอ

..สงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพญี่ปุ่นมาเยือนหมู่บ้านยางตาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ คือ เส้นทางเดินทัพและจารึกแห่งหายนะ ..ไม่มีข้าวจะกินและโรคท้องร่วงระบาด


พะตีจอนิ ผ่านวัย ผ่านเวลา และความยากของชีวิต ..ไม่มีบ้านและกำพร้าแม่


จนวันนี้ ..เขา คือ พะตีจอนิของผืนป่า ผู้พร้อมไปด้วยรอยยิ้มและอารมณ์ขัน ..



แต่เขาบอกย้ำกับใครต่อใครว่า เขาคือปวาเก่อญอ แปลว่า "คน"
และเขามักบอกกับผู้คนที่เดินทางไปเยือนไร่ใกล้นาป่าดอยของเขา ว่า เขาคือคนขี้เกียจ


ใช่ เขาคือคนสวนคนหนึ่งที่มีสวนของคนขี้เกียจ (ที่ "หญ้าน้ำ ทุ่งขุนหลวง" เคยเขียนถึงเขา) ไม่ต้องไปทำอะไร ปล่อยให้มันรกเรื้อ ด้วยหญ้ารกปกคลุม วันว่างก็หยิบหน่วยไม้จิ้มลงดินนุ่มชุ่มน้ำ และปล่อยให้นกกาบินมาจับกิ่งไม้ในสวน ขี้หล่นลงดิน กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ กลายเป็นชีวิตงอกงามยามหน้าฝน ให้มดหนู แมลง งู กิ้งก่า ไส้เดือน ฯลฯ ได้อยู่อาศัยร่วมกัน



แน่นอน บางคนอาจมองว่า เขาเป็นคนบ้า คนเพี้ยน...ที่ชอบพูดคุยกับต้นไม้ นก แมลง แสงแดด และสายลม ฯลฯ


ทว่าคนบนดอย ต่างรู้จักเขาดีว่า เขาคือปราชญ์ภูเขา ที่มีมุมมอง ความคิด วิถีชีวิตที่ดูธรรมดาแต่ไม่ธรรมดา


(ไม่ต้องนับถึงตอนที่เขาเป็นสมาชิกสภาพัฒน์ฯ เป็นคณะกรรมการอะไรต่อมิอะไรอีกตั้งหลายแหล่ ที่นักปกครองเขายกย่องและยื่นให้...แต่ก็นั่นแหละ ในขณะที่ผู้ทรงเกียรติคนอื่นเขาใส่สูทผูกเน็คไท ถือกระเป๋าหนังสีดำ หากเขายังคงเรียบง่ายในชีวิตอยู่อย่างนั้น สวมเสื้อทำจากผ้าฝ้ายทอมือ สะพายย่าม บ้างใส่หมวกใบกว้าง บ้างเอาผ้าขะม้าคาดเคียนผม เข้าร่วมประชุมถกเถียง อธิบาย ต่อสู้กับความคิดของนักการเมือง ปัญญาชนคนเมือง (ที่มักคิด ทำ อะไรที่ใหญ่เกินจริง เพ้อฝัน นำไปปฏิบัติไม่ได้)


ในความรู้สึกของผม นับถือในภูมิปัญญา ความคิดของผู้อาวุโสท่านนี้- - และขอยกย่องในฐานะปราชญ์เดินดิน พูดได้ และนำไปคิด ปฏิบัติต่อได้ จริงๆ...


2


หวนนึกถึงเมื่อครั้งที่เราเดินทางไปส่งข่าวให้กับคนเมืองใหญ่ได้รับรู้ ในงานกวีคีตาป่าชุมชน ณ ศูนย์ศิลปะวัฒนธรรม แสงอรุณ กรุงเทพฯ เมื่อหลายปีก่อน


จำได้ว่า ในขณะอยู่ในรถตู้ ผมนั่งติดกับ พะตี(ลุง)จอนิ โอ่โดเชา
บางห้วงยามนั้น, ผมนิ่งฟังพะตีจอนิ ปราชญ์แห่งขุนเขา เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า
มันเป็นเวรเป็นกรรม ที่เราได้มาพบกันบนโลกนี้และร่วมเดินทางสายนี้ด้วยกัน"


ในระหว่างที่พวกเรานั่งอยู่ในรถตู้มุ่งสู่เมืองใหญ่นั้น พะตีจอนิ ได้เล่าคำสอนปวาเก่อญอให้เราฟังอีกเรื่องหนึ่ง…ว่าด้วยเรื่อง คน
"
คนเราจะทำการทำงานอะไร ต้องค้นหาเพื่อนร่วมทางอย่างน้อย 7 คน 7 พวก คือคนหูกว้างมือยาว ร้อนกว่าไฟ เย็นกว่าน้ำ หนักกว่าหิน เบากว่านุ่น คมกว่ามีด แหลมกว่าเข็ม…"


ตอนแรกผมรู้สึกอึ้งในคมความคิดของพะตี แต่สักครู่ก็ได้รับการอธิบายความหมาย…
หูกว้าง คือคนที่ได้ยินไกล รู้จักฟังและเรียนรู้ตลอดเวลา มือยาว หมายถึงคนที่รู้จักใช้เครื่องไม้เครื่องมือเข้ากับการทำงาน ร้อนกว่าไฟ คือคนที่ใจกล้า เย็นกว่าน้ำ คือคนที่นิ่ง สุขุม มีสมาธิ หนักกว่าหิน คือเป็นคนที่หนักแน่น เบากว่านุ่น คือคนที่ใช้สื่อซึ่งเป็นสิ่งเบาแต่ล่องลอยไปไกล คมกว่ามีดแหลมกว่าเข็ม คือคนประเภทผู้มีปัญญา เมื่อรวมคนเหล่านี้มาทำงานร่วมกัน นั่นแหละคือความสำเร็จ…"



3


แหละนี่คือมุมมองความคิด ความรู้สึกของพะตีจอนิ โอ่โดเชา ที่ได้พูดในเวทีอบรม "เรื่องกฎหมายทรัพยากรป่าไม้ให้กับตัวแทนเครือข่ายชนเผ่า" ที่วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ. เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา


ฟังดูแล้ว ทำให้ครุ่นคิดไปไกลเลยครับ...


เขาได้หยิบนายกรัฐมนตรีของไทยทั้ง 5 คนที่ผ่านมา มาทายลักษณะนิสัยชีวิตของแต่ละคนโดยเปรียบเปรยคล้ายกับสัตว์ 5 จำพวก 5 ประเภท ว่า…


1.นายชวน หลีกภัย เปรียบเหมือน "แมลงวันหัวเขียว" บินไปก็บินมา สร้างความรำคาญ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เอาอะไรก็ไม่ได้ ตามเรื่องนี้ก็อ้างกฎหมาย ตามเรื่องนั้นก็อ้างหลักการอยู่ไปเรื่อยๆ


2.นายบรรหาร ศิลปะอาชา เปรียบเหมือน "เขียดแลว" หรือเขียดตะป้าบ ชอบหลบอยู่ตามหุบถ้ำ ถ้าแมงอะไรบินมาให้กิน ก็ออกมาตวัดลิ้นหากินแถวปากถ้ำ ไม่มีของกิน ก็หนีอยู่มุมมืด รอกินใหม่ พึ่งพาอาศัยไม่ได้


3.พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เหมือน "คิงคอง" ชอบส่งเสียงดัง ทำตัวใหญ่ แต่คนจนพึ่งพาอาศัยได้นิดเดียว


4....ทักษิณ ชินวัตร เหมือน "เสือดาว" ไปเร็วมาเร็ว กินเร็ว กินมาก ฉลาดกว่าเพื่อน แต่ไม่แบ่งปันใคร กินข้ามฟ้า กินข้ามทะเล กินจนไม่มีที่กิน กลายเป็น "เสือดาวเทียม"


5.พลเอกสุรยุทธ จุลานนท์ เหมือน "ยุงลาย" เป็นรัฐบาลอายุสั้น ไข่ทิ้งแล้วก็ตาย แต่ให้ระวังพิษ ถ้าถูกกัดอาจเป็นโรคไข้เลือดออก ไข้มาเลเรีย


"แล้วชาวบ้านตัวเล็กๆ อย่างพวกเราล่ะ..." เหมือนเสียงใครตะโกนร้องถาม...


"ชาวบ้านก็เหมือนไก่ นักปกครองก็เหมือนอีเห็น อีเห็นยังไงๆ ก็ยังหวังกินไก่อยู่วันยังค่ำ ไก่ก็ต้องหาทางต่อสู้ต่อไป..." พะตีจอนิ บอกเล่าทิ้งท้าย...


ผมนิ่งฟัง นิ่งอ่านถ้อยคำของเขาแล้วรู้สึกอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมๆ กัน.


**ภาพประกอบโดย "กฤนกรรณ สุวรรณกาญจน์"