Skip to main content

ความรักเคลื่อนที่

คอลัมน์/ชุมชน

"น้าคะ มีใบแมงลักเหลือไหม จะทำแกงเลียงแล้วลืมซื้อมา"
ฉันเอ่ยให้ดังขึ้นอีกหน่อย เป็นรอบที่สอง เมื่ออีกฝ่ายดูเหมือนจะยังไม่ได้ยิน

ผู้หญิงคนนั้น กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ท้ายรถกระบะ ซึ่งถูกจัดแต่งให้กลายเป็นตลาดสดเคลื่อนที่
รถกระบะสีน้ำเงินคันนั้น มีผนังกั้นสองด้าน มีหลังคา ภายในมีชั้นวางของด้านบน ประกอบไปด้วยพริกแกงประเภทต่างๆ ไข่สด กะปิ พริกแห้ง กระเทียม ด้านท้ายของรถถูกสั่งทำเป็นพิเศษ โดยการประกอบแผ่นโลหะให้เป็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าความกว้างของรถ ในนั้นคือถังแช่เย็นขนาดใหญ่ มีน้ำแข็งบรรจุอยู่เต็ม เพื่อรักษาความเย็นแก่หมู ไก่ ปลา อาหารทะเล ลูกชิ้น ไส้กรอก และของทุกๆ อย่างที่เราอยากกินอยากซื้อ


ที่ฉันชอบมองที่สุด คือ เพดานสอยดาว บนนั้นจะมีเหล็กห้อยระย้าลงมาเพื่อเอาไว้แขวนผักประเภทต่างๆ ที่จัดใส่ถุงไว้แล้ว ใครอยากสอยก็คว้ากรรไกรที่แขวนเอาไว้ สอดมือเข้าไปตัดมา ทุกอย่างที่มีในตลาดใหญ่ๆ ถูกย่อส่วนเอาไว้ที่นี่ ตั้งแต่ต้นหอม ผักชี ไปจนถึงฟักเขียว ฟักทอง ระยะ มะเขือยาว ผักทุกประเภท มีทั้งแบบมัดเป็นกำ และจัดเซ็ทให้ครบครันสำหรับเมนูพิเศษ เพื่อปรุงอาหารได้ทันที


"ใบแมงลักเหรอ มีๆ แป๊บนะ" เธอว่าแล้วก็ควานหาถุงที่ใส่เอาไว้ สำหรับผักบางประเภทที่มีคนซื้อน้อย จะไม่ได้ถูกแขวนเหมือนผักยอดฮิตทั่วไป ไม่นานนักเธอก็ยื่นใบแมงลักออกมาให้หนึ่งกำ


"กี่บาทคะ" ฉันกำเหรียญเอาไว้ในมือ พร้อมจะยื่นส่งให้
"ไม่เอาหรอก เอาไปเถอะ วันนี้ขายได้เยอะแล้ว"
พูดพลางยิ้มสดใส คงเป็นอย่างนั้นจริงๆ เพราะของในรถดูพร่องตาไปมากแล้ว ยามนี้เวลาใกล้บ่าย เธอและสามีเพิ่งกลับมาจากการตะลอนขายของตามเส้นทางต่างๆ ทั่วเชียงใหม่


น้าผู้หญิงคนนี้เคยเล่าว่า การค้าของเธอนั้นสวนทางกับธุรกิจอื่นๆ วันไหนฝนตก อากาศไม่ดี ของกลับขายได้ เพราะคนไม่อยากออกจากบ้าน เมื่อตลาดน้อยเคลื่อนที่ไปถึงถิ่น คนก็แค่กางร่มออกมายืนซื้อหน้าบ้าน ไม่ต้องไปตลาดให้เสียเวลา วันไหนเป็นวันหยุด วันอาทิตย์ วันหยุดราชการ วันหยุดยาว หรือเข้าฤดูกาลมรสุม ที่ทุกคนอยากอยู่บ้านพักผ่อน นั่นถือเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด


"ตลาดสดรถคันนี้ไม่มีปิด" น้าพูดเล่นๆ และฉันก็เห็นอย่างนั้นจริงๆ น้อยครั้งเหลือเกินที่จะเห็นรถคันนี้เงียบหายไปจากหมู่บ้าน


แม้กระทั่งวันนี้
"เขาหยุดกันยาว นึกว่าน้าจะหยุดด้วย วันนี้วันแม่"
ฉันเอ่ยอย่างชวนสนทนา น้าผู้หญิงอมยิ้ม ในดวงตานั้นมีบางสิ่งฉายชัดอยู่
อาจเป็นความรัก ความคิดถึง
?
"ใจอยากจะไปจะตายนะ อยากกลับบ้าน ลูกๆ คงไปร่วมกิจกรรมโรงเรียน แต่ลูกเราก็เข้าใจนะวันแบบนี้เราทำงานได้เยอะกว่า จะได้เก็บวันหยุดไปเยี่ยมเขาได้หลายๆวัน"


สิ่งที่เธอพูดถึง คือเวลาและรายได้ ในเมืองที่ห่างจากบ้านเกิดนับร้อยกิโลเมตร บ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านห่างไกล ที่ตรงโน้น มีลูกชายหนึ่งคน ลูกสาวหนึ่งคน มีตาและยายช่วยเลี้ยงดู ทุกเช้าพวกเขาไปโรงเรียน กลับมาทานข้าว โทรคุยกับแม่และพ่อ ทำการบ้านและเข้านอน


"น้าเพิ่งไปบ้านกลับมาใช่ไหมคะ ช่วงก่อนไม่เห็น"
"
อ๋อ ใช่ๆ ไปครั้งก่อนหลายวัน ไม่อยากกลับมาเลยแหละ" ดวงตาเป็นประกาย รอยยิ้มแห่งความอิ่มเอิบ ทำให้ฉันพลอยยิ้มไปด้วย


"ลูกๆ คงคิดถึงแม่แย่"
"
อืม ใช่ แต่เขาเข้าใจนะ วันแม่ไม่ได้มีวันเดียว ว่าไหม วันไหนๆ แม่ก็รักลูกอยู่เสมอ ที่เราทำงานทุกวันนี้ ตื่นตอนดึกไปเอาของที่ตลาดใหญ่ จัดใส่ถุง กว่าจะเข้าบ้านก็บ่ายโมง ได้นอนไม่นานก็ต้องตื่น เราทำเพื่อเขา"


สายตาของฉันกวาดไปยังรอบๆ พร้อมๆ กับฟังไปด้วย ถุงเล็กๆ ที่แขวนอยู่บนเพดานสอยดาวนั้น ยิ่งจำนวนมาก ยิ่งบอกถึงการทำงานที่หนัก ทุกคืนในเวลาที่ฉันเพิ่งเข้านอน เป็นเวลาที่ทั้งสองคนจะตื่นและออกไปตลาด ยามบ่ายเวลาที่ฉันทานข้าวเสร็จและพักผ่อน พวกเขาเพิ่งมาถึงพร้อมความหิว ทานข้าวเที่ยงเสร็จ ไม่นานจากนั้น พวกเขาจะออกไปขายของอีกรอบ


และในเวลาพักดูข่าวภาคค่ำของฉัน นั่นคือเวลาที่พวกเขาเพิ่งกลับมาถึงอีกครั้ง
"น้าทานอะไรหรือยัง เดี๋ยวจะเอาแกงเลียงมาให้ชิมนะ เพิ่งฝึกทำค่ะ"


ฉันออกตัวไว้ก่อน แล้วรีบพรวดเข้ามาบ้านของตัวเอง แกงเลียงกำลังร้อนๆ ผักสุกได้ที่แล้ว เหลือก็แต่ล้างใบแมงลักแล้วใส่ลงไป ไม่นานนัก ถ้วยเล็กๆ ก็มีโอกาสใส่อาหารให้เพื่อนบ้านได้ชิม
"ไม่อร่อยอย่าว่ากันนะคะ" ฉันออกตัวอีกครั้ง ด้วยรสชาติไม่อยากให้คนอื่นคาดหวัง


น้าผู้หญิงลงจากรถมาแล้ว รับแกงไปด้วยแววตายินดี
"ดีจังนะ ทำกับข้าวเป็น อยากทำอะไรบอกนะจะเก็บผักไว้ให้" เธอตอบแทนฉันด้วยคำขอบคุณและแววตาเอ็นดู วูบนั้น ฉันเห็นความรักที่ส่งไปยังใครบางคนในเบื้องหลังของชีวิตเธอและเขา
"เห็นแล้วคิดถึงลูกจริงๆ อายุ 12 ขวบ ก็ฝึกทำกับข้าวกินเองแล้วล่ะ"
เธอพูดอย่างปลาบปลื้ม ก่อนสามีจะเรียกให้ดูเวลา พวกเขาคงต้องรีบกินข้าว นอนพัก เพราะอีกไม่นานก็จะต้องเดินทางออกไปอีก พร้อมตลาดสดเคลื่อนที่ ที่ทำงานที่ใช้ชีวิตอยู่ในนั้นมากกว่าบ้านที่เช่าเอาไว้


"น้าไปก่อนนะ เดี๋ยวจะโทรหาลูกตอนอยู่ในรถน่ะแหละ"
ทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ฉันพยักหน้า ใจลอยไปยังเด็กหญิงและเด็กชายสองคนที่ไม่เคยรู้จัก ภาวนาให้เขาเชื่อและมั่นใจไปกระทั่งเติบโต ว่าการจากพรากของพวกเขาอาจจะมีอะไรสูญหายไปบ้าง แต่ฉันอยากบอกเขาด้วยใจจริง ว่าโลกใบนี้แม้จะไกลแสนไกล


ความรักก็ยังเดินทางอยู่เสมอ ไม่ว่ายามพวกเขาตื่นหรือหลับตาลงไปแล้ว