Skip to main content

บัวสีเทา: รวมกลุ่มเพื่อร่วมกุม (2)

คอลัมน์/ชุมชน

เตะ ตี ต่อย เกิดขึ้นบ่อยหากไม่ระวังตัว

"
มองหน้านานเกินไป" "หลีสาวคนเดียวกัน" "พูดจาเมาไม่รู้เรื่อง" "เบ่ง อวดใหญ่ คิดว่ากูเจ๋ง" – พฤติกรรมที่ว่ามานี้ ได้รับการยอมรับว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้โดนตีได้มากที่สุด ตั้งแต่สมัย "นักเลงหัวไม้" มาจนถึงสมัย "แก๊งซามูไร" หากใครดันไปทำตัวแบบนั้นเข้าละก็ มีหวังโดนเย็บหรืออาจเจ็บตัวได้ง่ายๆ

นอกจากนี้หากยิ่งมีพฤติกรรมที่ว่ามานี้ บวกกับดื่มสุรา กินเหล้า แล้วสมองก็ยิ่งไม่สามารถควบคุมตนให้รู้ตัวได้อีก รับรองว่า เตะ ตี ต่อย เกิดขึ้นมาแน่ๆ


เมื่อก่อนนักเลงส่วนมาก จะใช้ไม้หน้าสาม เป็นอาวุธป้องกันตัว หรือเป็นเครื่องไม้เครื่องมือเอาไว้สู้กับฝ่ายตรงข้าม แต่ปัจจุบัน นอกจากจะมีไม้หน้าสามแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มีดสั้น ดาบซามูไร เหล็กแท่ง ก้อนหิน แก้ว ขวดน้ำอัดลม ขวดเหล้า ที่คีบน้ำแข็ง ปากกาลูกลื่น ปูนลูกโม่ ฯลฯ คืออาวุธที่สามารถนำมาต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้ และโดยมาก เหตุที่จะเกิดการเตะ ตี ต่อย ก็มักจะมีอยู่ไม่กี่ที่ เช่น ผับ ร้านเหล้า ท้องถนนเปลี่ยวๆ หรือทางเปลี่ยวๆ


ครั้งหนึ่ง บัวกับผม ขี่มอเตอร์ไซค์กลับบ้านหลังจากเที่ยวที่ผับ พอรถไปจอดที่แยกจราจร ก็มีวัยรุ่นประมาณ 5 คน เข้ามาเตะ และรุมต่อยจนปวดไปทั่วร่างกาย ตอนนั้นจำได้ว่ามีรถยนต์ที่ผ่านมาพอดี บีบแตรเสียงดังมากๆ จนกลุ่มที่เข้ามามีเรื่องกับพวกผมต้องเผ่นหนี โชคดีที่พวกนั้นซ้อมไม่นาน ถ้านาน มีหวังต้องหามส่งโรงพยาบาลแน่ๆ


บัวเคยเล่าว่า หากจะรวมกลุ่มหรืออยู่กันมากๆ แล้วเกิดมีการทะเลาะกันขึ้น การมีเพื่อนหลายๆ คน ก็จะมีการช่วยเหลือกันและกัน บางครั้งต้องมีการโต้ตอบเพื่อช่วยเพื่อน หรือการเข้าไปจัดการยุติกรณีชกต่อย ทะเลาะวิวาท การเที่ยวกลางคืนตามผับ เธคต่างๆ ทำให้ต้องร่วมดื่มเหล้ากับเพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ การเต้นรำกับเสียงดนตรีที่ดัง ทำให้อาจมีการกระทบกับคนอื่นๆ จนเป็นผลให้เกิดการระแคะระคายกัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการทะเลาะชกต่อยกัน


ดังนั้น การมีเพื่อนในกลุ่มหลายๆ คน (ยิ่งมาก) ก็ได้สร้างความมั่นใจว่า จะมีคนคอยช่วย คอยร่วมโต้ตอบเมื่อมีการเคลียร์ หรือเอาคืนให้กันและกัน ดังนั้น การรวมกลุ่มจึงทำให้มีคนที่คอยดูแลช่วยเหลือกันและกันได้ในกรณีต่างๆ และทำให้เกิดความไว้ใจและรักกันมาก


"ถ้าอยู่กันเป็นกลุ่มส่วนใหญ่จะนั่งดื่มเหล้า เล่นหมากรุก คุยกันเรื่องสาวๆ เรื่องเที่ยว ส่วนเรื่องตีกันก็มีบ้างแต่ก็ไม่บ่อยเพราะว่าไม่ชอบหาเรื่องใคร ถ้าตีกันบางทีมีคนมาหาเรื่องก่อน บ้างก็เป็นคู่อริกันมาก่อน บ้างก็ไปช่วยเพื่อน" บัวบอก


แต่การจะมีเพื่อนหลายๆ คนก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นมิตรแท้หรือเพื่อนจริงๆ เพราะบางคนก็แค่เพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว พอมีเรื่องก็ไม่ช่วยกันก็มี แต่ก็ไม่ได้ว่ากันเพราะบางคนก็ไม่กล้าตี ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ


บางคนไม่ตี ไม่ต่อย แต่การมีเพื่อนช่วยเหลือกันและกันด้านอื่น เช่น ช่วยเหลือเรื่องเงิน เรื่องเรียน ให้คำปรึกษา พูดคุยแลกเปลี่ยนในเรื่องต่างๆ อาจเป็นความสัมพันธ์ของเพื่อนที่คบด้วยกันซึ่งผมคิดว่าคนทั่วไปไม่อาจหาได้จากที่ไหนมากกว่าจากกลุ่มเพื่อน


พี่บัวบอกอีกว่า ทุกครั้งที่เขาถูกชกตี ก็จะมีเพื่อนเป็นคนลำดับต้นๆ ที่คอยช่วยเหลือ ไม่ว่าเป็นการเอาคืน หรือ พาไปส่งโรงพยาบาล แต่ครั้งหนึ่งเมื่อเพื่อนถูกชกต่อยบ้างเขาจึงต้องช่วยเพื่อนเช่นกัน เพื่อนจึงเป็นคนที่มีความจริงใจ คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน ในบางเรื่องที่ใครคนอื่นอาจเข้าไม่ถึง


ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ว่า การได้รู้จักหรือสัมพันธ์กับเพื่อนที่มีความจริงใจ เป็นการสร้างพื้นที่ของคนนั้นๆ ที่สามารถแสดงความเป็นตัวเองได้มาก และได้เรียนรู้ ช่วยเหลือเพื่อนคนอื่นๆ จนเกิดเป็นความผูกพันและเป็นเพื่อนแท้กันในที่สุด - ผมตั้งคำถามกับตัวเอง


รู้จักคนมากๆ เข้าไว้ปลอดภัยแน่ๆ (แต่ไม่รับรอง)


กลุ่มที่เที่ยวด้วยกันบ่อยๆ อย่างบัว จะมีเพื่อนๆ หลายคนเที่ยว บางคนก็เป็นรุ่นพี่ บางคนก็เป็นเด็กในกลุ่ม ครั้งหนึ่งผมจำได้ว่าพวกเราไปเที่ยวกันประมาณ 7 คน ซึ่งเที่ยวที่แรกจนดึกประมาณตีสอง


แล้วคืนนั้น ผมกลับก่อน ส่วนพวกพี่บัว ไปเที่ยวกันต่อที่ร้านแถวๆ ช้างคลาน


ปรากฏว่าคืนนั้น เพื่อนพี่บัวดันไปมีเรื่องกับอีกพวกหนึ่ง แต่โชคดีที่พี่บัวรู้จักพวกนั้น และเคยเที่ยวกับฝ่ายนั้นมาก่อน จึงเข้าไปไกล่เกลี่ยให้


ไกล่เกลี่ยก็คือการเคลียร์นั้นเอง ซึ่งการเคลียร์อาจทำได้หลายวิธี คือ การเจรจาพูดคุย การตีตัวต่อตัว (บางกลุ่มใช้นวมมวยตี) เป็นต้น


ผมว่า การเคลียร์ก็นำไปสู่ข้อยุติในเรื่องที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันได้ ดังนั้นการเคลียร์จึงต้องทำโดยการปรับความเข้าใจ พูดคุยให้รู้เรื่อง แล้วตกลงกันให้ได้ และการรู้จักคนมากๆ ก็จะดีอย่างหนึ่งคือคนจะเกรงใจ ไม่กล้าทำอะไร เพราะรู้จักกัน เป็นเพื่อนกัน ยิ่งรู้จักคนมากๆ จะดี


บางครั้งถ้าจะมีคนมาหาเรื่องเรา บางคนจะถามว่า "อยู่กลุ่มไหน" ถ้าเราบอกว่าอยู่กลุ่มนั้นกลุ่มนี้ แล้วอีกฝ่ายรู้จักแล้วไม่มีประวัติอาฆาตกันก็จะไม่ทำอะไร เพราะเขาจะรู้ว่าเด็กใครเด็กมันจะไม่ยุ่ง แต่ตรงกันข้ามหากกลุ่มนี้กับกลุ่มนั้นไม่ถูกกันแล้ว มีสิทธิ์เจ็บตัวโดยไม่รู้ตัว


บางครั้งถึงจะรู้จักคนมาก แต่ไปเที่ยวแล้วทำตัวงี่เง่า กวนตีน ก็มีโอกาสโดนสหบาทาเหมือนกัน


คือ บางคนที่คุยแล้วไม่ได้เรื่อง หรือคุยแล้วไม่รู้เรื่องเพราะเมาจนไม่รู้ตัวก็มีสิทธิ์โดนเตะได้โดยง่าย อย่างเช่นคืนนั้นที่พี่บัวได้คุยเพื่อเคลียร์กับอีกฝ่าย แต่ปรากฏว่าคนหนึ่งในฝ่ายนั้นไม่พอใจ พี่บัว แถมยังชี้นิ้วกลางใส่พวกพี่บัว


"มันเอานิ้วกลางชี้หน้าพี่ ไอ้โน่มันอดไม่ได้เลยโดดถีบไอ้นั้นหน้าหงายไปเลย แล้วพวกพี่ๆ การ์ดก็เอาไอ้นั้นออกไปนอกร้าน ไม่เข้ามาอีกเลย แม่งพูดแล้วอยากจะเข้าไปซ้ำอีก" พี่บัวเล่าให้ฟังอารมณ์หงุดหงิด


แต่โชคดีที่ผมไม่ได้ไปเที่ยวต่อด้วย ไม่งั้นคงต้องได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นแล้วแหละ
บางทีฟังคนอื่นพูดแล้ว อยากรู้บ้าง ตามประสาเด็กใหม่