Skip to main content

ฟ้าใส ฝนดอกประดู่ กับงูโชคร้าย

คอลัมน์/ชุมชน




บ้านสี่ขามีประดู่ต้นใหญ่ ดอกสีเหลืองเล็กกระจิริดน่าเอ็นดู ลมพัดพาดอกประดู่หล่นพร่างพรูเหมือนสายฝน หอมละมุน เหลืองลออเต็มลานดิน

ริมตลิ่งของบ่อน้ำใหญ่มีโพรงดินกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้น เช้าๆ จะเห็นนกกระเต็นอกขาวโผล่ปากสีส้มออกมาก่อน แล้วก็บินออกมาเกาะบนกิ่งต้นคาง คอยมองลูกปลาช่อนฝูงใหญ่ว่ายน้ำร่าเริง พริบตาที่เจ้ากระเต็นโผโฉบไปที่ผิวน้ำ ปีกสีฟ้าตัดกับน้ำบ่อสีโคลนดูสดกระจ่างตา


กาฝากที่เกาะบนประดู่กำลังมีลูกดก ได้เวลาปาร์ตี้ของนกสีชมพูสวน


นกกิ้งโครงคอดำคู่หนึ่งกำลังฟักไข่อยู่บนกิ่งประดู่ ชอบส่งเสียงเอะอะ อ่อยอี๋เอียง อ่อยอี๋เอียง ไล่ใครก็ตามที่มาป้วนเปี้ยนใกล้ๆ รัง โดยเฉพาะช่วงนี้ดังถี่เป็นพิเศษ


เจ้าสีชมพูสวนตัวกระจิ๋วริ๋วอาจหาญกระโดดไปจิกลูกกาฝากข้างๆ รังนกกิ้งโครง พอได้ยินเสียงเอ็ดตะโรจากเจ้าของรัง มันก็ส่งเสียงเล็กๆ ดังแจ้ก แจ้ก เหมือนเด็กเถียงผู้ใหญ่ว่า จะกินอ้ะ จะกินอ้ะ


ต้นกกริมบ่อน้ำ มีรังฝีมือสถาปนิกอย่างนกกระจิบหญ้าสีเรียบ มันรวบกิ่งก้านของต้นกกเข้าหากันเป็นรูปกรวย สานรังละเอียดด้วยหญ้าแห้งเส้นเล็กบาง ช่วงแม่นกไม่อยู่ ฉันย่องไปแอบดู เห็นลูกนกตัวเท่านิ้วก้อยอยู่ในกรวย


นกกินปลีอกเหลืองก็ไม่น้อยหน้า มาอวดฝีมือสานรังเป็นรูปถุงใบเล็กๆ ห้อยอยู่ปลายกิ่งโมกข้างหน้าต่าง


ครั้งหนึ่งลมพัดแรงจนลูกนกตัวจิ๋วๆ ตกลงมา เจ้าสาคูกับทองหยอดจอมซนวิ่งแข่งกันจะเข้าไปคาบนก โชคดีที่ฉันไวกว่าหมา คว้าลูกนกขึ้นไปใส่ถุงไว้เหมือนเดิม ท่ามกลางความใจหายใจคว่ำของแม่นกที่บินหนีไปส่งเสียงแตกตื่นอยู่บนกิ่งมะขาม


อีกตัวที่ชอบมาเกาะโชว์บนเสารั้วให้หมาเห่าเล่นคือนกกระรางหัวขวาน ขนลายๆ สีดำสลับส้มกับหงอนบนหัวเหมือนอินเดียนแดง ฉันดูเพลิน แต่พวกหมาๆ พากันหัวฟัดหัวเหวี่ยงที่กระโดดไม่ถึงตัวนก


ตอนที่ย้ายมาอยู่บ้านนอกใหม่ๆ ฉันนึกว่าหมาตื่นควาย เพราะมันเห่ากันระงมทุกเช้าที่ควายฝูงใหญ่เดินผ่านรั้วบ้าน


ต่อมาก็รู้ว่าไม่ใช่ เพราะบางเช้าที่ควายถูกพาไปหากินทางอื่น พวกหมาๆ ก็ยังเห่า


ฉันเดาว่ามันคงจะเห่าปลุก ทำนองเดียวกับไก่ขันทุกเช้า ฉันหงุดหงิด บอกมันไม่ต้องปลุก ไม่ต้องปลุก จะนอน มันก็ไม่ฟัง เห่าตรงเวลาซะด้วย ช้าเร็วกว่าเดิมไม่เกินสิบนาที (ฉันดูนาฬิกา)


แต่การตื่นเช้า ก็ทำให้ฉันมีเวลาคอยดูแผ่นฟ้าตะวันออก สีเทาเข้มค่อยๆ จางลง แสงสีส้มสวยค่อยๆ สาดขึ้นมาทีละน้อย เหมือนภาพวาดอันแสนมหัศจรรย์


ยามเย็น มองผ่านต้นประดู่ใหญ่ไปทางตะวันตก แดดลำสุดท้ายจะอาบใบและกิ่งก้านของต้นประดู่จนเป็นสีทอง เห็นนกบินกลับรัง เป็นบรรยากาศที่แสนเหงา แสนงาม และสุขสงบ


บางคืน ฉันสะดุ้งตื่นตอนตีสามเพราะหมาเห่า ลุกมาดูก็ไม่เห็นมีอะไรน่าเห่า มีแต่ดาวที่พราวระยับบนฟ้าสีน้ำเงินเข้ม นึกไปว่าหมาๆ อาจจะอยากให้ฉันตื่นมาดูดาว


ค่ำคืนของบ้านนอกนั้นมืดสนิท แต่สวยงาม คุณลองตื่นตีสามมาดูดาวบ้างสิคะ


..........


รอบบ้านเราเป็นทุ่งนาและป่ารก จึงมีแขกไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมไม่ขาดระยะ นอกจากระดับสามัญอย่างกบ อึ่งอ่าง คางคก นก หนูนา กิ้งก่า จิ้งเหลน แล้ว ยังมีแขกวีไอพีอย่างแมงป่อง ตะขาบ และงูด้วย


หมาๆ เห็นแมงป่องทีไร มันจะยืนเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนแมงป่องก็ชูหางใส่ ฝ่ายหนึ่งเห่า ฝ่ายหนึ่งยกหาง ปักหลักรักษาระยะห่างระหว่างกันอยู่พักใหญ่ๆ ก็เลิกกันไปเอง ไม่รู้เพราะหมาเมื่อยปาก หรือแมงป่องเมื่อยหาง


หลังฝนตก ตะขาบจะออกมาเดินสวนสนามกันบนลานดิน เหมือนรูปภาพบนซองยาแก้ไอตราตะขาบห้าตัว (แต่น่ากลัวกว่า) แม่ฉันจะนั่งขนลุก คอยบอกให้ฉันลุกไปดูว่ามันไปกันหรือยัง น่าสงสัยว่าทำไมหมาไม่ยุ่งกับตะขาบ มันนอนมองเฉย ปล่อยตะขาบเดินเฉียดจมูกไปเฉยๆ เหมือนกัน


ในจำนวนแขกที่มาเยี่ยมบ้าน ฉันสงสารงูมากที่สุด


งูที่เข้ามาเที่ยวเล่นบ่อยๆ ส่วนใหญ่เป็นงูเห่าชนิดที่ชาวบ้านแถบนี้เรียกว่า งูเห่าขี้เรื้อน


แรกๆ ที่เจองู ฉันวิ่งโร่ไปขอให้เพื่อนบ้านมาช่วยไล่ออกไป เขากลับบอกว่าต้องตีให้ตายสถานเดียว งูหนีลงน้ำ หนุ่มๆ สองสามคนลงทุนนั่งเฝ้าข้างบ่อ รอจนงูขึ้นมา มันถูกตีจนตาย แล้วเขาก็หิ้วงูยาวเกือบเมตรกลับไป ฉันรู้ภายหลังว่าเย็นนั้น เขาพากันตั้งวงเหล้าแกล้มผัดเผ็ดงูเห่ากันเป็นที่สำราญ


หลังจากคราวนั้น ฉันไม่เคยเรียกพวกเขามาช่วยอีกเลย แต่งูก็โชคร้ายอยู่ดี


ครั้งหนึ่งฉันเดินเล่นรอบบ้าน มีฝูงหมาเดินตามเช่นเคย นพรวน็()()เห็นต้นมะเขือขึ้นอยู่ในกอหญ้าริมรั้วสังกะสี ขณะก้มลงแหวกหาลูกมะเขืออยู่นั้นก็ได้ยินเสียงแกรกกรากเหนือหัว เงยหน้าขึ้นดู จ๊ะเอ๋กับงูเห่าตัวหนึ่งเลื้อยอยู่บนรั้ว


สบตากันอยู่สักสามวินาที มันก็แผ่แม่เบี้ย ส่วนหัวที่เล็กเรียวแผ่บานออกอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ


ยังไม่ทันคิดอะไรต่อ ก็มีเงาดำๆ วูบผ่านหน้า ปรากฏว่าเจ้ามะพร้าวกระโจนตัวลอยขึ้นงับคองู กระชากลงมาจากรั้วแล้วสะบัดตัวงูฟาดกับพื้นดินดังป้าบ ป้าบ เจ้าตัวอื่นๆ ก็เฮละโลเข้ามาผลัดกันคาบ ผลัดกันฟาดจนฝุ่นตลบ


พริบตาเดียว งูเห่าเคราะห์ร้ายก็นอนแหลกเหลวอยู่บนดิน ฉันได้แต่นั่งมองซากงูอย่างเศร้าใจ


หมาบ้านสี่ขากัดงูเห่าตายไปแล้วเกือบยี่สิบตัว ครั้งล่าสุดฉันเจอซากงูตายอยู่ใต้ต้นประดู่ บนพื้นสีเหลืองละมุนของกลีบดอกไม้


ซากงูเห่าที่กองบนดินบอกฉันว่า ชีวิตมีหลายด้าน บางอย่างเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา ถ้างูมันรู้ล่วงหน้าว่าจะถูกหมากัดตาย มันอาจจะเปลี่ยนใจไม่เลื้อยเข้ามา ถ้าบางคนรู้ว่าเลี้ยวซ้ายหรือขวาดีกว่ากัน คงไม่ต้องพึ่งพาหมอดูโชคชะตาราศี


เป็นวันที่ฟ้าสีฟ้าใส แดดสวย และลมหอม ฝนดอกไม้สีเหลืองโปรยบางเบาเป็นครั้งสุดท้าย ประดู่ร่วงหมดต้นแล้ว เหลือกิ่งก้านเก่าแก่เดียวดาย รอการผลิดอกในฤดูกาลใหม่ ฉันหิ้วซากงูไปทิ้งในป่าหลังบ้าน


รู้สึกเศร้าใจ แต่ไม่ว่าชีวิตแบบไหน เกิด แก่ เจ็บ ตาย เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา


ภายในรั้วล้อมของบ้านสี่ขา ชีวิตนานาสารพันก็ยังดำเนินต่อไป