Skip to main content

อมาวสีของหมอเกต์

คอลัมน์/ชุมชน

สนุกกับวันขอเงินจากพระจันทร์ หรือวันอมาวสีของหมอเกต์คอลัมน์ข้างๆ มาสามเดือนแล้วค่ะ ประชาชนทั่วไปเขาขอเงินด้วยการแขวนจตุคามรามเทพกัน ข้าเจ้าบ่มีสตางค์แขวนจตุคามกับเปิ้น ได้แต่มองตาปริบ ๆ

ฤดูฝนค้าก็ไม่ขึ้น ขายก็ไม่ดี การเมืองก็เดือด เศรษฐกิจก็เน่า เขาบอกว่านี่คือการเผาจริง เมืองเชียงใหม่เกือบติดป้าย On Sale ทั้งเมืองแล้วค่ะ ไม่รู้จะพึ่งอะไร เห็นหมอเกต์แนะนำเคล็ดลับง่าย ๆ ทำแค่วันเดียว คือเอาเงินใส่กระเป๋าสตางค์ไว้เยอะ ๆ แล้วให้ทำบุญ ทำดี คิดดี ๆ ในวันนั้น เพราะว่าในวันอมาวสี หรือวันขอเงินจากพระจันทร์นี้ หากมีอะไรเเกิดขึ้น ก็จะส่งอิทธิพลต่อไปอีกหนึ่งเดือน


เดือนแรก ขายของได้ในวันนั้น ก็ขายได้เกือบทุกวันแฮะ ...บังเอิญหรือเปล่า อันนี้แอบคิด เดือนที่สอง วันอมาวสีขายของไม่ได้สักบาท แต่เป็นวันที่ทำงานที่ลูกค้าข้างนอกสั่งของมาเยอะมากปรากฎว่าเดือนนั้น อิฉันแทบไม่มีรายได้หน้าร้านเลย แต่ได้เงินจากออร์เดอร์ข้างนอกทั้งเดือน


เดือนนี้ผ่านมาสิบกว่าวัน เช้าวันอมาวสี ฉันตื่นด้วยเสียงข้าวของแตกนอกห้อง เปิดออกมาเห็นขวดแก้วแตกกระจุยกระจายเต็มบ้าน แมวตัวหนึ่งยืนจ้องหน้าตาแป๋ว เก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยก็เดินเข้าห้อง ฉันเหยียบเศษแก้วที่หลงเหลือเข้าไปหนึ่งชิ้น เจ็บเท้านิดหน่อย


หมอเกต์บอกว่าอมาวสีเดือนนี้ไม่ค่อยดี ให้ระวังหน่อยนะ ค่อนข้างแรง ระวังอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ เอาล่ะสิ เช้ามาก็เหยียบเศษแก้ว ไม่ใช่ฉันต้องมีแผลที่เท้าไปตลอดทั้งเดือนนะ แผลเหยียบแก้วหาย ฉันไปทำงานที่เชียงราย มีเวลาพักจึงกระโดดลงสระว่ายน้ำ ระหว่างพักหอบแฮ่ก ๆ เกาะขอบสระอยู่นั้น ก็ปล่อยตัวเองให้จมลงก่อนจะพุ่งขึ้นมาสูดอากาศ ระหว่างปล่อยตัวเองลงน้ำ ก็เอาเท้าสัมผัสที่ขอบสระ


แปล้บ... อะไรอย่างหนึ่งเกิดขึ้นที่นิ้วหัวแม่เท้า ฉันรีบขึ้นจากสระ ก้มมองดู เห็นเล็บฉีกไปครึ่งหนึ่ง เนื่องจากไปครูดเข้ากับกระเบื้องขอบสระที่เสื่อมสภาพ ทำให้มีร่องรับกับเล็บของฉัน


เจ็บอีก


สามวันก่อน เล็บยังไม่ทันงอก ฉันขี่มอเตอร์ไซด์ออกไปทำธุระที่ร้านเล่า ถนนนิมมานเหมินท์ ขณะออกจากร้านเล่า เลี้ยวซ้ายผ่านหน้าโรงแรมรินคำ ซึ่งมีสี่แยกไฟแดงใหญ่ เหลือบมองเห็นไฟเขียว รถสี่ห้าคันข้างหน้าพุ่งตัวออกไป ฉันขี่มอเตอร์ไซด์พุ่งตาม ขณะก้มลงจับกระเป๋าสะพายให้เข้าที่ เงยหน้าอีกที ท้ายรถเก๋งก็อยู่ตรงหน้า ใครสักคันคงเบรก ทำให้คันอื่นต้องเบรกตาม แต่ฉันสิ เบรกสองล้ออย่างแรง ทำให้ล้อรถปัด และส่าย และค่อยๆ เอนลง พาฉันไถไปกับพื้นถนน โชคดีที่ไม่มีรถตามหลังมาเหยียบฉันซ้ำ ฉันเด้งตัวเองออกจากรถอย่างรวดเร็ว แล้วยกรถขึ้นจอด ค่อย ๆ ขี่กลับมาทำแผลที่บ้าน


ฮ่า ฮ่า แผลอมาวสี ทั้งเนื้อทั้งตัวมีบาดแผลอยู่ที่เดียวคือ หลังเท้าขวา เท้าเดิมอีกแล้ว คราวนี้เจ็บแฮะ ท่าทางจะนาน เผลอ ๆ ถึงอมาวสีหน้าเลยทีเดียว


หมอเกต์บอกว่า "ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" นักวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่ง บอกกับฉันว่า แม้ว่าท่านจะเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ เรียนเหตุเรียนผลมาล้วน ๆ เมื่อประมวลความรู้ที่ท่านร่ำเรียนมา บวกกับประสบการณ์ วิธีคิดทางตะวันออก ผสมกับตะวันตก เมื่อประมวลผลกันแล้ว ท่านว่า ในจักรวาลนี้กว้างใหญ่นัก เราเป็นสิ่งเล็ก ๆ โลกเป็นสิ่งเล็ก ๆ ยังมีอะไรอีกมากมายที่เราไม่รู้ ถ้าสรรพสิ่งมี 100 % ท่านให้สิ่งที่มนุษย์รู้แค่ 50 อีกห้าสิบคือสิ่งที่มนุษย์ยังไปไม่ถึง ทางวิทยาศาสตร์อาจเรียกว่า เมตาฟิสิกส์ ทางโลกย์อาจเรียกว่าไสยศาสตร์ ความลึกลับ หรืออะไรก็แล้วแต่


อย่างไรก็ตาม ฉันอ่านดวง เล่นวันอมาวสี แต่ความเชื่อหรือไม่ ไม่เอามาเป็นอิทธิพลต่อชีวิต แม่นก็ไม่เป็นไร ไม่แม่นก็ไม่เป็นไร


ว่าแต่ อมาวสีหน้าจะเป็นไงน้า....