Skip to main content

สายฝนเหนือทุ่งข้าว

คอลัมน์/ชุมชน

รถสองแถวเล็กสายมุ่งสู่หมู่บ้านบนภูเขาสูง ค่อยๆ เคลื่อนตัวอย่างไม่เร่งรีบเท่าไหร่นัก และขณะหนึ่งมันก็เริ่มเคลื่อนเข้าสู่ม่านฝนเบื้องหน้า เริ่มจากเขตละอองฝนที่ปลิวผ่านก็เข้าสู่ใจกลางของสายฝนที่กระหน่ำเท นั่นคือขณะหนึ่งก่อนที่รถจะแหงนหน้าขึ้นสู่ภูเขา ผืนแผ่นดินนั้น ต้นข้าวที่ปักดำลงไปไม่นาน เหยียดต้นสีเขียวอ่อนสดใส รับสายฝนที่สาดสายลงมาเป็นเส้นเป็นม่านสวยใส หนาบ้างบางบ้างว่ากันไปตามแต่ ซึ่งทั้งหมดนั้นมันก็ไม่ได้หนา จนมืด จนปิดบังทุ่งข้าวในสายฝนนั้นได้ นั่นทำให้ภาพปรากฎนั้นงดงาม

เมื่อนั้น....ภาพของทุ่งนาแต่ละฤดูกาลก็ผุดโผล่เข้ามาในห้วงคำนึง ทีละภาพ ทีละภาพ ว่าก็คือ เมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้ ขณะสายแดดแผดเผาแผ่นดินร้อนร้าว ทุ่งนาว่างเปล่า มีเพียงหญ้าบางอย่างที่แข็งแรง หรืออาจจะถูกชะตากับฤดูร้อนที่เติบโตอยู่ได้อย่างเชื่องช้า กับฝูงวัวที่และเล็มหญ้านั้นอยู่ในนา หรือบางแห่งที่พอมีลำห้วย สายคลองไหลผ่านก็พอได้ปลูกผักพืชพรรณอื่นๆ ในช่วงเวลานั้น... นานไปกว่านั้น ไม่นานเท่าไหร่นัก รวงข้าวสีทองรอเก็บเกี่ยวส่งกลิ่นหอมข้าวใหม่อวลอบทุ่ง นี่คงเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทุ่งนาสวยที่สุด แต่ก็ใช่ว่าจะเพียงเท่านั้น เมื่อย้อนไกลออกไปอีกนิด สักช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อน ข้าวที่เพิ่งปักดำเสร็จใหม่หมาด กับสายฝนสาดสาย ก็งดงามดังภาพที่ปรากฎอยู่ ณ เวลานี้ ยังไม่เท่านั้น มองในแง่มุมที่ลึกลงไปบางมุม ผ่านทุ่งนานั้น เราย่อมเห็นชาวนา เด็กๆ ผู้เฒ่าผู้แก่ ปุ๋ย สารเคมี เงิน แรงงาน น้ำมัน รถไถ นายทุน ฯลฯ จนถึงข้าวในจาน ในทุกครอบครัว นั่นเพราะข้าวคืออาหารหลักของผู้คนในภูมิภาคนี้


รถสองแถวเลยผ่านม่านฝนออกมาแล้ว ทิ้งสายฝนที่ยังเทกระหน่ำอยู่เบื้องหลัง ค่อยๆ ไต่ระดับสูงขึ้นสู่ภูเขาเบื้องหน้า ภูเขาที่เราคุ้นเคยในวันที่เมฆคลึ้มยังคลุมฟ้า ลมชื้นปลิวมากระทบใบหน้าที่สอดลอดออกมาข้างรถ ภายนอกที่ถนนคดโค้งลัดเลี้ยวตามไหล่เขา ป่าสนส่งเสียงหวีดหวิวสีสันภูเขาสดใสในฤดูฝนนั้นคล้ายกำลังเริงระบำ เบิกบาน


จากเส้นสายของฝนที่สาดเฉียงลงมาจากฟ้า สู่ท้องทุ่งและภูเขาเบื้องล่าง งามและสะอาด จึงเมื่อย้อนมองกลับไปสู่ม่านฝนในเมืองใหญ่ ฝุ่นร้ายควันพิษ ลอยอวลอบเมือง สายฝนทั้งหมดที่ถั่งโถมเทลงมา จึงเป็นหยดน้ำ เป็นเส้นสายน้ำที่คล้ำหม่น นั่นเพราะมันกำลังชะล้างควันพิษฝุ่นดำนั้น ยอมตนปนเปื้อนในพิษร้าย จนกลายเป็นสีหม่น เพื่อล้างฟ้าเวิ้งเหนือเมืองนั้นให้สะอาด กระนั้นเราก็ยังไม่วายสงสัยอยู่ว่า เมื่อเทียบปริมาณควันพิษ กับน้ำฝนแล้วมันจะสมดุลกันหรือไม่ อย่างไร หาไม่แล้วหยดน้ำฝนนั้นแทนที่จะได้ชำระล้างพิษฟ้า ก็จะกลายเป็นว่าหยดน้ำนั้นกลายเป็นพิษเสียเอง เพราะมันได้แทรกตัวสอดสายเข้ามาในกลุ่มควันร้ายนั้น


ว่าไปแล้ว...ฟ้าที่สะอาด ฝนที่สะอาด ย่อมนำพาชีวิตสรรพสิ่งไปสู่ความอุดมสมบูรณ์ แต่ในฟ้าที่ไม่สะอาด กับสายฝนที่สะอาด ชำระล้างฟ้าให้สะอาด แล้วฝนก็จะกลายเป็นฝนที่ไม่สะอาด เพื่อให้ฟ้าสะอาด นั่นถ้าหากว่า ความไม่สะอาดของฟ้ามีมากเกินไป และสายฝนที่สะอาดมีน้อยเกินไป มันก็ชำระล้างไม่ได้ เลยกลายเป็นของไม่สะอาดไปด้วยกัน หรือว่าที่สุดแล้ว ฟ้าก็ยังสะอาด ฝนก็ยังสะอาด แต่ควันฝุ่นพิษร้ายนั่นต่างหากที่ไม่สะอาด