Skip to main content

คำตอบที่สำคัญอย่างยิ่งของชีวิต จากเจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่


ผมเพิ่งได้อ่านหนังสือ "เจ้าป้าเองค่ะ"


ซึ่งเป็นหนังสืออัตชีวประวัติของเจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ที่เขียนจากบทสัมภาษณ์แบบปากต่อปาก-คำต่อคำ และนำมาเรียบเรียงโดยคุณชุติมา ศรีทอง


ความจริงหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกตั้งแต่ปี 2545 ผมจำได้ว่าเคยเข้าไปลูบ ๆ คลำ ๆ พลิก ๆ ดูหนังสือเล่มนี้ ที่ร้านขายหนังสือในห้างสรรพสินค้า ตั้งแต่ปีแรกที่หนังสือเล่มนี้ถูกจัดวางโชว์ไว้บนชั้นหนังสือขายดี แต่ไม่ได้ซื้อ…และลืมไปสนิทว่าเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ผมอยากอ่าน


จนกระทั่งผมย้ายบ้านจากละเแวกชานเมือง กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดเมื่อกลางปีที่แล้ว วันหนึ่ง น้องสาวคนเล็กของผม ซึ่งติดนิสัยชอบอ่านหนังสือจากผมมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ก็เอาหนังสือฉบับพิมพ์ครั้งที่ 5 ปี 2548 เล่มนี้ มาวางเเหมะไว้บนโต๊ะรับแขกหน้ากระท่อมของผม


โดยไม่บอกกล่าวใด ๆ นั่นแหละ…ผมจึงนึกขึ้นมาได้ และได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนสาแก่ใจ


ทันทีที่ผมพลิกหนังสือเล่มนี้ออกมาอ่าน


ผมก็ไม่สามารถที่วางมันได้ลง เพราะเรื่องราวในหนังสือเล่มนี้ตรึงใจให้ผมต้องอ่านติดตามแบบรวดเดียวจบ และต้องย้อนกลับมาอ่านทบทวนตอนนั้นตอนนี้อีกหลายครั้ง เพื่อเก็บรายละเอียด เพราะอัตชีวประวัติของเจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ธิดาของเจ้ากาวิลละวงศ์ และเจ้าหญิงศิริประกาย


คือชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่เต็มไปด้วยสีสันของชีวิตที่ฉูดฉาด
และน่าศึกษาสนใจเป็นอย่างยิ่ง


ตั้งแต่ชาติกำเนิดที่มีที่มีเชื้อสายมาจากเจ้านายชั้นสูงของล้านนา รวมทั้งการเติบโตและการศึกษาอบรม ที่หล่อหลอมขัดเกลาให้ตัวตนของเจ้ากอแก้วเป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีบุคลิกที่โดดเด่น…ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน จนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ของสาวสังคมชั้นสูงที่เปรี้ยวสุดๆ ในวัยที่ยังสาวสด และเป็นสาวสองพันปีที่ยังคงความงามเอาไว้ไม่สร่างซา จึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่เจ้ากอแก้วจะเป็นบุคคลพิเศษที่สื่อมวลชนให้ความสนใจ คอยติดตามถ่ายภาพและทำข่าวมาตลอดชีวิต ไม่ว่าเจ้ากอแก้วจะปรากฏตัวเยื้องย่างไปทำอะไรกับใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ นับตั้งแต่วันแรกที่เจ้ากอแก้วซึ่งเรียนจบเลขาฯจากอังกฤษ ย้ายงานบริษัทเดินเรือจากฝรั่งเศสกลับมาทำงานที่เมืองไทย เมื่ออายุยี่สิบกว่าปี ตราบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตในวัย 70 ปีต้นๆ เมื่อไม่นานมานี้


เมื่อผมได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว


ผมไม่นึกแปลกใจเลยสักนิด ที่เจ้ากอแก้ว "เป็น" อย่างที่เจ้ากอแก้ว "เป็น" เพราะเหตุปัจจัยที่แวดล้อมชีวิตของท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เอื้อให้ท่านต้องเป็นอย่างที่ฝรั่งเขาพูดเอาไว้ว่า "born to be" นั่นเอง


ถ้าคุณยังนึกภาพไม่ออกว่า เจ้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนถึงขนาดไหน ลองฟังคำบอกเล่าของคุณกุ๊กกี้-ทินกร อัศวรักษ์ ลูกชายคนเดียวของเจ้ากอแก้วที่เกิดจากท่าน พล...ทิพย์ อัศวรักษ์ สามีคนแรก พูดถึงแม่ในหนังสือเล่มเดียวกัน คุณก็จะนึกออกตามคำบอกเล่าของเขา


"ตอนผมเรียนประมาณชั้น ป.3 ยุคนั้นแฟชั่นฮิปปี้กำลังมาแรง แม่ไปรับผมที่โรงเรียน เพื่อนฮือฮามาก ครูอาจารย์ตกใจเพราะแม่ผูกนาฬิกาไว้ที่ข้อเท้า เวลามีคนถามเวลา เจ้ากอแก้วก็ยกเท้าขึ้นมาดูเวลา บางวันแม่ก็แต่งหน้าเป็นนิโกรมารับลูกที่โรงเรียน หน้าดำมาเลยนะ เราเห็นก็โกรธมาก ไม่เข้าใจทำไมแม่ต้องแต่งหน้าแบบนั้น ถามแม่ – แม่ก็จะให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า แฟชั่นแบบนิโกรกำลังมาแรง คือ แม่จะเป็นคนที่เป็นตัวของตัวเองมาก ๆ ไม่มีใครเหมือน แม่จะมีความสุขที่ได้ทำอะไรอย่างอิสระในขณะเดียวกันเขาก็ไม่พยายามที่จะแตกต่าง แต่นั่นเป็นตัวตนของแม่จริง ๆ เขาเป็นผู้หญิงที่มีบุคลิกเฉพาะตัว…"


แต่บรรดาเรื่องเล่าที่น่าสนใจทั้งหมดของเจ้ากอแก้ว


ที่ผมประทับใจนอกจากเรื่องเจ้าพ่อที่สอนให้เจ้ากอแก้ว เป็นตัวของตัวเองรู้จักสิ่งต่าง ๆ ด้วยตัวเอง รู้จักเข้าสังคมชั้นสูง แต่ในขณะเดียวกันก็สอนไม่ให้รังเกียจคนและแบ่งชั้นคน และขณะที่เรียนอยู่ในอังกฤษเมื่อถึงวันหยุดก็จะพาไปเข้าคอร์สเรียนรู้เรื่องมารยาทสังคม มารยาทบนโต๊ะอาหาร การแต่งกายให้เข้ากับกาละเทศะ การเป็นแม่บ้านการเรือน (ความรู้ของเจ้ากอแก้วในเรื่องนี้อยู่ใน วีซีดี ที่แถมมากับหนังสือเล่มนี้)


นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องที่ผมประทับใจมาก ๆ ก็คือเรื่องที่เจ้าพูดถึงคุณเบิร์ต – เอดิลเบอร์โต โรเมโร นักหนังสือพิมพ์ชาวฟิลิปปินส์สามีคนสุดท้ายของเจ้า ที่อยู่เป็นคู่ชีวิตของเจ้ามานานถึง 30 กว่าปี และต่างดูแลกันจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของเจ้า หลังจากหย่าร้างกับพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช สามีคนที่สอง เพราะโดยส่วนตัวผม ผมถือว่าบทสัมภาษณ์บทนี้ เป็นบทสัมภาษณ์ที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะเจ้ากอแก้ว ได้ให้คำตอบที่ดีที่สุดเกี่ยวกับความรักและชีวิตคู่ ซึ่งเป็นเรื่องสากล และเป็นปัญหาโลกแตกที่คนแทบทุกคนจะต้องประสบ ลองอ่านดูนะครับ ว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน พูดถึงเรื่องนี้ไว้อย่างไร


"หลังจากเลิกกับอดีตสามีคนที่สอง ก็คบหากับคุณเบิร์ต – สักระยะหนึ่งถึงได้ตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน ครั้งนี้ก็ไม่ได้มีพิธีรีตองอะไร เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ เขาก็เข้าใจเราดีเรื่องชีวิตคู่ที่ผ่าน ๆ มา การใช้ชีวิตร่วมกันครั้งนี้เหมือนเป็นการเริ่มต้นกันใหม่อีกครั้ง เป็นการอยู่กันด้วยความเข้าใจจริง ๆ ถ้านับจากวันแรกที่ตัดสินใจอยู่ร่วมกันจนถึงวันนี้ก็ 30 กว่าปีแล้วนะ เสียดายที่ไม่มีลูกด้วยกัน คุณเบิร์ตก็อยากมีลูกนะ แต่น่าเสียดายเพราะเราเคยแท้งไปสองหน…"


"ถึงแม้จะไม่มีลูกด้วยกัน แต่เราก็มีกุ๊กกี้ – คุณเบิร์ตกับลูกชายเจ้าป้าก็สนิทสนมกันดี กุ๊กกี้เขาก็หมดห่วงเพราะรู้ว่ามีคุณเบิร์ตคอยเอาใจใส่ดูแลตลอด ตอนที่เจ้าป้าเข้าโรงพยาบาลผ่าตัดเนื้องอกที่สมอง ผ่าสามครั้ง คุณเบิร์ตก็ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าเราทั้งสามครั้งเลย คือเขาจะห่วงใยเรามาก ซึ่งเราก็ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกัน ตอนที่คุณเบิร์ตป่วยเข้าโรงพยาบาล เจ้าป้าก็ลางานไปเฝ้าไข้เขาตลอด เพราะอยู่ที่เมืองไทย คุณเบิร์ตก็ไม่มีใคร นอกจากเรา เขามีเราคนเดียวเท่านั้นที่อยู่เมืองไทย พ่อแม่เขาอยู่ที่พิลิปปินส์เสียชีวิตแล้ว น้องก็แต่งงานแยกครอบครัวแล้ว "


"ถึงบอกได้ว่า ความรักครั้งนี้เป็นความรักที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ห่วงใยซึ่งกันและกัน เชื่อไหม เจ้าป้ากับคุณเบิร์ตนะ มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกันมาก แต่เราก็อยู่ด้วยกันได้เพราะเรามีความเข้าใจให้แก่กัน อย่างเจ้าป้าชอบออกงานสังคม แต่คุณเบิร์ตไม่ชอบเลย เขาทำงานหนังสือพิมพ์ออกจากบ้านไปทำงานเช้า กลับมามืดค่ำดูทีวี เข้านอน ชวน ไปงานเลี้ยงที่ไหน เขาไม่ไปด้วยหรอก บอกขี้เกียจไป เขาชอบอยู่กับบ้านดูข่าว อ่านหนังสือมากกว่า"


"แต่เรื่องความรักความชอบที่แตกต่างกันไม่ได้เป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตคู่ของเรา เพราะความชอบที่เหมือนกันก็มีไม่น้อย เช่น ชอบเต้นรำ ชอบฟังเพลงเหมือนกัน มีรสนิยมที่ใกล้เคียง พูดภาษาเดียวกัน คือความชอบที่ไม่เหมือนกันมีแค่ว่า เขาไม่ชอบออกงานสังคมไม่ค่อยชอบแต่งตัวก็เท่านั้นเอง"


"แต่เขาไม่เคยห้ามเราว่า อย่าออกงานหรืออย่าทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ เขาเคยวิจารณ์เจ้าป้านะว่า เป็นผู้หญิงที่ใช้เวลาหมดไปกับการแต่งหน้า แต่งตัว กว่าจะเลือกเสื้อผ้า กว่าจะทำอะไรเสร็จใช้เวลานานมากแต่เป็นคนที่ตรงไปตรงมา เป็นคนจริงใจ ไม่ลำเอียง ขี้สงสาร ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เขาเคยยุให้เราสมัคร ส..นะ เราบอกโนเลย เพราะไม่ชอบ คุณเบิร์ตเขาเห็นว่า เราชอบช่วยเหลือคน ก็เลยสนับสนุนอยากให้ทำงานด้านนี้จริงจัง"


"แต่เราไม่ชอบแบบนั้น คือ เคยมีคนชวนเจ้าป้าไปเล่นการเมืองแต่ปฏิเสธไป เราชอบทำในแบบของเรามากกว่า จริง ๆ แล้วคุณเบิร์ตเขารู้สึกเป็นห่วง เราทำอะไรเขาก็เป็นห่วง ไม่อยากให้ออกงานมาก ไม่อยากให้เดินทางมาก เพราะเขาห่วงสุขภาพเรา แต่ก็ไม่เคยห้ามอยากทำอะไรก็ตามใจ แต่จะคอยเตือน"


"เวลาทำงานกลางค่ำกลางคืน หรือกลับบ้านดึก ๆ ดื่น ๆ เขาจะเป็นห่วง ยิ่งช่วงหนึ่งไม่มีคนขับรถก็ยิ่งเป็นห่วง เพราะสายตาเจ้าป้าไม่ค่อยดี เขาห่วงว่าจะมีอุบัติเหตุ ซึ่งเราก็จะรู้สึกอบอุ่นเมื่อออกจากบ้านมา ก็ยังมีคนที่บ้านคอยเป็นห่วงเป็นใยเราอยู่  ถึงบอกได้ว่า ความรักจะไม่มีค่า หรือมีความหมายอะไรเลยนะ ถ้าหากว่าขาดซึ่งความเข้าใจกันและกัน"


และเจ้ากอแก้วได้สรุปเรื่องนี้ว่า ความรักที่เปี่ยมไปด้วยความห่วงใย และเข้าใจซึ่งกันและกันระหว่างท่านกับคุณเบิร์ต คือรักแท้รักครั้งสุดท้าย ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานเท่าไร ความรักที่งดงามเช่นนี้ ก็จะยังคงอยู่ตลอดไป


ขอบคุณครับขอบคุณ-ท่านเจ้าป้ากอแก้ว ประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ โฉมสะคราญผู้เฉิดฉายชั่วชีวิตจากล้านนา ที่ได้ทิ้งคำตอบที่สำคัญอย่างยิ่งข้อนี้ของชีวิตไว้ให้กับโลก บนหน้ากระดาษหนังสือที่หมดจดงดงามเล่มนี้.


20 กรกฎาคม 2550
กระท่อมทุ่งเสี้ยว เชียงใหม่