Skip to main content

พระอาทิตย์ตก

คอลัมน์/ชุมชน

บนหน้าผาสูง โขดหินใหญ่ ลานกว้าง ลมพัดแรง ประหนึ่งว่าบางขณะจะสามารถล่องลอยตัวขึ้น เคลื่อนลงไปสู่ท้องทุ่งนาเบื้องล่าง ท้องนาที่ชาวนากำลังดำนา ในลมและม่านฝนของฤดูเพาะปลูก ต้นข้าวสีเขียวอ่อนในผืนนาเจิ่งน้ำ ความหมายของมันมิใช่เพียงต้นข้าว หากแต่ภาพทั้งหมดนั้นคือชีวิต คือความหวัง คือแรงบันดาลใจ คืออาหาร คือครอบครัว คือความมั่นคง เช่นนั้นเองในความหมายของต้นข้าวเล็กๆ ที่ปักลงไปและชาวนา นั่นจึงมิใช่แค่การปลูกข้าว แต่มันคือการเติมความหวัง ความฝัน ฝากชีวิตวิญญาณให้แม่โพสพและแม่ธรณีช่วยดูแล เมื่อนั้นผืนนาจึงมิใช่เพียงผืนนา หากแต่มันคือโลกของชาวนา มันคือทั้งหมดของโลกที่มีอยู่ และน้ำทุกหยดนั้น มันคือเลือดและเหงื่อที่เปี่ยมความหมาย

สูงขึ้นมาบนท้องฟ้าที่พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง เรื่อยๆ ช้าๆ เมฆสีเทาทึบปกคลุมฟ้า และปิดดวงตะวันหายไป ฟ้าครึ้มๆ หรือความจริงคือเมฆครึ้มๆ นั้น ล้วนเสริมสร้างให้บรรยากาศยามบ่ายค่ำขรึมขลัง ลึกลับ ทรงพลัง เบื้องหลังคลื่นเมฆสีเทาทึบนั้นเล่า มิได้เห็นตะวันลอยดวง เพียงแต่แสงที่สาดทะลุเมฆเป็นสายเป็นเส้นเล็กใหญ่ว่าไปตามช่องทะลุของเมฆที่จะเว้นไว้ให้ หรือว่าแท้จริงแล้ว ในภาพสนธยานั้น สายแสงตะวันนั้นงามกว่าดวงตะวัน หรือว่าเพียงแต่สายแสงตะวันทะลุเมฆนั้น ซึมเซาหม่นเหงากว่าตะวันเต็มดวงสนธยา เพราะที่สุดแล้ว ไม่ว่าในสภาวการณ์เช่นไร ภาพแบบไหน สนธยาก็หม่นเหงาอยู่เช่นกันนั่นเอง

ว่ากันโดยเฉพาะเส้นแสงนั้นเล่า ยิ่งขับงามมหัศจรรย์ นี่ขนาดเมฆหม่นเทายังขับแสงออกมางามจับใจ หากว่าเมฆถอยไปไกลอีกนิด เป็นเมฆสีขาว และเบื้องหลังเป็นสีฟ้าของท้องฟ้ายามเย็น เส้นแสงคงขับแสงประกายยิ่งนัก ไม่รวมไปถึงว่าวันใดสายฝนเพิ่งซาเม็ด เมฆสีขาวบนขอบฟ้าสีฟ้าสดคงเกิดประกายรุ้งงามตามธรรมชาติ และด้วยภาพนั้นที่นำพาหัวใจของผู้คนให้เบิกบาน แม้ในความหม่นเหงาของสนธยาก็ตามที


สายลมของฤดูฝนพัดเบาบ้างแรงบ้างว่าไปเป็นบางวัน ใบไม้ ก้านของใบไม้เหนียวและติดแน่นอยู่กับกิ่งไม้ แต่ก็อ่อนไหว อ่อนโยน ยืดหยุ่น นั่นทำให้มันสามารถเคลื่อนไหวในสายลมได้โดยไม่หลุดร่วงไป ความอ่อนนี่เองที่ทำให้ใบไม้เคลื่อนไหว และก่อเกิดเป็นเสียงประสานกับลม เบาหรือดังก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของใบนั่นเอง เสียงของมันแม้ไม่ได้จัดเรียงตามระบบของตัวโน๊ตดนตรี แต่มันก็เป็นเสียงที่นำพาหัวใจให้อ่อนโยน และในมุมตรงข้าม หากลมนั้นแรงขึ้นถึงขั้นที่เรียกว่าพายุ เสียงทั้งหลายนั้นก็อาจกลายเป็นเสียงอันน่าสะพรึงกลัวได้เช่นกัน


นั่นเองจะต่างอะไรกับหัวใจของมนุษย์เล่า หากวางหัวใจไว้ดั่งใบไม้ เคลื่อนไหวยืดหยุ่นในสายลม อ่อนโยนต่อโลกและสรรพสิ่งแล้วไซร้ ก็อาจนำความงดงามมาสู่ชีวิต แต่หากลมนั้นกระพือโหม ก็อาจกราดเกรี้ยวเช่นเดียวกัน มากไปกว่านั้น หากวางตนประหนึ่งใบไม้อ่อนโยนแล้ว ไม่ว่าลมจะโหมพัดเพียงใด ใบไม้ก็อาจยังสามารถยืนหยัดดำรงอยู่ได้มั่นคง มั่นคง…


ดวงอาทิตย์ลับฟ้าหายไปในหลังเมฆหม่น ไม่นานนักราตรีก็จะกรายเข้ามาห่มคลุมผืนดินอีกครั้ง ณ โคนผาสูงนี้ แม้มิมีผู้ใดแวะเวียนมาชื่นชม มันก็ยังจะดำรงสภาพบอกเล่าเรื่องราวและกาลเวลานี้เช่นเดิม ทุกวัน ทุกวัน….