Skip to main content

ในห้วงคำนึงขบถโรมานซ์ : "เป็นนิรันดร์...อยากให้ดวงตะวันโชนโชติฉานในใจชน"

1 :ผู้มาเยือน

จากท่าพระจันทร์ ก้าวเท้าสู่ประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมืองที่ท่าน "ปรีดี พนมยงค์" รัฐบุรุษ


อาวุโส (ตัวจริง...ของจริง) เป็นผู้ประศาสน์การฯ เพื่อให้เป็นมหาวิทยาลัยเปิดกว้างสำหรับชนทุกชั้นได้ศึกษาเล่าเรียน ท่านปรีดี พนมยงค์ คือหนึ่งในในสมองสำคัญของผู้ก่อการปฏิวัติ พ..2475


จากสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นประชาธิปไตย เป็นผู้มีคุณูปการต่อประเทศชาติยิ่งนัก ท่านได้ก่อตั้งขบวนการเสรีไทยมิให้เราต้องพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่สอง พ..2485 (สงครามยุติ 2488)


... บุคคลสำคัญที่เป็น ...คนดีอยู่เมืองไทยไม่ได้ (ยกเว้นสัมภเวสีนายมทุนใหญ่ กังฉินหนึ่งที่กำลังได้รับบาปกรรม ตุหรัดตุเหร่อยู่ในต่างประเทศ ณ ยามนี้) ท่านถูกภัยมือคุกคาม และ ถูกใส่ร้ายป้ายสีกรณีสวรรคตของรัชกาลที่ 8 โดยพวกอำมาตย์ขุนนางศักดินากังฉินเจ้าเล่ห์เพทุบาย ฯลฯ



รูปท่านปรีดี พนมยงค์
จากหนังสือ "การอภิวัฒน์แห่งประเทศไทย" แนวคิด ดร.ปรีดี พนมยงค์ มองผ่านหลัก 6 ประการ


... ฉันเดินผ่านลานโพธิ์ สายลมโชยพริ้ว เย็นชื่นโลมไล้เรือนกาย ใบโพธิ์พลิกพริ้วระริกไหว ดังรับคำคารวะจาก ฉัน... ยกมือไหว้ยอดโดม ที่ล้วนเป็นประวัติศาสตร์การเมือง ช่วงหนึ่งของประชาชนอันหลั่งเลือดตราเหตุการณ์ลุกขึ้นสู้ 14 ตุลาฯ 2516 และ 6 ตุลาฯ มหาโหด 2519 ... ฉันเดินย่ำย่างช้า ๆ สูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด...ยืนตรง ยกมือไหว้อนุสาวรีย์ท่าน ปรีดี พนมยงค์ ที่สถิตเด่นเป็นสง่า ณ ลานปรีดีฯ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา...เดินทอดน่องตรงไปยังโรงอาหารคณะเศรษฐศาสตร์ฯ


2 :หญิงสาว, สายน้ำ, นกกระจอก แลเพื่อนเก่า



ริมฝั่งเจ้าพระยา



ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น "เจ๊เล็ก" กระหนาบข้างด้วยร้าน "café de siam" และร้าน "ข้าวแกง"


เช้านี้อากาศสดใสนัก แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสีทองคราต้องแสงตะวันยามอรุณ แรคลื่น และทรายนำ วิบ วิบ งามตา สายลมฉ่ำชื่นใจ มาเมืองมหานครคราใด ฉันต้องมาเยือนสนามหลวง ธรรมศาสตร์ และต้องหาโอกาสมานั่งกินอาหารที่นี่เสมอ อาหารไม่แพง รสอร่อยใช้ได้ โดยเฉพาะ เราจะได้บรรยากาศริมน้ำ...ฉันลุกขึ้นตรงไปยังร้านก๊วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋นชื่อร้าน "เจ๊เล็ก"


"เอาหมี่ขาวเป็ดตุ๋น ไม่งอก ไม่ชูรส เอาแต่ผักบุ้ง น้ำเยอะๆ หน่อยคับ" ฉันบอกคนขายทั้งๆ ที่ฉันอยากกินถั่วงอกใจแทบขาด ทว่า เธองามขาวจั๊วะมากเกินไปด้วยฤทธิ์ล้างจากฟอร์มาลิน..."ร้านเจ๊เล็ก" กระหนาบด้วยร้าน "Cafe’ de Siam" และ "ร้านข้าวแกง" "Cafe’ de Siam" คงเลียนแบบมาจากร้าน "Cafe’ de Paris" ...ร้านขายกาแฟอันลือชื่อแห่งเมืองปารีส, ฝรั่งเศส


... ผู้คนที่มานั่งกินอาหารที่นี่มีทั้งนักศึกษา อาจารย์ นักธุรกิจ เจ้าหน้าที่ นักการฯ และคนทั่วไป ฯลฯ... สายลมพริ้มพริ้ว ระรอกคลื่นแห่งเจ้าพระยาพลิ้วไหว ดวงใจฉันเบิกบาน... สบสายตากับหญิงสาวนางหนึ่ง (เธออาจไม่สบฉันก็ได้ อาจมองมาโดยบังเอิญไร้จุดหมาย) โดยไม่ตั้งใจ เธอนั่งห่างออกไปไม่เกินห้า-หกก้าวเท้าเดิน ดวงอุราฉัน ใสฉ่ำบาน ฉันเห็นประกายดวงดาวบนดวงตาเธอ


... ก๋วยเตี๋ยวเป็ดมื้อนี้อร่อย เพิ่มความอร่อยวิเศษนัก ด้วยบรรยากาศและดวงตางามของผู้คน! เรือนานาชนิดแล่นผ่านสายตาลำแล้วลำเล่า เสียงเครื่องยนต์มิอาจสั่นคลอนรบกวนสมาธิฉันได้ ...และแล้ว ฉันก็ยอมเสียมารยาทแอบมองหญิงสาวโดยตั้งใจจริง!



นกกระจอกกำลังรอกินข้าว


...โปรย เส้นหมี่ขาวที่เอาช้อนตัดเป็นท่อนเล็ก ๆ โปรยออกไปนอกพื้นโต๊ะให้นกกกระจอกกิน หากฉันกินข้าวที่ไหน ถ้ามีโอกาสเป็นต้องโปรยเม็ดข้าวให้นกกระจอกกินเสมอ นอกจากเธอ เป็นเพื่อนร่วมโลกร่วมแผ่นดินของเราแล้ว เธอยังเป็นสัญญาณ เครื่องหมายบ่งบอก เตือนสติมนุษย์ในสังคมเมืองว่า ถ้าที่แห่งใดไร้ซึ่งเสียง จ๊อกๆ แจ๊กๆ จิ๊บ จิ๊บ ของเพื่อนนกกระจอกแล้ว มนุษย์เตรียมตัวพบกับความหายนะของสิ่งแวดล้อมในเมืองได้ และฉันก็เคยอ่านข่าวบอกมาไม่กี่ปีนี้ว่า นกนางแอ่นที่ถนนสีลมก็ลดลงไปมากแล้ว นั่นย่อมแสดงว่าความอุดมสมบูรณ์ของอาหาร และอากาศแย่ลงทุกทีๆ


...โลกร้อนมากขึ้น แกรเซียร์ – ธารน้ำแข็งบนภูเขา และหิมะขั้วโลกละลายหลุดออกเป็นแผงมโหฬารมากมาย โอ่...จักทำฉันใดเล่าเพื่อนมนุษย์เอ๋ย...หรือว่า "คำตอบนั้นอยู่ในสายลม"?


...ผู้คนในร้านเริ่มหนาตา...หญิงสาวเดินอำลาจากสถานที่นี่ไปนานแล้ว แต่หัวใจฉัน ยังผ่องแผ้วแจ่มใสอยู่เป็นนิรันดร์


...มานั่งกินข้าวที่นี่คราใด ฉันก็มักจะเจอะเจอคนที่เรา เคยรู้จักกันโดยไม่คาดคิด


"โอ๊ะ อ้ายมาทำอะไรที่นี่? ..." "แตง" หญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาตาคมเศร้า อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่รุ่นน้องเดินยิ้มมาทักทายฉัน


"เฮ๊ย...ไอ้หนูแตง มาเรียนต่อที่นี่เหรอ" ฉันจับมือยิ้มทักทายเธอ เราไม่ได้ปะกันนานแล้ว เธอเป็นอดีตนักกิจกรรม นักเคลื่อนไหวที่พวกเราเคยร่วมแจมกันบ่อย ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้เคลื่อนไหวดับเผด็จการท็อปบู๊ททมิฬ และการต่อสู้ร่วมกับพี่น้องชุมชน พี่น้องชนเผ่าในการผลักดัน พ...ป่าชุมชนฉบับของประชาชน... นี้คือบางบทสนทนาเมื่อเราได้โคจรมาพบกันที่นี่เมื่อปีที่แล้ว



มา ณ ครานี้อีก ...


"อ้าว! อ้ายมาทำไงเนี่ย?" หนุ่ม "จุ้ย" คนผิวขาวอดีตนักกิจกรรมแห่ง ม.เชียงใหม่ เช่นเดียวกัน เข้าเดินยิ้มแป้นมายกมือไหว้และจับมือฉัน


"อ้ายมางานเผาศพอ้ายสุวิทย์ วัดหนู ที่ชลบุรี และมาร่วมงานรำลึกครบรอบ 17 ปี ครูองุ่น มาลิก และร่วมงานศิลปะ "เส้น เสียง ศิลป์" ของอ้าย "สินธิ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย" ที่สถาบันปรีดี พนมยงค์ คับ"


"เดี๋ยวผมจะมานั่งกินข้าวกับอ้ายหน่อย" หนุ่มจุ้ยยิ้มแป้นตามเคย เดินไปซื้อกับข้าว ฉันเองก็ไม่ได้พบกับเขามานานแล้ว ครู่หนึ่งเขาก็ยุรยาทเยื้องย่างกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง


"พี่ชัย คับ นี่อ้ายแสงดาว ศรัทธามั่น" ฉันรีบยกมือไหว้ เขาไหว้ยิ้มรับ เขาบอกว่าเคยติดตามอ่านงานเขียนของฉันมานานแล้ว


"ผมชื่อวิชัย ครับ นามสกุลคล้ายชื่ออ้ายเลย คือ แสงดาวฉาย ผมเปลี่ยนนามสกุลหลังเหตุการณ์ ตุลามหาโหด ครับ"... เรานั่งกินข้าวสนทนากัน และยิ่งรู้ว่าเราเคยเป็น "สหาย" ทุกงานในเมืองด้วยกัน ก็ยิ่งคุยกันออกรส ฉัน บอกเขาทั้งสองว่าแวะเข้ากรุงเทพฯ ก็ตั้งใจไปเยือน "อ้ายหน่อย ...คมทวน คันธนู" ซึ่งป่วยผ่าตัดสมองกะทันหันที่ ร..เกษมราษฎร์, แยกประชานุกูล


... ฉันตกใจมากเมื่อรู้ข่าว "มิตรร่วมรู้ – ร่วมรบ" แห่งฉัน ในส่วนลึกของเรา เรารู้ใจกัน คบหาสมาคม เกื้อกูล กันเสมอมา ฉันนัดสหายหญิง "ดุษฏี ดาราฯ" เพื่อนคู่ชีวิตของ "น้าวี...วีรศักดิ์ ขุขันธินธ์" สหายผู้ร่วมก่อตั้งวงดนตรีสองวัยในอดีต "ปี้ดุษฏี" พาฉันไปเยือน "คมทวน คันธนู" ที่ ร.....อวัยวะซีกซ้ายของ อ้ายหน่อย ยังชา เคลื่อนไหวไม่ได้ ต้องทำกายภาพบำบัด มือขวาใช้เขียนหนังสือได้ ส่วนสมองใช้ได้ดีทีเดียวและพูดได้ ฉัน นอนค้างเป็นเพื่อนเขาคืนหนึ่ง...ฉันภาวนาขอให้เพื่อนสุขสบายหายไวไวเถิด


"ขอให้สุขกายสบายดี


เพื่อนพ้องน้องพี่อวยพรให้


แด่ ..."คมทวน คันธนู" ด้วยหัวใจ


ขอ "มิตรร่วมรู้ – ร่วมรบ" ไซร้ สุขสบายนิรันดร์"



...ฉันยืนอ่านบทกวีแนบชิดใกล้เตียงเข้า มอบให้เขาในนามเพื่อนพ้องน้องพี่แห่งล้านนา "คมทวน คันธนู" กวีเหล็ก กวีประชาชนผู้อหังการต่ออธรรม ยิ้ม กล่าวขอบคุณ....


3: คนหนุ่มสาว...เธอคือหวังอันรังรองของแผ่นดิน



ดวงตะวันยามเย็น ณ บ้านดิน



ดวงตะวันยามเช้า ณ บ้านดิน


สางสายมากแล้ว ห้องอาหารยิ่งเพิ่มความจอกแจกจอแจมากขึ้น นักศึกษาทยอยเข้ามา บ้างก็นั่งกิน – ดื่ม บ้างก็นั่งพิมพ์ในโน๊ตบุ๊ค บ้างก็พูดคุยสนทนา หัวเราะกันครื้นเครง ตามประสาคนหนุ่มสาวผู้บริสุทธิ์.... ลูกหลานเอ๋ย... บางครั้ง บางครา ฉันอยากจะเห็น เธอเป็นดั่งนักศึกษา ในอดีตที่งดงามรังสรรค์จังเลย ... "ฉันรักธรรมศาสตร์ เพราะธรรมศาสตร์สอนให้ฉันรักประชาชน"


สายน้ำ เจ้าพระยายังคง ริน ริน ล่องไหล เมฆขาว ท้องฟ้าแจ่มงาม ดวงใจ ฉัน ฉ่ำบาน


ใต้ถุนโรงอาหารเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และการเมือง
ต้นฤดูฝน, 16 มิถุนายน 2550